ผมเป็นคนนึงที่หันมาออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานครับ
โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ อยู่ว่าออกกำลังกายด้วย ลดพุงได้ด้วยจะดีมาก
ไลฟ์สไตล์ตอนแรกของผมนะครับ 555+
ทำงานหน้าคอม ขับรถบ่อย กลับบ้านเหนื่อยนอน เช้ากิน กลางวันกิน กลางคืนกิน (เพราะรถติดกลับค่ำ-ดึกบ่อย) เสาร์กินเบียร์กับเพื่อน
วันหยุดกินเบียร์คนเดียวครั้งล่ะครึ่งโหล อาทิตย์เมาค้างนอนค่ำ ๆ มาหวดเบียร์ต่อ วันจันทร์ทำหน้ามึนไปสายประจำ
เดือนนึงเตะบอลซักสองสามครั้งต่อเดือน พอหนัก ๆ เข้า
ปวดเข่า ปวดหลัง เพราะเล่นเป็นกองหลังปะทะกันบ่อย ยิ่งเพื่อนกันยิ่งเล่นกันแรง ๆ ด้วยครับ
น้ำหนักจะอยู่ในช่วง 79-82 กิโลกรัมครับ
หน้าตาอิ่มเอิบมีบุญ พุงเปล่งพอใช้ครับ แขม่ว ๆ ก็พอไปได้
อันนี้หน้าตอนช่วงนั้นครับ ไม่เซนหน้านะครับเพราะใส่แว่นดำ
ดูพุงครับ เสื้อมันจะระเบิดอยู่แล้วครับ 555+
ตอนอ้วน ๆ ไม่ค่อยมีรูปนะครับ อายเลยไม่ชอบกล้องเท่าไร
ระหว่างนั้นก็มีการลดน้ำหนักเป็นระยะ อดข้าวบ้าง ไม่กินข้าวเย็นบ้าง ฟิตเนสบ้าง แต่ความอดทนผมไม่พอครับ
ไปไม่รอด ซักพักก็กลับมาเป็นแบบเดิม เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เริ่มทำงานบริษัทแล้วครับ (ทำมาห้าหกปีล่ะครับ)
การควบคุมอาหารครับ
โดยเป้าหมายหลักผมต้องการลดพุง
ก็ลดเบียร์ลงบ้างครับจาก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เหลือ สัปดาห์ล่ะครั้งครับ ครั้งล่ะครึ่งโหลก็เหลือสองขวด
โค๊กกินเฉพาะตอนปั่นจักรยานครับ ครั้งล่ะ 1 กระป๋อง ทีเหลือกินน้ำเปล่า
เสาร์อาทิตย์อนุญาตให้ตัวเองกินได้ 1 ขวด 1.25 ลิตรครับ
ข้าวกินปกติครับวันไหนทำงานก็กินสามมื้อ เช้า กลางวัน เย็น กินก่อนออกไปปั่นจักรยาน
วันไหนหยุดผมกินสองมื้อตื่นสาย กินเสร็จก็ออกไปปั่นจักรยานเบิร์นทิ้งครับ
ชา กาแฟ ถ้าไม่มีประชุม สัมนา ไม่ค่อยกินเท่าไรครับ
ขนมต่าง ๆ ไม่ค่อยได้กินครับ
ดึก ๆ หิว แอปเปิ้ลเขียวสองลูกครับ กินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็อิ่ม ไม่อิ่มก็สามลูกครับ จะเริ่มจุก
ตอนปีใหม่ไปได้จักรยานมือสองสภาพเก่ามาคันนึงครับ เลยเอาไปติดไฟหน้าหลัง ซื้อหมวกปั่นจักรยานมาอันนึง
ก็เลยหันมาปั่นจักรยานเล่นครับ
พอปั่นจักรยานก็มีพี่ที่ รฟม มาแนะนำการตั้งเบาะ วิธีปั่นต่าง ๆ ให้ครับ (ขอบคุณพี่มากเลยครับ ผมลืมถามชื่อ)
ก็ปั่นไปได้เรื่อย ๆ และใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ครับ กิน นอน เบียร์
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างคือปั่นจักรยานอย่างน้อยวันล่ะ 1 - 1.5 ชั่วโมงครับ วันไหนเมากลับมาจากบริษัทก็ต้องมาปั่นก่อนนอนครับ
