เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี (ขอย่อว่า Hep B นะครับ) ไม่ผ่านรกตอนตั้งครรภ์เด็กจะไม่ติดเชื้อ Hep B แต่กำเนิด
ตอนตั้งครรภ์เลยไม่ค่อยมีปัญหากับเชื้อ Hep B
ที่ติดจะเป็นช่วงระหว่างคลอด (perinatal)
ถ้าแม่เป็นพาหะ คือ HBsAg+ve ในที่ที่ตรวจ HBeAg ได้ก็ควรตรวจด้วยเพราะตัว HBeAg บ่งถึงความสามารถในการแพร่เชื้อ (infectivity)ด้วย
แต่ถ้าตรวจไม่ได้หรือไม่ได้ตรวจก็ดูแลเหมือนว่าแม่เป็นพาหะไป
ที่จริงการมีบุตรให้ปลอดภัย 100% คงทำได้ยาก เราไม่อยากบอกว่ามีอะไร 100%ใน medicine

แต่เราสามารถลดการติดเชื้อ Hep B จากแม่สู่ลูกได้โดย
หลังคลอด ฉีด HBIG(hepatitis B immunoglobulin)ให้แก่เด็กหลังคลอดภายใน 12 ชั่วโมง พร้อมกับให้วัคซีนป้องกันตับอักเสบบี(นิยมให้ที่ต้นขา ให้คนละข้างกัน) ยิ่งให้เร็วยิ่งดี
จากนั้นให้วัคซีนป้องกันตับอักเสบบีเข็มที่ 2 ตอนอายุ 1-2 เดือน เข็มที่ 3 ตอนอายุ 6 เดือน
วิธีนี้จะช่วงป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้ 98%

แต่เนื่องจาก HBIG ยังมีราคาแพง (จริงๆเอกชนประมาณ 3,000+ ของรัฐคงถูกกว่านี้ สำหรับบางคนก็ไม่ถือว่าแพงมากเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับเพิ่ม) และหลายๆที่ก็ไม่ได้มี HBIG ใช้
ในกรณีที่ไม่มี HBIG หรือไม่สามารถใช้ได้จากปัญหาใดก็ตาม
การให้วัคซีนป้องกันตับอักเสบบีอย่างเดียวโดยให้เข็มแรกเร็วภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด ยิ่งให้เร็วยิ่งดี
จากนั้นฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้เร็วขึ้นคือฉีดตอนอายุ 1 เดือน (ปกติถ้าเป็นกรณีนัดฉีดวัคซีนทั่วไปหลังคลอดมักจะนัดตอน 2 เดือนไปฉีดพร้อมกับคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอครั้งแรก)
เข็มที่ 3 ตอน 6 เดือนตามปกติ
วิธีนี้จะลดการแพร่เชื้อจากแม่สูลูกได้ 93%

ข้อควรรู้อีกข้อคือ
เด็กทั่วไปเราไม่ได้จำเป็นต้องตรวจภูมิคุ้มกันของตับอักเสบบีหลังฉีดวัคซีน
แต่กรณีเด็กที่เกิดจากแม่ที่เป็นพาหะของ Hep B ถือว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเรื้อรัง
แนะนำให้ตรวจว่ามีภูมิคุ้มกันต่อตับอักเสบบีหรือยังเมื่ออายุประมาณ 9 เดือนอีกครั้งครับ
ที่บอกไว้เพราะว่าเจอบ่อยมากที่แม่เป็นพาหะแล้วไม่ได้มีใครแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ทราบเลยว่าลูกควรจะตรวจดูมีภูมิหรือยังตอนอายุประมาณ 9 เดือน

ปล.อย่าเชื่อผมมาก ผมเดา