สะดุดรักสาวนักซิ่ง
( ตอนที่ 1 )
แว๊น แว๊น แว๊น “ โอ๊ย ! จะเสียงดังอะไรกันหนักหนาเนี่ย ยังเช้ามืดอยู่เลย คนจะหลับจะนอน นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันกันนะ ที่ต้องมาอยู่บ้านติดกับอีสาวนักซิ่งเนี่ย โอ๊ย ! เบื่อเหลือเกิน ” เสียงบ่น เสียงด่าทอจากเพื่อนบ้านข้าง ๆ ไม่ได้ทำให้แก้วหูของแอนนา สาวน้อยนักแข่งมอเตอร์ไซด์สะท้านสะเทือนเลยสักนิด เพราะเสียงจากเครื่องยนต์มอเตอร์ไซด์มันดังกึกก้องอยู่ในจิตใจของเธอ จนกลบเสียงต่าง ๆ เอาไว้หมดแล้ว “ ขอโทษจ้าป้าแจ๋ว พอดีอาทิตย์หน้าฉันจะมีแข่งรายการใหญ่ระดับประเทศเลยนะจ๊ะ ฉันก็ต้องฟิตเครื่องยนต์ให้มันแน่นปึ๊กสักหน่อยน่ะจ้า จะได้ไม่พลาดเหมือนคราวที่แล้วอีก ครั้งนี้เงินรางวัลเป็นแสนเลยนะจ๊ะป้า ถ้าฉันชนะแล้วได้รางวัลกลับมา ฉันจะได้มีเงินเอาไปรักษานังเปียให้มันหายสักทีน่ะจ้าป้าจ๋ ” แอนนาตะโกนกล่าวตอบป้าด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “ เออ ! ขอให้แกชนะกลับมาแล้วกัน อีนังแอน แกสองคนพี่น้องจะได้ย้ายบ้านย้ายช่องไปอยู่ที่อื่นสักที นี่ฉันขอแนะนำให้แกสองคนเนี่ยนะไปปลูกบ้านอยู่กลางทุ่งนาเลย คราวนี้แหละแกจะได้เช็คเครื่องยนต์ช่วงบนช่วงล่างของแกได้สบาย ไม่ต้องมารบกวนชาวบ้านเขา ฉันนะจะขออนุโมธนา สาธุ ยกมือท่วมหัวไปกับแกด้วยเลยล่ะอีนังแอนเอ้ย ” บ้านแจ๋วพูดพลางเดินสะบัดก้นแสนงอนของแกเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่ใยดี “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า จ้าป้า ขอบใจนะจ๊ะ ” แอนนากล่าวรับคำป้าแจ๋ว และแอบอมยิ้มเล็ก ๆ เพราะนึกขำในท่าทางและคำพูดของป้าแจ๋ว ป้าแจ๋วเป็นเพื่อนบ้านที่เปรียบเสมือนกับญาติผู้ใหญ่ของแอนนาและน้องสาว ป้าแจ๋วจะคอยดูแลและช่วยเหลือสองพี่น้องในทุก ๆ เรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องเงินๆทองๆ ป้าแจ๋วแกเป็นสาวแก่ขึ้นคาน อายุราว 60 ปี สาเหตุที่ป้าแจ๋วต้องขึ้นคานเพราะแกเป็นคนปากจัด เสียงดัง พูดจาไม่เคารพหรือเกรงใจใคร สมัยสาว ๆ ป้าแจ๋วมีดีกรีเป็นถึงเทพีสงกรานต์ประจำหมู่บ้าน เพราะความสวยน่ารักของป้าแจ๋วเมื่อครั้งยังสาวเป็นที่ต้องตาต้องใจนายตำรวจยศนายร้อยคนหนึ่ง ร้อยตำรวจชัยชาญแอบเทียวมาเทียวไปขายขนมจีบป้าแจ๋วอยู่เป็นประจำ สมัยนั้นหากสาวคนไหนมีบุรุษในเครื่องแบบมาชอบพลอ มาสนใจแล้วล่ะก็เปรียบกับตัวเองนั้นเป็นดั่งนางหงส์ ดูมีสง่าราศีเหลือเกิน ป้าแจ๋วเองก็แอบภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่ได้เป็นหนึ่ง ในผู้โชคดี ต่อพอนายร้อยตำรวจชัยชาญคบหากับป้าแจ๋วอยู่ได้ไม่นานก็ต้องเลิกรากันไป