แชร์ประสบการณ์โรคไข้หัดแมว โรคติดต่อร้ายแรงที่น้องแมวเราเพิ่งเป็นค่ะ

กระทู้สนทนา
เนื่องจากช่วงนี้โรคไข้หัดแมวกำลังระบาด เราเห็นเพื่อนๆหลายคนตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับอาการของน้องแมว ซึ่งมีหลายคนที่น้องแมวมีอาการคล้ายกับโรคนี้ เราเลยขอแชร์ประสบกาณ์ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ยาวหน่อย แต่ขอให้อ่านเพื่อน้องแมวของเราค่ะ

            ก่อนอื่นขอเล่าเกี่ยวกับการเลี้ยงน้องแมวที่บ้านก่อนนะคะ ที่บ้านเรามีแมว 5 ตัว เลี้ยงแบบปิด อยู่ชั้นบนของบ้าน 3 ตัว ข้างล่าง 2 ตัว เพราะข้าวตูน้องเล็กไม่ถูกกับ พี่ๆสามตัวข้างบน ส่วนกาก้าพี่ใหญ่ขนเยอะ(เปอร์เซีย)แม่เลยให้อยู่ข้างล่าง ส่วน ข้าวหอม ถุงทอง ถังเงิน อยู่ข้างบนด้วยกัน กิน นอน เล่น คลุกคลีกันตลอด จนอยู่มาวันหนึ่ง ถุงทองก็แยกตัวออกจากคนอื่น ไม่เล่นไม่กินข้าว และอ้วกออกมาเป็นกองน้ำลายฟองๆ หลายกอง เราเลยให้แม่พาน้องไปหาหมอที่คลีนิคแถวบ้านเนื่องจากเราติดงาน แม่บอกว่าคุณหมอฉีดยาให้ยาลดไข้ ยาแก้อ้วก และให้น้องกลับบ้าน บอกแม่ว่าถ้าน้องไม่อ้วก ไม่ถ่ายก็ไม่ต้องพามาอีก ซึ่งถุงทองเมื่อกลับมาบ้านก็หายไม่มีอาการอะไรอีก

            จนผ่านมาอีก 2 วัน ถุงทองกลับมามีอาการเดิม พร้อมกับถ่ายเหลวมีกลิ่นเหม็นคาว น้ำลายย้อยยืด พอแม่พาไปหาหมอ (คลีนิคเดิม แต่เป็นคุณหมออีกท่าน) คุณหมอบอกว่าน้องเป็นไข้หัดแมว อาการหนักมาก เกล็ดเลือดเหลือแค่ 200 สามารถที่จะตายได้ทุกเวลา ทำไมครั้งที่แล้วคุณแม่ไม่พาน้องมารักษาต่อ แม่เราก็งงบอกว่าครั้งที่แล้วคุณหมออีกท่านไม่ได้บอกให้พามาต่อ แค่บอกว่าถ้าหายอ้วกหายไข้ก็ไม่ต้องพามา สุดท้ายถุงทองก็กลับมาที่บ้าน เรากลับมาจากทำงานเข้าไปหาน้อง น้องพยายามจะมานอนตักเราอุ้มน้องขึ้นมา ที่ก้นก็มีน้ำเกลือที่คุณหมอให้ไปไหลออกมาตลอดเวลาจนเปียกไปหมด เราร้องไห้จนตาปิด สุดท้ายน้องก็จากไปวันนั้น

