สะดุดรักสาวนักซิ่ง ตอนที่ 1

กระทู้สนทนา
สะดุดรักสาวนักซิ่ง
( ตอนที่ 1 )
          แว๊น  แว๊น   แว๊น   “ โอ๊ย ! จะเสียงดังอะไรกันหนักหนาเนี่ย  ยังเช้ามืดอยู่เลย  คนจะหลับจะนอน  นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันกันนะ   ที่ต้องมาอยู่บ้านติดกับอีสาวนักซิ่งเนี่ย  โอ๊ย !  เบื่อเหลือเกิน ”   เสียงบ่น  เสียงด่าทอจากเพื่อนบ้านข้าง ๆ ไม่ได้ทำให้แก้วหูของแอนนา  สาวน้อยนักแข่งมอเตอร์ไซด์สะท้านสะเทือนเลยสักนิด   เพราะเสียงจากเครื่องยนต์มอเตอร์ไซด์มันดังกึกก้องอยู่ในจิตใจของเธอ   จนกลบเสียงต่าง ๆ เอาไว้หมดแล้ว      “ ขอโทษจ้าป้าแจ๋ว  พอดีอาทิตย์หน้าฉันจะมีแข่งรายการใหญ่ระดับประเทศเลยนะจ๊ะ     ฉันก็ต้องฟิตเครื่องยนต์ให้มันแน่นปึ๊กสักหน่อยน่ะจ้า   จะได้ไม่พลาดเหมือนคราวที่แล้วอีก    ครั้งนี้เงินรางวัลเป็นแสนเลยนะจ๊ะป้า    ถ้าฉันชนะแล้วได้รางวัลกลับมา   ฉันจะได้มีเงินเอาไปรักษานังเปียให้มันหายสักทีน่ะจ้าป้าจ๋ ”   แอนนาตะโกนกล่าวตอบป้าด้วยน้ำเสียงแจ่มใส     “ เออ  ! ขอให้แกชนะกลับมาแล้วกัน          อีนังแอน         แกสองคนพี่น้องจะได้ย้ายบ้านย้ายช่องไปอยู่ที่อื่นสักที    นี่ฉันขอแนะนำให้แกสองคนเนี่ยนะไปปลูกบ้านอยู่กลางทุ่งนาเลย     คราวนี้แหละแกจะได้เช็คเครื่องยนต์ช่วงบนช่วงล่างของแกได้สบาย  ไม่ต้องมารบกวนชาวบ้านเขา    ฉันนะจะขออนุโมธนา   สาธุ   ยกมือท่วมหัวไปกับแกด้วยเลยล่ะอีนังแอนเอ้ย ”    บ้านแจ๋วพูดพลางเดินสะบัดก้นแสนงอนของแกเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่ใยดี            “ ฮ่า   ฮ่า   ฮ่า   จ้าป้า  ขอบใจนะจ๊ะ  ”      แอนนากล่าวรับคำป้าแจ๋ว  และแอบอมยิ้มเล็ก ๆ เพราะนึกขำในท่าทางและคำพูดของป้าแจ๋ว          ป้าแจ๋วเป็นเพื่อนบ้านที่เปรียบเสมือนกับญาติผู้ใหญ่ของแอนนาและน้องสาว    ป้าแจ๋วจะคอยดูแลและช่วยเหลือสองพี่น้องในทุก ๆ เรื่อง  ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องเงินๆทองๆ     ป้าแจ๋วแกเป็นสาวแก่ขึ้นคาน    อายุราว 60 ปี  สาเหตุที่ป้าแจ๋วต้องขึ้นคานเพราะแกเป็นคนปากจัด    เสียงดัง   พูดจาไม่เคารพหรือเกรงใจใคร    สมัยสาว ๆ ป้าแจ๋วมีดีกรีเป็นถึงเทพีสงกรานต์ประจำหมู่บ้าน     เพราะความสวยน่ารักของป้าแจ๋วเมื่อครั้งยังสาวเป็นที่ต้องตาต้องใจนายตำรวจยศนายร้อยคนหนึ่ง     ร้อยตำรวจชัยชาญแอบเทียวมาเทียวไปขายขนมจีบป้าแจ๋วอยู่เป็นประจำ     สมัยนั้นหากสาวคนไหนมีบุรุษในเครื่องแบบมาชอบพลอ  มาสนใจแล้วล่ะก็เปรียบกับตัวเองนั้นเป็นดั่งนางหงส์    ดูมีสง่าราศีเหลือเกิน     ป้าแจ๋วเองก็แอบภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่ได้เป็นหนึ่ง   ในผู้โชคดี          ต่อพอนายร้อยตำรวจชัยชาญคบหากับป้าแจ๋วอยู่ได้ไม่นานก็ต้องเลิกรากันไป   เพราะนายตำรวจหนุ่มทนกับกิริยาเกรี้ยวกราด    เสียงดังปิ๊ด       และคำพูดก้าวร้าวเวลาโกรธของ   