เพราะนายตำรวจหนุ่มทนกับกิริยาเกรี้ยวกราด เสียงดังปิ๊ด และคำพูดก้าวร้าวเวลาโกรธของ ป้าแจ๋วไม่ไหว จึงตีตัวออกห่างและขอเลิกรากันในที่สุด ป้าแจ๋วแกเสียใจมาก จึงขอปฏิญาณกับตนเองว่า ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ขอรักใครอีกต่อไป แต่โดยส่วนลึกแล้วป้าแจ๋วเป็นคนที่จิตใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นคนมีเมตตา ขี้สงสาร แต่ติดอยู่ที่แกเป็นคนปากร้ายไปสักนิดเท่านั้นเอง ทั้งแอนนาและเปีย ก็มีเพียงป้าแจ๋วคนนี้ที่คอยช่วยเหลือและดูแลเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก
“ นังเปีย เปียเอ้ย ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปเรียนสายกันพอดี ไปอาบน้ำแต่งตัวเร็ว ๆ เข้า ” “ โอ๊ย ! พี่แอนขอฉันนอนต่ออีกสักเดี๋ยวนะจ๊ะ” เสียงเปียน้องสาวของแอนนาตอบอย่างงัวเงีย “ ไม่ ถ้าแกไปสาย พี่ก็จะไปซ้อมไม่ทันนะ รู้มั้ยว่าการแข่งขันครั้งนี้มันสำคัญกับพี่มากขนาดไหน มันอาจจะเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายของพี่ก็ได้ ” “ หยุดเลยพี่แอน ฉันไม่ชอบให้พี่พูดแบบนี้เลยนะ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าพี่กำลังจะลาฉันไปตายยังนั้นล่ะ” ฮ่า ฮ่า ฮ่า แอนนาหัวเราะดังลั่น “ จะบ้าหรอนังเปีย พี่หมายถึงว่า ถ้าหากครั้งนี้พี่แข่งชนะ แล้วพี่จะเอาเงินมารักษาเปียให้หาย คราวนี้พี่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงบนสนามแข่ง ที่ชีวิตอาจจะจบลงได้ทุกวินาทีอย่างนั้นอีกแล้ว พี่จะเลิกแข่งรถ และก็จะตั้งใจทำงาน หาเงินมาส่งแกเรียน พอแกเรียนจบมีงานที่ดีทำ เราสองคนก็จะสบายกันแล้วนะ นังเปีย ” “ อย่าเลยพี่จ้าพี่ พี่เก็บเงินเอาไว้เถอะนะ พี่ต้องทำตามฝันของพี่ให้เป็นจริงสิจ๊ะ พี่ต้องเป็นนักแข่งรถหญิงที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยให้ได้ พี่แอนอย่าเอาชีวิตของพี่มาจมปลักกับคนขี้โรคอย่างฉันที่จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ พี่ปล่อยให้ฉันตายไปเถอะจ้า ถ้าฉันตายไปสักคนพี่ก็จะได้สบาย ไม่ต้องคอยมาดูแลฉันอีกไงจ๊ะ ” “ นี่แน่ ! ” แอนนายื่นมือมาเขกหัวน้องสาวของน้องสาวเบาๆหนึ่งที ด้วยความเอ็นดู “ แกเอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย นังเปียเอ้ย สมองขี้เลื่อยจริง ๆ เลยแกเนี่ย ไป ไป อย่ามัวพูดมากรีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย ” “ ครับผม ไปก็ได้ครับพี่สาว ” เปียกล่าวตอบพร้อมทำท่าทางอิดออด แล้วค่อยๆลุกจากเตียงไป
