สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ
เรามีประสบการณ์การขอวีซ่าเยอรมันมาแบ่งปันกับเพื่อนๆค่ะ
เริ่มจาก พี่สาวเราโทรไปจองคิววีซ่าท่องเที่ยว(single visa)ที่สถานทูตเยอรมันตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว ได้คิวตอนสิบโมงเช้าของเมื่อวาน พี่สาวเราถามเจ้าหน้าที่ที่รับจองคิวว่าจะได้สัมภาษณ์ด้วยกันไหมเพราะพี่เราเป็นสปอนเซอร์ให้เราด้วย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ขึ้นอยู่ักับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ค่ะ
ส่วนขั้นตอนการขอวีซ่าที่สถานทูตเยอรมันนะคะ
เริ่มจาก พวกเรามารอคิวหน้าสถานทูตค่ะ พี่รปภ.จะค่อยๆปล่อยคนเข้าไปข้างใน
พอได้เข้าไปแล้ว พี่รปภ.ข้างในเค้าจะตรวจกระเป๋าเรา ซึ่งเค้าตรวจละเอียดมากค่ะ ขนาดกระเป๋าดินสอเค้ายังเปิดตรวจเลย
เสร็จแล้ว เค้าก็จะให้เราฝากโทรศัพท์มือถือไว้(ต้องปิดเครื่องด้วย)แลกกับเบอร์ช่องเก็บของ แ้ล้วเราค่อยมาแลกคืนตอนออกมา
ส่วนกระเป๋า สามารถเอาเข้าไปได้ค่ะ และ ใครที่พกร่มมา เค้าให้หย่อนไว้ในกล่องตรงพื้นเลยค่ะ
พอเข้าไปข้างในแ้ล้ว ให้มองไปทางขวามือนะคะ จะเห็นพี่ผู้ชายที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ (คนนี้ขึ้นชื่อเรื่องชอบกวน ชอบแกล้งคนค่ะ)
เค้าถามพี่สาวว่า "มาทำอะไร้รรรรร"
"มาขอวีซ่าค่ะ"
"ไปทำอะไร้รรรร"
"ไปเที่ยวค่ะ"
เค้าก็หัวเราะ"ฮ่ะๆๆ"
เง็งเลยค่ะ พี่แกจะหัวเราะทำไมเนี่ย
แล้วพวกเราก็ยื่นกระดาษที่จดโค้ดที่เจ้าหน้าที่จองคิวบอกมา ให้เค้าไป
ถามเค้าว่าจะได้สัมภาษณ์ด้วยกันไหม เค้าพยักหน้าแล้วเค้าก็ส่งเศษกระดาษเล็กๆให้ระบุเลขเคาน์เตอร์ที่เราต้องไปยื่นเอกสาร(พวกเราได้เคาน์เตอร์7ค่ะ)
อ้อ พอถึงตรงนี้ ถ้าใครยังไม่ได้ถ่ายรูป ก็มีบริการถ่ายรูปนะคะ 4 รูป 180 บาท แต่รูปที่ได้เนี่ย ... ยิ่งกว่ารูปในบัตรประชาชนเสียอีก ><
พอถ่ายรูปแล้วก็ติดรูปกับแบบฟอร์มขอวีซ่าเสร็จ พวกเราก็เดินไปยื่นกระดาษที่ระบุเคาน์เตอร์ยื่นเอกสาร ให้เจ้าหน้าที่ที่นั่งข้างหน้า
เจ้าหน้าที่ก็ให้เข้าไปข้างใน(ตรงเคาน์เตอร์)ได้เลย ข้างในคนเยอะมากจริงๆ พวกเราก็ยื่นกระดาษที่เคาน์เตอร์7 แล้วก็รอคิวเรียก
ซึ่งจากที่เคยอ่านรีวิวมา คนที่ไปขอวีซ่าเนี่ย เค้าจะถูกสัมภาษณ์ในห้องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
แต่พวกเรา"ยืน"สัมภาษณ์กันตรงเคาน์เตอร์เลยค่ะ
...