ป้าแจ๋วไม่ไหว      จึงตีตัวออกห่างและขอเลิกรากันในที่สุด     ป้าแจ๋วแกเสียใจมาก  จึงขอปฏิญาณกับตนเองว่า      ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ขอรักใครอีกต่อไป    แต่โดยส่วนลึกแล้วป้าแจ๋วเป็นคนที่จิตใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น  เป็นคนมีเมตตา   ขี้สงสาร   แต่ติดอยู่ที่แกเป็นคนปากร้ายไปสักนิดเท่านั้นเอง   ทั้งแอนนาและเปีย  ก็มีเพียงป้าแจ๋วคนนี้ที่คอยช่วยเหลือและดูแลเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก      
          “  นังเปีย    เปียเอ้ย   ตื่นได้แล้ว   เดี๋ยวก็ไปเรียนสายกันพอดี   ไปอาบน้ำแต่งตัวเร็ว ๆ เข้า  ”  “ โอ๊ย !  พี่แอนขอฉันนอนต่ออีกสักเดี๋ยวนะจ๊ะ”   เสียงเปียน้องสาวของแอนนาตอบอย่างงัวเงีย        “  ไม่   ถ้าแกไปสาย  พี่ก็จะไปซ้อมไม่ทันนะ          รู้มั้ยว่าการแข่งขันครั้งนี้มันสำคัญกับพี่มากขนาดไหน    มันอาจจะเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายของพี่ก็ได้ ”      “ หยุดเลยพี่แอน  ฉันไม่ชอบให้พี่พูดแบบนี้เลยนะ    มันทำให้ฉันรู้สึกว่าพี่กำลังจะลาฉันไปตายยังนั้นล่ะ”        ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า แอนนาหัวเราะดังลั่น “ จะบ้าหรอนังเปีย   พี่หมายถึงว่า     ถ้าหากครั้งนี้พี่แข่งชนะ   แล้วพี่จะเอาเงินมารักษาเปียให้หาย    คราวนี้พี่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงบนสนามแข่ง  ที่ชีวิตอาจจะจบลงได้ทุกวินาทีอย่างนั้นอีกแล้ว  พี่จะเลิกแข่งรถ  และก็จะตั้งใจทำงาน  หาเงินมาส่งแกเรียน  พอแกเรียนจบมีงานที่ดีทำ   เราสองคนก็จะสบายกันแล้วนะ   นังเปีย ”      “  อย่าเลยพี่จ้าพี่   พี่เก็บเงินเอาไว้เถอะนะ   พี่ต้องทำตามฝันของพี่ให้เป็นจริงสิจ๊ะ        พี่ต้องเป็นนักแข่งรถหญิงที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยให้ได้      พี่แอนอย่าเอาชีวิตของพี่มาจมปลักกับคนขี้โรคอย่างฉันที่จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้      พี่ปล่อยให้ฉันตายไปเถอะจ้า      ถ้าฉันตายไปสักคนพี่ก็จะได้สบาย   ไม่ต้องคอยมาดูแลฉันอีกไงจ๊ะ ”      “   นี่แน่  ! ”     แอนนายื่นมือมาเขกหัวน้องสาวของน้องสาวเบาๆหนึ่งที     ด้วยความเอ็นดู     “ แกเอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย     นังเปียเอ้ย   สมองขี้เลื่อยจริง ๆ เลยแกเนี่ย      ไป  ไป  อย่ามัวพูดมากรีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย ”        “ ครับผม ไปก็ได้ครับพี่สาว ”        เปียกล่าวตอบพร้อมทำท่าทางอิดออด แล้วค่อยๆลุกจากเตียงไป