แอนนากับเปียอาศัยบ้านเช่าอยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง สองพี่น้องใช้ชีวิตดิ้นรนสู้ทนกัดฟันกับโชคชะตาตัวเองมาตั้งแต่แอนนาอายุได้เพียง 13 ปี ส่วนเปียน้องสาวอายุได้เพียง 10 ปี แอนนาและเปียเป็นลูกสาวของหญิงบริการที่เป็นเมียเช่าของฝรั่ง เธอชื่อว่าวิไล วิไล สาวสวยประหมู่บ้าน เธอเป็นที่ต้องตาต้องใจของชายหนุ่มทั้งหลาย แต่ด้วยความทะเยอทะยานอยากได้อยากมี เธอจึงเลือกอาชีพขายบริการให้กับชาวต่างชาติที่มีหลงใหลในกามคุณ จนกระทั่งวันหนึ่งมีชาวต่างชาติมาซื้อบริการเธอ และขอร้องให้เธอไปอยู่ด้วยกัน วิไลคิดว่าคำพูดของชายตาน้ำข้าวคนนั้น จะออกมาจากความจริงใจ ต่อไปนี้เธอคงสบายไปทั้งชาติ ไม่ต้องมาเล่ขายของอย่างเช่นทุกวันนี้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ชายตาน้ำข้าวหลอกเธอไปขายบริการให้กับพวกพ้องของตน เขาบังคับให้เธออยู่แต่ในห้องมืด คอยบำบัดความใคร่เหล่าบุรุษที่มีความกำหนัด และลุ่มหลงอยู่ในกามทั้งหลาย จนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน มีเพียงอาหารบางมื้อและเศษเงินเล็กน้อยเท่านั้นที่หยิบยื่นให้เธอ เธอเสียใจมากและทนกลับสภาพของตนเองไม่ไหว สุดท้ายวิไลนำเงินที่พอมี เก็บรวบรวมและหนีกลับประเทศไทย ฝรั่งตาน้ำข้าวรู้ข่าวแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะติดตามเธอไป เพราะเห็นว่าวิไลนั้นถูกใช้งานมามากพอแล้ว ย่อมสึกหรอไปมากเป็นธรรมดา คงเทียบไม่ได้กลับของใหม่ ๆ สด ๆ ที่เขาพึ่งได้มา จึงปล่อยให้วิไลไปประจญกับโลกอันโหดร้ายเพียงลำพังตามยถากรรม
อยู่มาไม่นานหลังจากที่วิไลกลับมาอยู่กับยายสายแม่ของตนเองที่บ้านนอก วิไลก็ตั้งท้องไม่มีพ่อ เป็นที่ติฉินนินทาของชาวบ้าน จนทำให้ยายสายตรอมใจตายในที่สุด เคราะห์ซ้ำกำซัดในจิตใจของวิไลยิ่งนัก เธอเสียใจมากจนทำอะไรไม่ถูก เหมือนชีวิตกำลังขาดที่พึ่ง วิไลคิดจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกในท้องอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นแม่ จึงทำให้เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ลง
สุรีย์ ชายหนุ่มที่แอบรักวิไลด้วยความจริงใจ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอกลับไม่เคยสนใจสุรีย์เลย เพราะเขาเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่ไม่มีเงินทองอะไรมากมาย จึงไม่เคยอยู่ในสายตาของวิไล แต่ทว่าการมีความรักก็เหมือนกับกามเทพกำลังเล่นกล เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงใด สุรีย์ก็ไม่เคยเลิกรักเลิกหลงใหลในตัวของวิไลเลยแม้แต่น้อย เขาเฝ้าแต่รอว่าสักวัน วิไลอาจจะเห็นใจเขาบ้าง และด้วยความรักที่มีต่อวิไลอยู่เต็มหัวใจนี้ สุรีย์ จึงไปขอร้องให้วิไลยอมรับเขาเป็นพ่อของลูกในท้องเธอ วิไลได้แต่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด แต่สุดท้ายเพราะความดีและความซื่อสัตย์ของสุรีย์ จึงเอาชนะใจของวิไลได้ ทั้งสองอยู่กินฉันท์สามีภรรยาจนมีลูกด้วยกันอีกหนึ่งคน คือ เปีย น้องสาวคนละพ่อของแอนนา ชีวิตดูเหมือนจะราบรื่นและหายโศกเศร้า แต่ก็ยังไม่ใช่ เมื่อสุดท้ายแล้ว วิไลกับสุรีย์ต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อแอนนาอายุได้เพียง 13 ปี เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แอนนาเสียใจมากจนแทบขาดสติ แต่คงเป็นเพราะความแข็งแกร่งในตัวเธอ คงเป็นเพราะหัวจิตหัวใจที่แข็งแรงดังเพชร จึงทำให้เธอทนกัดฟันทั้งน้ำตา โผเข้ากอดน้องสาวที่นั่งตัวสั่นระริก ด้วยความตกใจกลัวตามประสาเด็ก “ พี่แอนจ๋า ทำไม่พ่อกับแม่ไม่ลืมตาขึ้นมาล่ะจ๊ะ ฮือ ฮือ ฮือ ทำไมพ่อกับแม่เลือดออกเยอะขนาดนี้ล่ะจ๊ะ พี่แอนจ๋า พ่อกับแม่เป็นอะไร พ่อกับแม่จะไม่อยู่กับเราแล้วใช่มั้ย ฮือ ฮือ ฮือ ” สองพี่น้องกอดคอกันร่ำไห้อย่างน่าสงสาร ท่ามกลางสายตาผู้คนนับร้อยที่มามุงดูด้วยความตกใจ ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก “ ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะดูแลแกเอง ” [/size]
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สองพี่น้องแอนนนาและเปียก็ใช้ชีวิตแบบรันทด ต้องอดมื้อกินมื้อ เที่ยวเดินขอทานไปตามถนน พบเจอกับผู้คนมากกมาย บางคนมีเมตตาก็หยิบยื่นเศษเงินและข้าวปลาอาหารให้บ้างเพียงเล็กน้อยให้พอประทังชีวิตเล็ก ๆ ได้อยู่รอดไปวันๆ “ ไป้ ไปให้พ้นนะนังเด็กสกปรก อย่ามาเข้าใกล้ลูกชายฉันนะ นี่เป็นโรคอะไรหรือป่าวก็ไม่รู้ พ่อแม่ก็ช่างเหลือเกินจริงๆปล่อยให้ลูกมาเดินขอทาน นี่ตัวเองก็คงจะนอนหลับสบายอยู่ที่บ้านน่ะสินะ ไม่มีปัญญาทำมาหากินกันเล้ย คนสมัยนี้ แย่จริงๆ ” “ อย่ามาว่าพ่อกับแม่หนูนะ ถ้าพ่อแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่ ก็คงไม่ยอมปล่อยให้พวกเราอยู่ในสภาพที่ให้พวกคุณดูถูกแบบนี้หรอก ” “ พี่แอนจ๋า เปียกลัว เราไปกันเถอะนะ เปียกลัว ” แอนนา ได้แต่ยืนกอดน้องสาวร้องไห้ด้วยความปวดใจ หลายครั้งที่เธอต้องพบเจอกับคำพูดเสียดสีรุนแรงแบบนี้ จนทำให้เธอฝังใจและคิดอยู่เสมอว่าโลกที่เธอกำลังยืนอยู่นี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
เรื่องราวของแอนนาสาวน้อยนักแข่งมอเตอร์ผู้มีหัวใจเด็ดเดี่ยวยังไม่จบ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
เข้ามาติดตามและให้กำลังใจนักเขียนไฟแรงคนนี้ได้ที่
http://artimprison.com/index.php/topic,103.0.html
