คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 (มติชนรายวัน 9 มี.ค.2556)
หลังศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. "ผู้บาดเจ็บ" สาหัสมีอยู่ 2 ราย
รายแรก คือ พรรคเพื่อไทย
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คือ "โอกาส" ที่ดีที่สุดของพรรคเพื่อไทยในรอบ 12 ปี
นับจากวันที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งเมื่อ 2544
"เพื่อไทย" นั้นมั่นใจมากจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
ในขณะพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจในระดับ 50 ต่อ 50
โพลภายในของพรรค พล.ต.อ.พงศพัศ ชนะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ถึง 14%
โพลนี้ "ทักษิณ ชินวัตร" ให้ความเชื่อมั่นมาก
และส่วนใหญ่ไม่เคยพลาด
ความมั่นใจทำให้ช่วงโค้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยใช้วิธีการแบบนักมวย
ยก 5 ที่คะแนนนำ
ไม่แลก ไม่ปะทะ
ถีบ-ถอยอย่างเดียว
แต่สุดท้าย กลยุทธ์หาเสียงแบบ "อีโอชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง" ดึงความกลัว
และความสงสารของพรรคประชาธิปัตย์ในโค้งสุดท้ายก็สัมฤทธิ์ผล
"ประชาธิปัตย์" สามารถแปรคำว่า "ไร้รอยต่อ" ของพรรคเพื่อไทยให้กลายเป็น
"กินรวบ" สำเร็จ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชนะ พล.ต.อ.พงศพัศ ขาดลอยถึง 178,322 คะแนน
หรือประมาณ 6.5% ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด
ในเชิงกลยุทธ์ ต้องชมเชยพรรคประชาธิปัตย์ว่ายังเหนือชั้น
และเข้าใจคน กทม.มากกว่าพรรคเพื่อไทย
ส่วนพรรคเพื่อไทย นี่คือ "บทเรียน" ครั้งสำคัญ
เพราะ "โอกาส" เช่นนี้ไม่รู้ว่าจะหวนกลับมาอีกครั้งหรือไม่
ผู้บาดเจ็บสาหัสรายที่ 2 คงไม่พ้น "สำนักโพล" ทั้งหลาย
การทำโพลเลือกตั้งนั้นเป็น "ดาบสองคม" ของสำนักโพล
เพราะไม่ใช่ผลการสำรวจทัศนคติทั่วไปซึ่งไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง
แต่ "โพลเลือกตั้ง" มี "คำตอบ" ในวันเลือกตั้ง
แม่นหรือไม่แม่น ก็เห็นกันในวันนั้น
โพลผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้มีถูกต้องเพียงรายเดียว คือ "นิด้าโพล"
บอกว่า "สุขุมพันธุ์" จะชนะ 1.7%
แม้จะห่างจากคะแนนจริงประมาณ 4.8%
แต่ก็ถือว่า "แม่นยำ"
เพราะสำนักโพลอื่นผิดพลาดทั้งหมด ทุกค่ายทำนายว่า "พงศพัศ" จะชนะ
ทั้ง "สวนดุสิต-เอแบค-บ้านสมเด็จ-กรุงเทพฯ"
ซึ่งนับว่า "สวนดุสิตโพล" และ "เอแบคโพล" โชคดีมาก ที่มี
อีก 2 สำนักร่วมผิดพลาดด้วย
เพราะแสดงให้เห็นว่าการทำนายผลผิดพลาดไม่ได้มาจาก "เจตนา"
ตามที่มีบางฝ่ายตั้งใจกล่าวหามาก่อนหน้านี้
แต่เป็นผลจากระเบียบวิธีวิจัย หรือวิธีการสุ่มตัวอย่างที่เคยได้ผลใน
อดีตยามที่ยังไม่เกิด "สงครามสี" ระหว่าง "เสื้อเหลือง-เสื้อแดง"
วันนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว สำหรับคนเมืองกรุง
โพลที่เคยทำนายผลถูกต้อง จึงผิดพลาด
"ความหวาดระแวง" อาจทำให้การใช้วิธีเดินถามแบบเดิม
ไม่ได้คำตอบที่แท้จริง เพราะคนไม่ยอมตอบ หรือตอบไม่จริง
ในขณะที่ "นิด้าโพล" นั้นใช้วิธีการโทรศัพท์สุ่มตามบ้าน
ตามฐานข้อมูลเก่าที่เขาสะสมมานาน
กลยุทธ์ดังกล่าวอาจจะเหมาะสมกว่าในสภาพสังคมไทยในวันนี้
เพราะการไม่ต้องเผชิญหน้ากัน ทำให้กล้าจะให้คำตอบที่แท้จริง
"บาดแผล" จากการเลือกตั้งครั้งนี้คงทำให้สำนักโพล
ทั้งหลายต้องปรับตัวครั้งใหญ่
แต่การแสวงหา "ความจริง" ตามหลักวิชาการยังต้องดำเนินต่อไป
เพราะ "หน้าที่" คือ "หน้าที่"
และ "สุจริต" คือ "เกราะกำบัง" ที่ดีที่สุด
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1362845942&grpid=&catid=02&subcatid=0207
....สวนดุสิตโพล ...ก็โทร.ถามที่บ้านค่ะ แต่คงไม่ได้ใช้โทร.ทั้งหมด