            เช้าวันต่อมา (วันเสาร์) เราโทรไปหาคุณหมอที่รักษาน้องว่าน้องตายแล้ว คุณหมอบอกว่า ให้ระวังตัวอื่นๆที่เลี้ยงด้วยกันเพราะโรคนี้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่ติดกันง่ายมากและที่คลีนิคหมอแถวบ้านเราไม่มียารักษาต้องพาไปรพ. สัตว์ใหญ่ๆ ตอนนั้นเรากังวลมากกลัวน้องที่เหลือจะติดเลยเข้าไปหาข้อมูลเน็ตและในพันทิปเกี่ยวกับโรคนี้ จนได้เบอร์คุณหมอท่านหนึ่ง(จากในห้องแมวนี่แหละค่ะ) ซึ่งมีคนมาตั้งกระทู้ว่าพาน้องไปรักษามาแล้วหาย เราเลยโทรปรึกษาคุณหมอว่าน้องแมวที่เหลือมีความเสี่ยงมากแค่ไหน ถ้าเป็นแล้วต้องทำยังไง ซึ่งคุณหมอก็ให้คำแนะนำมาเยอะมาก เช่นเรื่องการล้างบ้านด้วยไฮเตอร์เพื่อฆ่าเชื้อหัดที่คุณหมอบอกว่าไม่ได้ผล คุณหมอฝากมาบอกว่าใครที่ทำอยู่ให้เลิกค่ะ เหนื่อยเปล่า มันไม่ช่วยค่ะ และเราบอกคุณหมอไว้ว่า ถ้าตัวไหนมีอาการเราจะเอาเข้าไปให้คุณหมอรักษาค่ะถึงแม้ว่าบ้านเรากับคลีนิคคุณหมอจะไกลมากก็ตาม (เราอยู่ธนบุรีค่ะ คุณหมออยู่รามอินทรา) ซึ่งวันนั้นเองข้าวหอมก็มีอาการค่ะ หลังจากที่ถุงทองเพิ่งตายไปแค่วันเดียว ข้าวหอมก็อ้วกออกมาเป็นฟองๆ เรารีบพาน้องไปหาคุณหมอตามที่คุยไว้และแอดมิดน้องไว้ที่นั้น เพราะคุณหมอบอกว่าโรคนี้รักษาวันเดียวไม่หาย ต้องคอยเช็คผลเลือดน้องทุกวันค่ะ และข้าวหอมเป็นแมวที่ไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เด็กและเพิ่งไปทำหมันมา ตัดไหมมาไม่ถึงอาทิตย์น้องก็เป็นเลยค่ะ ตอนเย็นวันนั้นคุณหมอโทรมาบอกว่าผลเลือดข้าวหอม เหลือแค่ 2000 ซึ่งถือว่าน้อย คุณหมอบอกว่าโรคนี้สามารถกินเม็ดเลือดแมวได้เป็นหมื่นภายในวันเดียว เพราะฉะนั้นถ้าแมวมีอาการเราต้องรีบพามารับการรักษาโดยด่วน

            ต่อมา (วันอาทิตย์) ถังเงินก็มีอาการเดียวกันค่ะ เราพาถังเงินไปหาหมออีกตัว เคสของถุงเงินเป็นแมวที่ค่อนข้างแข็งแรงกว่าข้าวหอมผลเลือดเลยออกมาดีกว่าอยู่ที่ 4000 (ขนาดว่าพาไปเร็วนะคะ) แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เราปล่อยให้คุณหมอรักษาน้อง 2 ตัว โดยโทรไปถามอาการทุกวัน จนช่วงบ่ายวันอังคาร คุณหมอบอกว่าอาการทั้งสองตัวดีขึ้น ค่าเลือดขึ้นมาอยู่ที่ 8000 แล้ว เราคิดว่าโอเค น้องทั้งสองน่าจะรอด แต่แล้วคืนนั้นเองคุณหมอก็โทรมาบอกว่าข้าวหอมตกเลือดค่ะ อยู่ๆก็มีเลือดไหลออกมาจากก้นเยอะมาก (ปกติของโรคจะมีอาการนี้คือถ่ายเป็นเลือด แต่ของข้าวหอมเยอะกว่าปกติมาก) ซึ่งคุณหมอบอกว่ารักษามานานไม่เคยเห็นตัวไหนเลือดออกเยอะเท่าข้าวหอม หมอพยายามช่วยชีวิตน้องตลอดคืน แต่สุดท้ายน้องก็ไปตอนเช้าวันพุธค่ะ ส่วนถังเงินมีเลือดออกจากก้นเล็กน้อยตามอาการ แต่ก็อยู่ในช่วงที่กำลังดีขึ้น ตกเย็นแม่ก็โทรมาหาเราที่ทำงานว่าข้าวตูซึมไม่กินข้าว นั่งขดๆเก็บตัวเหมือนตัวที่เป็นก่อนหน้าเช้าวันพฤหัสเราเลยลางานช่วงเช้าพาน้องไปหาคุณหมออีกตัว หลังจากนั้นเราก็โทรไปถามอาการหมอเหมือนเดิม เคสของข้าวตูไม่หนักมาก น้องแข็งแรงและดูจะหายเร็วมากจนน่าจะได้กลับบ้านพร้อมกับถังเงิน ซึ่งคุณหมอบอกว่าวันจันทร์ (ที่ 4 มี.ค) ให้ไปรับกลับบ้านได้ทั้งสองตัว  