สะดุดรักสาวนักซิ่ง ตอนที่ 1
( ตอนที่ 1 )
แว๊น แว๊น แว๊น “ โอ๊ย ! จะเสียงดังอะไรกันหนักหนาเนี่ย ยังเช้ามืดอยู่เลย คนจะหลับจะนอน นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันกันนะ ที่ต้องมาอยู่บ้านติดกับอีสาวนักซิ่งเนี่ย โอ๊ย ! เบื่อเหลือเกิน ” เสียงบ่น เสียงด่าทอจากเพื่อนบ้านข้าง ๆ ไม่ได้ทำให้แก้วหูของแอนนา สาวน้อยนักแข่งมอเตอร์ไซด์สะท้านสะเทือนเลยสักนิด เพราะเสียงจากเครื่องยนต์มอเตอร์ไซด์มันดังกึกก้องอยู่ในจิตใจของเธอ จนกลบเสียงต่าง ๆ เอาไว้หมดแล้ว “ ขอโทษจ้าป้าแจ๋ว พอดีอาทิตย์หน้าฉันจะมีแข่งรายการใหญ่ระดับประเทศเลยนะจ๊ะ ฉันก็ต้องฟิตเครื่องยนต์ให้มันแน่นปึ๊กสักหน่อยน่ะจ้า จะได้ไม่พลาดเหมือนคราวที่แล้วอีก ครั้งนี้เงินรางวัลเป็นแสนเลยนะจ๊ะป้า ถ้าฉันชนะแล้วได้รางวัลกลับมา ฉันจะได้มีเงินเอาไปรักษานังเปียให้มันหายสักทีน่ะจ้าป้าจ๋ ” แอนนาตะโกนกล่าวตอบป้าด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “ เออ ! ขอให้แกชนะกลับมาแล้วกัน อีนังแอน แกสองคนพี่น้องจะได้ย้ายบ้านย้ายช่องไปอยู่ที่อื่นสักที นี่ฉันขอแนะนำให้แกสองคนเนี่ยนะไปปลูกบ้านอยู่กลางทุ่งนาเลย คราวนี้แหละแกจะได้เช็คเครื่องยนต์ช่วงบนช่วงล่างของแกได้สบาย ไม่ต้องมารบกวนชาวบ้านเขา ฉันนะจะขออนุโมธนา สาธุ ยกมือท่วมหัวไปกับแกด้วยเลยล่ะอีนังแอนเอ้ย ” บ้านแจ๋วพูดพลางเดินสะบัดก้นแสนงอนของแกเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่ใยดี “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า จ้าป้า ขอบใจนะจ๊ะ ” แอนนากล่าวรับคำป้าแจ๋ว และแอบอมยิ้มเล็ก ๆ เพราะนึกขำในท่าทางและคำพูดของป้าแจ๋ว ป้าแจ๋วเป็นเพื่อนบ้านที่เปรียบเสมือนกับญาติผู้ใหญ่ของแอนนาและน้องสาว ป้าแจ๋วจะคอยดูแลและช่วยเหลือสองพี่น้องในทุก ๆ เรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องเงินๆทองๆ ป้าแจ๋วแกเป็นสาวแก่ขึ้นคาน อายุราว 60 ปี สาเหตุที่ป้าแจ๋วต้องขึ้นคานเพราะแกเป็นคนปากจัด เสียงดัง พูดจาไม่เคารพหรือเกรงใจใคร สมัยสาว ๆ ป้าแจ๋วมีดีกรีเป็นถึงเทพีสงกรานต์ประจำหมู่บ้าน เพราะความสวยน่ารักของป้าแจ๋วเมื่อครั้งยังสาวเป็นที่ต้องตาต้องใจนายตำรวจยศนายร้อยคนหนึ่ง ร้อยตำรวจชัยชาญแอบเทียวมาเทียวไปขายขนมจีบป้าแจ๋วอยู่เป็นประจำ สมัยนั้นหากสาวคนไหนมีบุรุษในเครื่องแบบมาชอบพลอ มาสนใจแล้วล่ะก็เปรียบกับตัวเองนั้นเป็นดั่งนางหงส์ ดูมีสง่าราศีเหลือเกิน ป้าแจ๋วเองก็แอบภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่ได้เป็นหนึ่ง ในผู้โชคดี ต่อพอนายร้อยตำรวจชัยชาญคบหากับป้าแจ๋วอยู่ได้ไม่นานก็ต้องเลิกรากันไป