คือ ตอนที่รอคิว เราเห็นคนก่อนหน้ายื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ถามรายละเอียดของเค้าออกไมค์ เช่น รู้จักแฟนได้ยังไง มีลูกกี่คน อะไรยังไงฯลฯ ...ก็แปลกใจเหมือนกันนะคะที่ยืนสัมภาษณ์กันแบบนี้ เพราะคนที่ยืนแถวนั้นได้ยินเรื่องส่วนตัวเค้าหมดเลย
พอถึงคิวพวกเรา เจ้าหน้าที่ก็เรียกพี่สาวไปสัมภาษณ์ก่อน บอกเราว่า"ทีละคน ห้ามยืนออ" ด้วยน้ำเสียงเย็นชา(อย่างที่หลายคนว่าไว้)
แต่ถึงจะยืนห่างออกไป เราก็ได้ยินที่เค้าถามพี่(แม้จะไม่ชัดเท่าที่ได้ยินคนก่อนหน้าก็ตาม)
เค้าถามว่า
- ไปกี่คน
- เคยได้วีซ่าเชงเก้นไหม
- ใครออกค่าใช้จ่าย
- ทำงานที่ไหน กี่ปีแล้ว
- นอนที่เยอรมันกี่คืน (ข้อนี้พี่เราตอบผิดด้วย 55 -- บอกเค้าไป 4 คืน แต่เค้าพูดว่าในนี้เขียน 6คืนนี่ )
- จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินหรือยัง
- เป็นโสดเหรอ
เสร็จแล้ว เค้าก็เรียกเราไปสัมภาษณ์ต่อ
แต่ก่อนอื่น เค้าบอกให้เราถอดคลิปที่เราหนีบเอกสารไว้ทั้งหมด แ้ล้วให้ยื่นแค่"สำเนาเอกสาร"เท่านั้น ตัวจริงที่เตรียมไปเค้าไม่ดูเลย
(ตรงนี้ ขอเตือนเพื่อนๆด้วยค่ะว่า เอกสารทุกอย่างท่ียื่นให้สถานทูตไม่ต้องแม็กหรือคลิปเลยอย่างเด็ดขาด ..ไม่งั้นเวลาดึงออกจะเสียเวลามากก)
แล้วเค้าก็ถามคำถามเราค่ะ
- แผนการเดินทางเหมือนคนเมื่อกี๊ใช่ไหม
- เคยได้วีซ่าเชงเก้นไหม
- แต่งงานหรือยัง
- ใครออกค่าใช้จ่าย
(ข้อนี้ พี่เราออกให้ทั้งหมด ก็บอกเค้าไป ....
สำหรับ คนที่มีสปอนเซอร์แบบเรา ควรต้องทำletter of sponsorship กับletter of introduction แล้วก็ฺพวกBank Guarantee ,เอกสารการเงินของสปอนเซอร์ด้วยนะคะ เรียกว่าเตรียมไปให้ครบก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าเค้าไม่เอาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเค้าต้องการขึ้นมา แล้วเราไม่มีเนี่ย มันก็จะต้องวุ่นวายทีหลังเนอะ)
- ทำงานอะไร กี่ปีแล้ว
เค้าก็ถามว่ามารับพาสปอร์ตเองใช่ไหม แล้วก็ให้ใบไปจ่ายเงิน คนละ 60ยูโร(2,400บาท)ทั้งหมดนี้ ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ
โดยเราจะรู้ผลวีซ่าวันที่ 12 มีนาคม คือใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ ... ถือว่าเร็วนะ ขนาดคนมากขนาดนี้
สรุป
- เรื่องการเดินทางไปสถานทูตเยอรมัน ถ้าใช้ขนส่งสาธารณะก็นั่งMRT มาลงที่MRTลุมพินีแล้วก็เดินต่ออีกหน่อย สถานทูตอยู่ใกล้ๆQ houseค่ะ
- เรื่องเอกสาร ... เตรียมทุกอย่างที่เพื่อนๆคิดว่าจำเป็นไปด้วยนะคะ อย่างที่บอกไป ถ้าเค้าไม่ใช้ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเค้าต้องการขึ้นมา แล้วเราไม่มีเนี่ย มันจะยุ่งมาก ต้องนำไปให้สถานทูตอีกรอบหรือถึงขั้นวีซ่าไม่ผ่านได้ ..