ซึ่งปกติผมปั่นเลนจักรยานแถวเลียบด่วน ต่อให้เมาแค่ไหนก็ปลอดภัยมากครับ ถ้าไม่เมาจัดจนไปชนไอ้แท่งสีส้ม กับชนรถชาวบ้านที่มาจอดบนเลนจักรยาน อันหลังนี่ไม่เคยชนนะครับ 55+
ฝนตกก็ออกไปปั่นทั้ง ๆ เปียก ๆ
โดยตั้งเป้าหมายว่าชั่วโมงนึงอย่างน้อย ระยะทางไม่เกี่ยง ความเร็วเท่าไรก็ได้ ลุยได้ทุกพื้นที่ 5555+
โดยความเร็วเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 15-20 ครับ รถค่อนข้างหนัก เจอหมาไล่ก็ 35+
ผลลัพท์ที่ได้นะครับ
หลังจากทำแบบนี้มาสามเดือน
ผมเพิ่งมาสังเกตตัวเองช่วงหลังพุงมันหายครับ เนื้องอกที่คางก็หายไปครับ ตัวเหมือนจะเบาลงนิดหน่อย
ลองไปชั่งน้ำหนักดูเหลือ 72 - 73 กิโลกรัมครับ
ขออนุญาตเพิ่มรูปครับ
เน้นคางนะครับ
อันนี้หนอกหายครับ (แต่งตัวไม่ค่อยสุภาพนะครับ เน้นดูคางล่ะกันครับ)
ส่วนนึงคิดว่าน่าจะเป็นจากการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องวันล่ะ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยครับ
ไม่ได้เน้นว่าจะต้องเป็นจักรยานนะครับ แต่สำหรับผมการปั่นจักรยานมันมีข้อดีเยอะกว่าการออกกำลังแบบอื่น ๆ ครับ
ได้มิตร อิอิ ได้เห็นวิวทิวทัศน์ไม่เบื่อ เบื่อก็เปลี่ยนเส้นทางปั่น ไปต่างจังหวัดก็เอาไปปั่นด้วย
เรื่องอันตรายบนท้องถนน
อันนี้ส่วนตัวคิดว่า ถ้าผมปั่นแบบมีมารยาทก็จะได้สิ่ง ๆ กลับมาครับ เวลาถึงทางแยกผมก็ติดไฟแดงเหมือนพาหนะอื่น ๆ
ใช้สัญญาณมือเป็นนิสัย ถ้าถนนเส้นไหนมีเลนจักรยานผมก็ปั่นตรงนั้นล่ะครับ เลี่ยงการปั่นบนฟุตบาทมากที่สุด
ใส่เครื่องป้องกันดี ๆ ไม่ประมาทไม่ซิ่งถ้าทางไม่โล่งถนนไม่ดี 55555+
ผมว่าก็ปลอดภัยในระดับนึงนะครับ
ปั่นไปทำงานผมก็ลองมาครับ มันส์ใช้ได้ แต่เหงื่อแตกครับ ที่ทำงานไม่มีห้องอาบน้ำจะอาบในสวนลุมก็ยัง ๆ อยู่ กลัวจักรยานหาย
เลยไม่ค่อยได้ปั่นไปทำงานครับ
เวลาปั่นกลางวัน ผมเตรียมตัวประมาณนี้ครับ
หมวก เสื้อวอร์มแขนยาว ถุงมือวินมอไซด์ ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก เดี๋ยวดำ กางเกงขาสั้นธรรมดาเพราะว่าขาดำได้ 555+
กลางวันนี่เหงื่อออกเป็นปี๊บ ๆ ครับ
เวลาปั่นกลางคืน
หมวกไม่ค่อยใส่ เสื้อแขนกุด ไฟรถหน้าหลัง ปลอดภัย
ตอนหลังได้จักรยานมือสองจากพี่ใจดีในนี้มาครับเป็น Jamis Trail X1 ปี 2013
ขอให้เพื่อน ๆ มีความสุขกับการออกกำลังกายครับ
ถ้าอยากสนุกไม่เบื่อง่าย ๆ แนะนำมาปั่นจักรยานนะครับ มันดีมาก ๆ อิอิ
** ผมอยากไปเปลี่ยนตีนเหยียบครับให้เป็นแบบเหล็กหรืออลู ใครทราบขอคำแนะนำหน่อยนะครับ เดิม ๆ ติดรถมา มันลื่น ๆ เวลายืนปั่นครับเสียวมาก
ปั่นจักรยานลดพุง!