เพราะนายตำรวจหนุ่มทนกับกิริยาเกรี้ยวกราด เสียงดังปิ๊ด และคำพูดก้าวร้าวเวลาโกรธของ ป้าแจ๋วไม่ไหว จึงตีตัวออกห่างและขอเลิกรากันในที่สุด ป้าแจ๋วแกเสียใจมาก จึงขอปฏิญาณกับตนเองว่า ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ขอรักใครอีกต่อไป แต่โดยส่วนลึกแล้วป้าแจ๋วเป็นคนที่จิตใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นคนมีเมตตา ขี้สงสาร แต่ติดอยู่ที่แกเป็นคนปากร้ายไปสักนิดเท่านั้นเอง ทั้งแอนนาและเปีย ก็มีเพียงป้าแจ๋วคนนี้ที่คอยช่วยเหลือและดูแลเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก
“ นังเปีย เปียเอ้ย ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปเรียนสายกันพอดี ไปอาบน้ำแต่งตัวเร็ว ๆ เข้า ” “ โอ๊ย ! พี่แอนขอฉันนอนต่ออีกสักเดี๋ยวนะจ๊ะ” เสียงเปียน้องสาวของแอนนาตอบอย่างงัวเงีย “ ไม่ ถ้าแกไปสาย พี่ก็จะไปซ้อมไม่ทันนะ รู้มั้ยว่าการแข่งขันครั้งนี้มันสำคัญกับพี่มากขนาดไหน มันอาจจะเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายของพี่ก็ได้ ” “ หยุดเลยพี่แอน ฉันไม่ชอบให้พี่พูดแบบนี้เลยนะ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าพี่กำลังจะลาฉันไปตายยังนั้นล่ะ” ฮ่า ฮ่า ฮ่า แอนนาหัวเราะดังลั่น “ จะบ้าหรอนังเปีย พี่หมายถึงว่า ถ้าหากครั้งนี้พี่แข่งชนะ แล้วพี่จะเอาเงินมารักษาเปียให้หาย คราวนี้พี่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงบนสนามแข่ง ที่ชีวิตอาจจะจบลงได้ทุกวินาทีอย่างนั้นอีกแล้ว พี่จะเลิกแข่งรถ และก็จะตั้งใจทำงาน หาเงินมาส่งแกเรียน พอแกเรียนจบมีงานที่ดีทำ เราสองคนก็จะสบายกันแล้วนะ นังเปีย ” “ อย่าเลยพี่จ้าพี่ พี่เก็บเงินเอาไว้เถอะนะ พี่ต้องทำตามฝันของพี่ให้เป็นจริงสิจ๊ะ พี่ต้องเป็นนักแข่งรถหญิงที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยให้ได้ พี่แอนอย่าเอาชีวิตของพี่มาจมปลักกับคนขี้โรคอย่างฉันที่จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ พี่ปล่อยให้ฉันตายไปเถอะจ้า ถ้าฉันตายไปสักคนพี่ก็จะได้สบาย ไม่ต้องคอยมาดูแลฉันอีกไงจ๊ะ ” “ นี่แน่ ! ” แอนนายื่นมือมาเขกหัวน้องสาวของน้องสาวเบาๆหนึ่งที ด้วยความเอ็นดู “ แกเอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย นังเปียเอ้ย สมองขี้เลื่อยจริง ๆ เลยแกเนี่ย ไป ไป อย่ามัวพูดมากรีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย ” “ ครับผม ไปก็ได้ครับพี่สาว ” เปียกล่าวตอบพร้อมทำท่าทางอิดออด แล้วค่อยๆลุกจากเตียงไป