          แอนนากับเปียอาศัยบ้านเช่าอยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง    สองพี่น้องใช้ชีวิตดิ้นรนสู้ทนกัดฟันกับโชคชะตาตัวเองมาตั้งแต่แอนนาอายุได้เพียง 13 ปี      ส่วนเปียน้องสาวอายุได้เพียง 10 ปี  แอนนาและเปียเป็นลูกสาวของหญิงบริการที่เป็นเมียเช่าของฝรั่ง     เธอชื่อว่าวิไล       วิไล สาวสวยประหมู่บ้าน    เธอเป็นที่ต้องตาต้องใจของชายหนุ่มทั้งหลาย             แต่ด้วยความทะเยอทะยานอยากได้อยากมี        เธอจึงเลือกอาชีพขายบริการให้กับชาวต่างชาติที่มีหลงใหลในกามคุณ                     จนกระทั่งวันหนึ่งมีชาวต่างชาติมาซื้อบริการเธอ      และขอร้องให้เธอไปอยู่ด้วยกัน   วิไลคิดว่าคำพูดของชายตาน้ำข้าวคนนั้น      จะออกมาจากความจริงใจ    ต่อไปนี้เธอคงสบายไปทั้งชาติ       ไม่ต้องมาเล่ขายของอย่างเช่นทุกวันนี้    แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย        ชายตาน้ำข้าวหลอกเธอไปขายบริการให้กับพวกพ้องของตน    เขาบังคับให้เธออยู่แต่ในห้องมืด      คอยบำบัดความใคร่เหล่าบุรุษที่มีความกำหนัด  และลุ่มหลงอยู่ในกามทั้งหลาย      จนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน             มีเพียงอาหารบางมื้อและเศษเงินเล็กน้อยเท่านั้นที่หยิบยื่นให้เธอ      เธอเสียใจมากและทนกลับสภาพของตนเองไม่ไหว      สุดท้ายวิไลนำเงินที่พอมี      เก็บรวบรวมและหนีกลับประเทศไทย   ฝรั่งตาน้ำข้าวรู้ข่าวแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะติดตามเธอไป        เพราะเห็นว่าวิไลนั้นถูกใช้งานมามากพอแล้ว     ย่อมสึกหรอไปมากเป็นธรรมดา       คงเทียบไม่ได้กลับของใหม่ ๆ สด ๆ ที่เขาพึ่งได้มา จึงปล่อยให้วิไลไปประจญกับโลกอันโหดร้ายเพียงลำพังตามยถากรรม
             อยู่มาไม่นานหลังจากที่วิไลกลับมาอยู่กับยายสายแม่ของตนเองที่บ้านนอก   วิไลก็ตั้งท้องไม่มีพ่อ   เป็นที่ติฉินนินทาของชาวบ้าน    จนทำให้ยายสายตรอมใจตายในที่สุด   เคราะห์ซ้ำกำซัดในจิตใจของวิไลยิ่งนัก     เธอเสียใจมากจนทำอะไรไม่ถูก      เหมือนชีวิตกำลังขาดที่พึ่ง      วิไลคิดจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกในท้องอยู่หลายครั้ง      แต่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นแม่  จึงทำให้เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ลง
  สุรีย์     ชายหนุ่มที่แอบรักวิไลด้วยความจริงใจ      แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  เธอกลับไม่เคยสนใจสุรีย์เลย      เพราะเขาเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่ไม่มีเงินทองอะไรมากมาย        จึงไม่เคยอยู่ในสายตาของวิไล      แต่ทว่าการมีความรักก็เหมือนกับกามเทพกำลังเล่นกล        เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงใด     สุรีย์ก็ไม่เคยเลิกรักเลิกหลงใหลในตัวของวิไลเลยแม้แต่น้อย  เขาเฝ้าแต่รอว่าสักวัน     วิไลอาจจะเห็นใจเขาบ้าง   และด้วยความรักที่มีต่อวิไลอยู่เต็มหัวใจนี้       สุรีย์  จึงไปขอร้องให้วิไลยอมรับเขาเป็นพ่อของลูกในท้องเธอ             