โดยมีเป้าหมายเล็ก ๆ อยู่ว่าออกกำลังกายด้วย ลดพุงได้ด้วยจะดีมาก
ไลฟ์สไตล์ตอนแรกของผมนะครับ 555+
ทำงานหน้าคอม ขับรถบ่อย กลับบ้านเหนื่อยนอน เช้ากิน กลางวันกิน กลางคืนกิน (เพราะรถติดกลับค่ำ-ดึกบ่อย) เสาร์กินเบียร์กับเพื่อน
วันหยุดกินเบียร์คนเดียวครั้งล่ะครึ่งโหล อาทิตย์เมาค้างนอนค่ำ ๆ มาหวดเบียร์ต่อ วันจันทร์ทำหน้ามึนไปสายประจำ
เดือนนึงเตะบอลซักสองสามครั้งต่อเดือน พอหนัก ๆ เข้า
ปวดเข่า ปวดหลัง เพราะเล่นเป็นกองหลังปะทะกันบ่อย ยิ่งเพื่อนกันยิ่งเล่นกันแรง ๆ ด้วยครับ
น้ำหนักจะอยู่ในช่วง 79-82 กิโลกรัมครับ
หน้าตาอิ่มเอิบมีบุญ พุงเปล่งพอใช้ครับ แขม่ว ๆ ก็พอไปได้
อันนี้หน้าตอนช่วงนั้นครับ ไม่เซนหน้านะครับเพราะใส่แว่นดำ
ดูพุงครับ เสื้อมันจะระเบิดอยู่แล้วครับ 555+
ตอนอ้วน ๆ ไม่ค่อยมีรูปนะครับ อายเลยไม่ชอบกล้องเท่าไร
ระหว่างนั้นก็มีการลดน้ำหนักเป็นระยะ อดข้าวบ้าง ไม่กินข้าวเย็นบ้าง ฟิตเนสบ้าง แต่ความอดทนผมไม่พอครับ
ไปไม่รอด ซักพักก็กลับมาเป็นแบบเดิม เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เริ่มทำงานบริษัทแล้วครับ (ทำมาห้าหกปีล่ะครับ)
การควบคุมอาหารครับ
โดยเป้าหมายหลักผมต้องการลดพุง
ก็ลดเบียร์ลงบ้างครับจาก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เหลือ สัปดาห์ล่ะครั้งครับ ครั้งล่ะครึ่งโหลก็เหลือสองขวด
โค๊กกินเฉพาะตอนปั่นจักรยานครับ ครั้งล่ะ 1 กระป๋อง ทีเหลือกินน้ำเปล่า
เสาร์อาทิตย์อนุญาตให้ตัวเองกินได้ 1 ขวด 1.25 ลิตรครับ
ข้าวกินปกติครับวันไหนทำงานก็กินสามมื้อ เช้า กลางวัน เย็น กินก่อนออกไปปั่นจักรยาน
วันไหนหยุดผมกินสองมื้อตื่นสาย กินเสร็จก็ออกไปปั่นจักรยานเบิร์นทิ้งครับ
ชา กาแฟ ถ้าไม่มีประชุม สัมนา ไม่ค่อยกินเท่าไรครับ
ขนมต่าง ๆ ไม่ค่อยได้กินครับ
ดึก ๆ หิว แอปเปิ้ลเขียวสองลูกครับ กินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็อิ่ม ไม่อิ่มก็สามลูกครับ จะเริ่มจุก
ตอนปีใหม่ไปได้จักรยานมือสองสภาพเก่ามาคันนึงครับ เลยเอาไปติดไฟหน้าหลัง ซื้อหมวกปั่นจักรยานมาอันนึง
ก็เลยหันมาปั่นจักรยานเล่นครับ
พอปั่นจักรยานก็มีพี่ที่ รฟม มาแนะนำการตั้งเบาะ วิธีปั่นต่าง ๆ ให้ครับ (ขอบคุณพี่มากเลยครับ ผมลืมถามชื่อ)
ก็ปั่นไปได้เรื่อย ๆ และใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ครับ กิน นอน เบียร์
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างคือปั่นจักรยานอย่างน้อยวันล่ะ 1 - 1.5 ชั่วโมงครับ วันไหนเมากลับมาจากบริษัทก็ต้องมาปั่นก่อนนอนครับ