แอนนากับเปียอาศัยบ้านเช่าอยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง สองพี่น้องใช้ชีวิตดิ้นรนสู้ทนกัดฟันกับโชคชะตาตัวเองมาตั้งแต่แอนนาอายุได้เพียง 13 ปี ส่วนเปียน้องสาวอายุได้เพียง 10 ปี แอนนาและเปียเป็นลูกสาวของหญิงบริการที่เป็นเมียเช่าของฝรั่ง เธอชื่อว่าวิไล วิไล สาวสวยประหมู่บ้าน เธอเป็นที่ต้องตาต้องใจของชายหนุ่มทั้งหลาย แต่ด้วยความทะเยอทะยานอยากได้อยากมี เธอจึงเลือกอาชีพขายบริการให้กับชาวต่างชาติที่มีหลงใหลในกามคุณ จนกระทั่งวันหนึ่งมีชาวต่างชาติมาซื้อบริการเธอ และขอร้องให้เธอไปอยู่ด้วยกัน วิไลคิดว่าคำพูดของชายตาน้ำข้าวคนนั้น จะออกมาจากความจริงใจ ต่อไปนี้เธอคงสบายไปทั้งชาติ ไม่ต้องมาเล่ขายของอย่างเช่นทุกวันนี้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ชายตาน้ำข้าวหลอกเธอไปขายบริการให้กับพวกพ้องของตน เขาบังคับให้เธออยู่แต่ในห้องมืด คอยบำบัดความใคร่เหล่าบุรุษที่มีความกำหนัด และลุ่มหลงอยู่ในกามทั้งหลาย จนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน มีเพียงอาหารบางมื้อและเศษเงินเล็กน้อยเท่านั้นที่หยิบยื่นให้เธอ เธอเสียใจมากและทนกลับสภาพของตนเองไม่ไหว สุดท้ายวิไลนำเงินที่พอมี เก็บรวบรวมและหนีกลับประเทศไทย ฝรั่งตาน้ำข้าวรู้ข่าวแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะติดตามเธอไป เพราะเห็นว่าวิไลนั้นถูกใช้งานมามากพอแล้ว ย่อมสึกหรอไปมากเป็นธรรมดา คงเทียบไม่ได้กลับของใหม่ ๆ สด ๆ ที่เขาพึ่งได้มา จึงปล่อยให้วิไลไปประจญกับโลกอันโหดร้ายเพียงลำพังตามยถากรรม
อยู่มาไม่นานหลังจากที่วิไลกลับมาอยู่กับยายสายแม่ของตนเองที่บ้านนอก วิไลก็ตั้งท้องไม่มีพ่อ เป็นที่ติฉินนินทาของชาวบ้าน จนทำให้ยายสายตรอมใจตายในที่สุด เคราะห์ซ้ำกำซัดในจิตใจของวิไลยิ่งนัก เธอเสียใจมากจนทำอะไรไม่ถูก เหมือนชีวิตกำลังขาดที่พึ่ง วิไลคิดจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกในท้องอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นแม่ จึงทำให้เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ลง
สุรีย์ ชายหนุ่มที่แอบรักวิไลด้วยความจริงใจ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอกลับไม่เคยสนใจสุรีย์เลย เพราะเขาเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่ไม่มีเงินทองอะไรมากมาย จึงไม่เคยอยู่ในสายตาของวิไล แต่ทว่าการมีความรักก็เหมือนกับกามเทพกำลังเล่นกล เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงใด สุรีย์ก็ไม่เคยเลิกรักเลิกหลงใหลในตัวของวิไลเลยแม้แต่น้อย เขาเฝ้าแต่รอว่าสักวัน วิไลอาจจะเห็นใจเขาบ้าง และด้วยความรักที่มีต่อวิไลอยู่เต็มหัวใจนี้ สุรีย์ จึงไปขอร้องให้วิไลยอมรับเขาเป็นพ่อของลูกในท้องเธอ วิไลได้แต่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด แต่สุดท้ายเพราะความดีและความซื่อสัตย์ของสุรีย์ จึงเอาชนะใจของวิไลได้ ทั้งสองอยู่กินฉันท์สามีภรรยาจนมีลูกด้วยกันอีกหนึ่งคน คือ เปีย น้องสาวคนละพ่อของแอนนา ชีวิตดูเหมือนจะราบรื่นและหายโศกเศร้า แต่ก็ยังไม่ใช่ เมื่อสุดท้ายแล้ว วิไลกับสุรีย์ต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อแอนนาอายุได้เพียง 13 ปี เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แอนนาเสียใจมากจนแทบขาดสติ แต่คงเป็นเพราะความแข็งแกร่งในตัวเธอ คงเป็นเพราะหัวจิตหัวใจที่แข็งแรงดังเพชร จึงทำให้เธอทนกัดฟันทั้งน้ำตา โผเข้ากอดน้องสาวที่นั่งตัวสั่นระริก ด้วยความตกใจกลัวตามประสาเด็ก “ พี่แอนจ๋า ทำไม่พ่อกับแม่ไม่ลืมตาขึ้นมาล่ะจ๊ะ ฮือ ฮือ ฮือ ทำไมพ่อกับแม่เลือดออกเยอะขนาดนี้ล่ะจ๊ะ พี่แอนจ๋า พ่อกับแม่เป็นอะไร พ่อกับแม่จะไม่อยู่กับเราแล้วใช่มั้ย ฮือ ฮือ ฮือ ” สองพี่น้องกอดคอกันร่ำไห้อย่างน่าสงสาร ท่ามกลางสายตาผู้คนนับร้อยที่มามุงดูด้วยความตกใจ ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก “ ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะดูแลแกเอง ” [/size]
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สองพี่น้องแอนนนาและเปียก็ใช้ชีวิตแบบรันทด ต้องอดมื้อกินมื้อ เที่ยวเดินขอทานไปตามถนน พบเจอกับผู้คนมากกมาย บางคนมีเมตตาก็หยิบยื่นเศษเงินและข้าวปลาอาหารให้บ้างเพียงเล็กน้อยให้พอประทังชีวิตเล็ก ๆ ได้อยู่รอดไปวันๆ “ ไป้ ไปให้พ้นนะนังเด็กสกปรก อย่ามาเข้าใกล้ลูกชายฉันนะ นี่เป็นโรคอะไรหรือป่าวก็ไม่รู้ พ่อแม่ก็ช่างเหลือเกินจริงๆปล่อยให้ลูกมาเดินขอทาน นี่ตัวเองก็คงจะนอนหลับสบายอยู่ที่บ้านน่ะสินะ ไม่มีปัญญาทำมาหากินกันเล้ย คนสมัยนี้ แย่จริงๆ ” “ อย่ามาว่าพ่อกับแม่หนูนะ ถ้าพ่อแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่ ก็คงไม่ยอมปล่อยให้พวกเราอยู่ในสภาพที่ให้พวกคุณดูถูกแบบนี้หรอก ” “ พี่แอนจ๋า เปียกลัว เราไปกันเถอะนะ เปียกลัว ” แอนนา ได้แต่ยืนกอดน้องสาวร้องไห้ด้วยความปวดใจ หลายครั้งที่เธอต้องพบเจอกับคำพูดเสียดสีรุนแรงแบบนี้ จนทำให้เธอฝังใจและคิดอยู่เสมอว่าโลกที่เธอกำลังยืนอยู่นี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
เรื่องราวของแอนนาสาวน้อยนักแข่งมอเตอร์ผู้มีหัวใจเด็ดเดี่ยวยังไม่จบ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
เข้ามาติดตามและให้กำลังใจนักเขียนไฟแรงคนนี้ได้ที่ http://artimprison.com/index.php/topic,103.0.html