             ก่อนที่จะไปรับกลับเราถามคุณหมอว่า กาก้าจะมีสิทธิ์ติดโรคมั๊ย คุณหมอบอกว่ามี เพราะถึงแม้ว่าถังเงินและข้าวตูจะหายแล้ว แต่ก็จะยังมีเชื้ออยู่ในอึหรือฉี่ของเค้าอีกประมาณ 1 อาทิตย์ ให้แยกจากกันโดยเด็ดขาด ตอนแรกหลังจากที่รู้ว่าตัวอื่นๆเป็น เราอยากจะพากาก้าไปรับวัคซีน แต่คุณหมอบอกว่าถ้าเกิดน้องติดเชื้ออยู่ในระยะฟักตัว แล้วไปรับวัคซีน มันจะยิ่งกระตุ้นให้น้องติดเชื้อรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์หลังจากที่ตัวอื่นเป็นกาก้ายังไม่ออกอาการ และเราตัดสินใจเสี่ยงดวงเลยค่ะ พากาก้าไปรับวัคซีน ซึ่งถ้าน้องไม่มีเชื้อ วัคซีนก็จะใช้เวลาทำงาน 1 อาทิตย์ ถึงจะเริ่มออกฤทธิ์คุ้มกัน หลังจากที่เราไปรับถังเงินกับข้าวตูกลับบ้าน เราก็แยกน้องออกจากกันค่ะ และจนตอนนี้เราก็ยังสังเกตุอาการของกาก้าอยู่ค่ะว่าน้องจะติดเชื้อมั๊ย ถ้าผ่านสิ้นเดือนนี้ไป เราก็จะพาถังเงินกับข้าวตูไปรับวัคซีนเหมือนกาก้าค่ะ

             สุดท้ายขอฝากเพื่อนๆทุกคนเลยนะคะเรื่องวัคซีน อย่าชะล่าใจเหมือนเรา การเลี้ยงแบบปิดไม่ได้ช่วยป้องกันโรคได้ 100% ค่ะ อย่าไปเสียดายเวลาพาน้องไปรับวัคซีนค่ะ อย่ามัวแต่เดี๋ยวๆ เพราะถ้าน้องเป็นขึ้นมามันไม่คุ้มกันค่ะ เรากินไม่ได้นอนไม่หลับ เครียดมาก โดยเฉพาะวันที่น้องตาย พอตกเย็นมารู้ว่าอีกตัวเป็นอีก เราร้องไห้จนตาบวมไปทำงานทุกวัน กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แทบแย่ค่ะ ไม่อยากให้น้องแมวที่รักของใครเป็นโรคนี้ค่ะ มันร้ายแรงและทรมานน้องมาก ขอให้เรื่องที่เราเอามาเล่านี้เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนนะคะ ใครมีประสบการณ์อะไรเพิ่มเติมก็แชร์กันมาได้เลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่