กระมังผล ถึงไม่ได้เหมือน นิด้า
บาดแผล โดย สรกล อดุลยานนท์ ....... มติชนออนไลน์
หลังศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. "ผู้บาดเจ็บ" สาหัสมีอยู่ 2 ราย
รายแรก คือ พรรคเพื่อไทย
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คือ "โอกาส" ที่ดีที่สุดของพรรคเพื่อไทยในรอบ 12 ปี
นับจากวันที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งเมื่อ 2544
"เพื่อไทย" นั้นมั่นใจมากจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
ในขณะพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจในระดับ 50 ต่อ 50
โพลภายในของพรรค พล.ต.อ.พงศพัศ ชนะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ถึง 14%
โพลนี้ "ทักษิณ ชินวัตร" ให้ความเชื่อมั่นมาก
และส่วนใหญ่ไม่เคยพลาด
ความมั่นใจทำให้ช่วงโค้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยใช้วิธีการแบบนักมวย
ยก 5 ที่คะแนนนำ
ไม่แลก ไม่ปะทะ
ถีบ-ถอยอย่างเดียว
แต่สุดท้าย กลยุทธ์หาเสียงแบบ "อีโอชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง" ดึงความกลัว
และความสงสารของพรรคประชาธิปัตย์ในโค้งสุดท้ายก็สัมฤทธิ์ผล
"ประชาธิปัตย์" สามารถแปรคำว่า "ไร้รอยต่อ" ของพรรคเพื่อไทยให้กลายเป็น
"กินรวบ" สำเร็จ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชนะ พล.ต.อ.พงศพัศ ขาดลอยถึง 178,322 คะแนน
หรือประมาณ 6.5% ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด
ในเชิงกลยุทธ์ ต้องชมเชยพรรคประชาธิปัตย์ว่ายังเหนือชั้น
และเข้าใจคน กทม.มากกว่าพรรคเพื่อไทย
ส่วนพรรคเพื่อไทย นี่คือ "บทเรียน" ครั้งสำคัญ
เพราะ "โอกาส" เช่นนี้ไม่รู้ว่าจะหวนกลับมาอีกครั้งหรือไม่
ผู้บาดเจ็บสาหัสรายที่ 2 คงไม่พ้น "สำนักโพล" ทั้งหลาย
การทำโพลเลือกตั้งนั้นเป็น "ดาบสองคม" ของสำนักโพล
เพราะไม่ใช่ผลการสำรวจทัศนคติทั่วไปซึ่งไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง
แต่ "โพลเลือกตั้ง" มี "คำตอบ" ในวันเลือกตั้ง
แม่นหรือไม่แม่น ก็เห็นกันในวันนั้น
โพลผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้มีถูกต้องเพียงรายเดียว คือ "นิด้าโพล"
บอกว่า "สุขุมพันธุ์" จะชนะ 1.7%
แม้จะห่างจากคะแนนจริงประมาณ 4.8%
แต่ก็ถือว่า "แม่นยำ"
เพราะสำนักโพลอื่นผิดพลาดทั้งหมด ทุกค่ายทำนายว่า "พงศพัศ" จะชนะ
ทั้ง "สวนดุสิต-เอแบค-บ้านสมเด็จ-กรุงเทพฯ"
ซึ่งนับว่า "สวนดุสิตโพล" และ "เอแบคโพล" โชคดีมาก ที่มี
อีก 2 สำนักร่วมผิดพลาดด้วย
เพราะแสดงให้เห็นว่าการทำนายผลผิดพลาดไม่ได้มาจาก "เจตนา"
ตามที่มีบางฝ่ายตั้งใจกล่าวหามาก่อนหน้านี้
แต่เป็นผลจากระเบียบวิธีวิจัย หรือวิธีการสุ่มตัวอย่างที่เคยได้ผลใน
อดีตยามที่ยังไม่เกิด "สงครามสี" ระหว่าง "เสื้อเหลือง-เสื้อแดง"
วันนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว สำหรับคนเมืองกรุง
โพลที่เคยทำนายผลถูกต้อง จึงผิดพลาด
"ความหวาดระแวง" อาจทำให้การใช้วิธีเดินถามแบบเดิม
ไม่ได้คำตอบที่แท้จริง เพราะคนไม่ยอมตอบ หรือตอบไม่จริง
ในขณะที่ "นิด้าโพล" นั้นใช้วิธีการโทรศัพท์สุ่มตามบ้าน
ตามฐานข้อมูลเก่าที่เขาสะสมมานาน
กลยุทธ์ดังกล่าวอาจจะเหมาะสมกว่าในสภาพสังคมไทยในวันนี้
เพราะการไม่ต้องเผชิญหน้ากัน ทำให้กล้าจะให้คำตอบที่แท้จริง
"บาดแผล" จากการเลือกตั้งครั้งนี้คงทำให้สำนักโพล
ทั้งหลายต้องปรับตัวครั้งใหญ่
แต่การแสวงหา "ความจริง" ตามหลักวิชาการยังต้องดำเนินต่อไป
เพราะ "หน้าที่" คือ "หน้าที่"
และ "สุจริต" คือ "เกราะกำบัง" ที่ดีที่สุด
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1362845942&grpid=&catid=02&subcatid=0207
....สวนดุสิตโพล ...ก็โทร.ถามที่บ้านค่ะ แต่คงไม่ได้ใช้โทร.ทั้งหมด
กระมังผล ถึงไม่ได้เหมือน นิด้า