อย่างของเรา จดหมายแนะนำตัวก็เล่าว่าเราชอบเที่ยว เคยไปเที่ยวที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ยังงั้นยังโง้น และเขียนด้วยว่าพี่สาวเราออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แล้วก็เตรียมพวกโฉนดที่ดิน, ทะเบียนบ้านไปด้วย
สำหรับpassport ให้นำpassportเก่าไปด้วย และเวลาซีร็อกpassportก็ซีร็อกหน้าที่เคยได้รับวีซ่าหรือพวกแสตมป์ด้วยนะคะ
- เรื่องเจ้าหน้าที่ ... เค้าก็ไม่ได้ดุกันอย่างที่หลายคนกังวล อาจมีเย็นชาบ้าง แต่หลายๆคนก็ใจดี อารมณ์ดี
เช่น พี่ผู้ชายที่เคาน์เตอร์ 10(ถ้าจำไม่ผิด) เค้าจะเป็นคนจัดคิวให้คนเข้าไปสัมภาษณ์ในห้อง 11,12 ก็ตลกและใจดี
แต่ที่ดูเย็นๆก็อย่างเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 7(ที่สัมภาษณ์เรา) , เคาน์เตอร์ 6 แต่เค้าก็ไม่ได้ดุหรือตะคอกอะไร เหมือนเค้ารีบทำเวลามากกว่า
อันนี้ ก็เป็นประสบการณ์ขอวีซ่าเยอรมันครั้งแรกของเรากับพี่สาวที่เราอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆค่ะ เผื่อเวลาเพื่อนๆไปขอวีซ่าจะได้ไม่งงเหมือนเรา
ส่วนตัวเรา ตอนนี้ ก็ได้แต่ลุ้นๆๆๆผลวีซ่าอยู่ค่ะ ><
[CR] แชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าเยอรมัน(ช่วงHigh Season)ค่ะ
เรามีประสบการณ์การขอวีซ่าเยอรมันมาแบ่งปันกับเพื่อนๆค่ะ
เริ่มจาก พี่สาวเราโทรไปจองคิววีซ่าท่องเที่ยว(single visa)ที่สถานทูตเยอรมันตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว ได้คิวตอนสิบโมงเช้าของเมื่อวาน พี่สาวเราถามเจ้าหน้าที่ที่รับจองคิวว่าจะได้สัมภาษณ์ด้วยกันไหมเพราะพี่เราเป็นสปอนเซอร์ให้เราด้วย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ขึ้นอยู่ักับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ค่ะ
ส่วนขั้นตอนการขอวีซ่าที่สถานทูตเยอรมันนะคะ
เริ่มจาก พวกเรามารอคิวหน้าสถานทูตค่ะ พี่รปภ.จะค่อยๆปล่อยคนเข้าไปข้างใน
พอได้เข้าไปแล้ว พี่รปภ.ข้างในเค้าจะตรวจกระเป๋าเรา ซึ่งเค้าตรวจละเอียดมากค่ะ ขนาดกระเป๋าดินสอเค้ายังเปิดตรวจเลย
เสร็จแล้ว เค้าก็จะให้เราฝากโทรศัพท์มือถือไว้(ต้องปิดเครื่องด้วย)แลกกับเบอร์ช่องเก็บของ แ้ล้วเราค่อยมาแลกคืนตอนออกมา
ส่วนกระเป๋า สามารถเอาเข้าไปได้ค่ะ และ ใครที่พกร่มมา เค้าให้หย่อนไว้ในกล่องตรงพื้นเลยค่ะ
พอเข้าไปข้างในแ้ล้ว ให้มองไปทางขวามือนะคะ จะเห็นพี่ผู้ชายที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ (คนนี้ขึ้นชื่อเรื่องชอบกวน ชอบแกล้งคนค่ะ)
เค้าถามพี่สาวว่า "มาทำอะไร้รรรรร"