วิไลได้แต่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด        แต่สุดท้ายเพราะความดีและความซื่อสัตย์ของสุรีย์ จึงเอาชนะใจของวิไลได้   ทั้งสองอยู่กินฉันท์สามีภรรยาจนมีลูกด้วยกันอีกหนึ่งคน  คือ  เปีย   น้องสาวคนละพ่อของแอนนา           ชีวิตดูเหมือนจะราบรื่นและหายโศกเศร้า  แต่ก็ยังไม่ใช่   เมื่อสุดท้ายแล้ว         วิไลกับสุรีย์ต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อแอนนาอายุได้เพียง  13  ปี         เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แอนนาเสียใจมากจนแทบขาดสติ      แต่คงเป็นเพราะความแข็งแกร่งในตัวเธอ     คงเป็นเพราะหัวจิตหัวใจที่แข็งแรงดังเพชร      จึงทำให้เธอทนกัดฟันทั้งน้ำตา      โผเข้ากอดน้องสาวที่นั่งตัวสั่นระริก         ด้วยความตกใจกลัวตามประสาเด็ก     “  พี่แอนจ๋า  ทำไม่พ่อกับแม่ไม่ลืมตาขึ้นมาล่ะจ๊ะ   ฮือ   ฮือ   ฮือ   ทำไมพ่อกับแม่เลือดออกเยอะขนาดนี้ล่ะจ๊ะ  พี่แอนจ๋า  พ่อกับแม่เป็นอะไร               พ่อกับแม่จะไม่อยู่กับเราแล้วใช่มั้ย   ฮือ  ฮือ   ฮือ  ”        สองพี่น้องกอดคอกันร่ำไห้อย่างน่าสงสาร  ท่ามกลางสายตาผู้คนนับร้อยที่มามุงดูด้วยความตกใจ      ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก     “ ไม่ต้องกลัวนะ   พี่จะดูแลแกเอง  ”      [/size]
          และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา     สองพี่น้องแอนนนาและเปียก็ใช้ชีวิตแบบรันทด      ต้องอดมื้อกินมื้อ      เที่ยวเดินขอทานไปตามถนน       พบเจอกับผู้คนมากกมาย    บางคนมีเมตตาก็หยิบยื่นเศษเงินและข้าวปลาอาหารให้บ้างเพียงเล็กน้อยให้พอประทังชีวิตเล็ก ๆ ได้อยู่รอดไปวันๆ      “ ไป้     ไปให้พ้นนะนังเด็กสกปรก    อย่ามาเข้าใกล้ลูกชายฉันนะ     นี่เป็นโรคอะไรหรือป่าวก็ไม่รู้     พ่อแม่ก็ช่างเหลือเกินจริงๆปล่อยให้ลูกมาเดินขอทาน      นี่ตัวเองก็คงจะนอนหลับสบายอยู่ที่บ้านน่ะสินะ     ไม่มีปัญญาทำมาหากินกันเล้ย  คนสมัยนี้  แย่จริงๆ ”       “ อย่ามาว่าพ่อกับแม่หนูนะ   ถ้าพ่อแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่     ก็คงไม่ยอมปล่อยให้พวกเราอยู่ในสภาพที่ให้พวกคุณดูถูกแบบนี้หรอก ”       “  พี่แอนจ๋า  เปียกลัว  เราไปกันเถอะนะ  เปียกลัว  ”       แอนนา   ได้แต่ยืนกอดน้องสาวร้องไห้ด้วยความปวดใจ  หลายครั้งที่เธอต้องพบเจอกับคำพูดเสียดสีรุนแรงแบบนี้     จนทำให้เธอฝังใจและคิดอยู่เสมอว่าโลกที่เธอกำลังยืนอยู่นี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
เรื่องราวของแอนนาสาวน้อยนักแข่งมอเตอร์ผู้มีหัวใจเด็ดเดี่ยวยังไม่จบ      โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
เข้ามาติดตามและให้กำลังใจนักเขียนไฟแรงคนนี้ได้ที่ http://artimprison.com/index.php/topic,103.0.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่