ซึ่งปกติผมปั่นเลนจักรยานแถวเลียบด่วน ต่อให้เมาแค่ไหนก็ปลอดภัยมากครับ ถ้าไม่เมาจัดจนไปชนไอ้แท่งสีส้ม กับชนรถชาวบ้านที่มาจอดบนเลนจักรยาน อันหลังนี่ไม่เคยชนนะครับ 55+
ฝนตกก็ออกไปปั่นทั้ง ๆ เปียก ๆ
โดยตั้งเป้าหมายว่าชั่วโมงนึงอย่างน้อย ระยะทางไม่เกี่ยง ความเร็วเท่าไรก็ได้ ลุยได้ทุกพื้นที่ 5555+
โดยความเร็วเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 15-20 ครับ รถค่อนข้างหนัก เจอหมาไล่ก็ 35+
ผลลัพท์ที่ได้นะครับ
หลังจากทำแบบนี้มาสามเดือน
ผมเพิ่งมาสังเกตตัวเองช่วงหลังพุงมันหายครับ เนื้องอกที่คางก็หายไปครับ ตัวเหมือนจะเบาลงนิดหน่อย
ลองไปชั่งน้ำหนักดูเหลือ 72 - 73 กิโลกรัมครับ
ขออนุญาตเพิ่มรูปครับ
เน้นคางนะครับ
อันนี้หนอกหายครับ (แต่งตัวไม่ค่อยสุภาพนะครับ เน้นดูคางล่ะกันครับ)
ส่วนนึงคิดว่าน่าจะเป็นจากการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องวันล่ะ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยครับ
ไม่ได้เน้นว่าจะต้องเป็นจักรยานนะครับ แต่สำหรับผมการปั่นจักรยานมันมีข้อดีเยอะกว่าการออกกำลังแบบอื่น ๆ ครับ
ได้มิตร อิอิ ได้เห็นวิวทิวทัศน์ไม่เบื่อ เบื่อก็เปลี่ยนเส้นทางปั่น ไปต่างจังหวัดก็เอาไปปั่นด้วย
เรื่องอันตรายบนท้องถนน
อันนี้ส่วนตัวคิดว่า ถ้าผมปั่นแบบมีมารยาทก็จะได้สิ่ง ๆ กลับมาครับ เวลาถึงทางแยกผมก็ติดไฟแดงเหมือนพาหนะอื่น ๆ
ใช้สัญญาณมือเป็นนิสัย ถ้าถนนเส้นไหนมีเลนจักรยานผมก็ปั่นตรงนั้นล่ะครับ เลี่ยงการปั่นบนฟุตบาทมากที่สุด
ใส่เครื่องป้องกันดี ๆ ไม่ประมาทไม่ซิ่งถ้าทางไม่โล่งถนนไม่ดี 55555+
ผมว่าก็ปลอดภัยในระดับนึงนะครับ
ปั่นไปทำงานผมก็ลองมาครับ มันส์ใช้ได้ แต่เหงื่อแตกครับ ที่ทำงานไม่มีห้องอาบน้ำจะอาบในสวนลุมก็ยัง ๆ อยู่ กลัวจักรยานหาย
เลยไม่ค่อยได้ปั่นไปทำงานครับ
เวลาปั่นกลางวัน ผมเตรียมตัวประมาณนี้ครับ
หมวก เสื้อวอร์มแขนยาว ถุงมือวินมอไซด์ ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก เดี๋ยวดำ กางเกงขาสั้นธรรมดาเพราะว่าขาดำได้ 555+
กลางวันนี่เหงื่อออกเป็นปี๊บ ๆ ครับ
เวลาปั่นกลางคืน
หมวกไม่ค่อยใส่ เสื้อแขนกุด ไฟรถหน้าหลัง ปลอดภัย
ตอนหลังได้จักรยานมือสองจากพี่ใจดีในนี้มาครับเป็น Jamis Trail X1 ปี 2013
ขอให้เพื่อน ๆ มีความสุขกับการออกกำลังกายครับ
ถ้าอยากสนุกไม่เบื่อง่าย ๆ แนะนำมาปั่นจักรยานนะครับ มันดีมาก ๆ อิอิ
** ผมอยากไปเปลี่ยนตีนเหยียบครับให้เป็นแบบเหล็กหรืออลู ใครทราบขอคำแนะนำหน่อยนะครับ เดิม ๆ ติดรถมา มันลื่น ๆ เวลายืนปั่นครับเสียวมาก