"มาขอวีซ่าค่ะ"
"ไปทำอะไร้รรรร"
"ไปเที่ยวค่ะ"
เค้าก็หัวเราะ"ฮ่ะๆๆ"
เง็งเลยค่ะ พี่แกจะหัวเราะทำไมเนี่ย
แล้วพวกเราก็ยื่นกระดาษที่จดโค้ดที่เจ้าหน้าที่จองคิวบอกมา ให้เค้าไป
ถามเค้าว่าจะได้สัมภาษณ์ด้วยกันไหม เค้าพยักหน้าแล้วเค้าก็ส่งเศษกระดาษเล็กๆให้ระบุเลขเคาน์เตอร์ที่เราต้องไปยื่นเอกสาร(พวกเราได้เคาน์เตอร์7ค่ะ)
อ้อ พอถึงตรงนี้ ถ้าใครยังไม่ได้ถ่ายรูป ก็มีบริการถ่ายรูปนะคะ 4 รูป 180 บาท แต่รูปที่ได้เนี่ย ... ยิ่งกว่ารูปในบัตรประชาชนเสียอีก ><
พอถ่ายรูปแล้วก็ติดรูปกับแบบฟอร์มขอวีซ่าเสร็จ พวกเราก็เดินไปยื่นกระดาษที่ระบุเคาน์เตอร์ยื่นเอกสาร ให้เจ้าหน้าที่ที่นั่งข้างหน้า
เจ้าหน้าที่ก็ให้เข้าไปข้างใน(ตรงเคาน์เตอร์)ได้เลย ข้างในคนเยอะมากจริงๆ พวกเราก็ยื่นกระดาษที่เคาน์เตอร์7 แล้วก็รอคิวเรียก
ซึ่งจากที่เคยอ่านรีวิวมา คนที่ไปขอวีซ่าเนี่ย เค้าจะถูกสัมภาษณ์ในห้องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
แต่พวกเรา"ยืน"สัมภาษณ์กันตรงเคาน์เตอร์เลยค่ะ ...
คือ ตอนที่รอคิว เราเห็นคนก่อนหน้ายื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ถามรายละเอียดของเค้าออกไมค์ เช่น รู้จักแฟนได้ยังไง มีลูกกี่คน อะไรยังไงฯลฯ ...ก็แปลกใจเหมือนกันนะคะที่ยืนสัมภาษณ์กันแบบนี้ เพราะคนที่ยืนแถวนั้นได้ยินเรื่องส่วนตัวเค้าหมดเลย
พอถึงคิวพวกเรา เจ้าหน้าที่ก็เรียกพี่สาวไปสัมภาษณ์ก่อน บอกเราว่า"ทีละคน ห้ามยืนออ" ด้วยน้ำเสียงเย็นชา(อย่างที่หลายคนว่าไว้)
แต่ถึงจะยืนห่างออกไป เราก็ได้ยินที่เค้าถามพี่(แม้จะไม่ชัดเท่าที่ได้ยินคนก่อนหน้าก็ตาม)
เค้าถามว่า
- ไปกี่คน
- เคยได้วีซ่าเชงเก้นไหม
- ใครออกค่าใช้จ่าย
- ทำงานที่ไหน กี่ปีแล้ว
- นอนที่เยอรมันกี่คืน (ข้อนี้พี่เราตอบผิดด้วย 55 -- บอกเค้าไป 4 คืน แต่เค้าพูดว่าในนี้เขียน 6คืนนี่ )
- จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินหรือยัง
- เป็นโสดเหรอ
เสร็จแล้ว เค้าก็เรียกเราไปสัมภาษณ์ต่อ
แต่ก่อนอื่น เค้าบอกให้เราถอดคลิปที่เราหนีบเอกสารไว้ทั้งหมด แ้ล้วให้ยื่นแค่"สำเนาเอกสาร"เท่านั้น ตัวจริงที่เตรียมไปเค้าไม่ดูเลย
(ตรงนี้ ขอเตือนเพื่อนๆด้วยค่ะว่า เอกสารทุกอย่างท่ียื่นให้สถานทูตไม่ต้องแม็กหรือคลิปเลยอย่างเด็ดขาด ..ไม่งั้นเวลาดึงออกจะเสียเวลามากก)
แล้วเค้าก็ถามคำถามเราค่ะ
- แผนการเดินทางเหมือนคนเมื่อกี๊ใช่ไหม
- เคยได้วีซ่าเชงเก้นไหม
- แต่งงานหรือยัง
- ใครออกค่าใช้จ่าย
(ข้อนี้ พี่เราออกให้ทั้งหมด ก็บอกเค้าไป ....
สำหรับ คนที่มีสปอนเซอร์แบบเรา ควรต้องทำletter of sponsorship กับletter of introduction แล้วก็ฺพวกBank Guarantee ,เอกสารการเงินของสปอนเซอร์ด้วยนะคะ เรียกว่าเตรียมไปให้ครบก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าเค้าไม่เอาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเค้าต้องการขึ้นมา แล้วเราไม่มีเนี่ย มันก็จะต้องวุ่นวายทีหลังเนอะ)
- ทำงานอะไร กี่ปีแล้ว
เค้าก็ถามว่ามารับพาสปอร์ตเองใช่ไหม แล้วก็ให้ใบไปจ่ายเงิน คนละ 60ยูโร(2,400บาท)ทั้งหมดนี้ ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ
โดยเราจะรู้ผลวีซ่าวันที่ 12 มีนาคม คือใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ ... ถือว่าเร็วนะ ขนาดคนมากขนาดนี้
สรุป
- เรื่องการเดินทางไปสถานทูตเยอรมัน ถ้าใช้ขนส่งสาธารณะก็นั่งMRT มาลงที่MRTลุมพินีแล้วก็เดินต่ออีกหน่อย สถานทูตอยู่ใกล้ๆQ houseค่ะ
- เรื่องเอกสาร ... เตรียมทุกอย่างที่เพื่อนๆคิดว่าจำเป็นไปด้วยนะคะ อย่างที่บอกไป ถ้าเค้าไม่ใช้ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเค้าต้องการขึ้นมา แล้วเราไม่มีเนี่ย มันจะยุ่งมาก ต้องนำไปให้สถานทูตอีกรอบหรือถึงขั้นวีซ่าไม่ผ่านได้ ..
อย่างของเรา จดหมายแนะนำตัวก็เล่าว่าเราชอบเที่ยว เคยไปเที่ยวที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ยังงั้นยังโง้น และเขียนด้วยว่าพี่สาวเราออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แล้วก็เตรียมพวกโฉนดที่ดิน, ทะเบียนบ้านไปด้วย
สำหรับpassport ให้นำpassportเก่าไปด้วย และเวลาซีร็อกpassportก็ซีร็อกหน้าที่เคยได้รับวีซ่าหรือพวกแสตมป์ด้วยนะคะ
- เรื่องเจ้าหน้าที่ ... เค้าก็ไม่ได้ดุกันอย่างที่หลายคนกังวล อาจมีเย็นชาบ้าง แต่หลายๆคนก็ใจดี อารมณ์ดี
เช่น พี่ผู้ชายที่เคาน์เตอร์ 10(ถ้าจำไม่ผิด) เค้าจะเป็นคนจัดคิวให้คนเข้าไปสัมภาษณ์ในห้อง 11,12 ก็ตลกและใจดี
แต่ที่ดูเย็นๆก็อย่างเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ 7(ที่สัมภาษณ์เรา) , เคาน์เตอร์ 6 แต่เค้าก็ไม่ได้ดุหรือตะคอกอะไร เหมือนเค้ารีบทำเวลามากกว่า
อันนี้ ก็เป็นประสบการณ์ขอวีซ่าเยอรมันครั้งแรกของเรากับพี่สาวที่เราอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆค่ะ เผื่อเวลาเพื่อนๆไปขอวีซ่าจะได้ไม่งงเหมือนเรา
ส่วนตัวเรา ตอนนี้ ก็ได้แต่ลุ้นๆๆๆผลวีซ่าอยู่ค่ะ ><