ความคืบหน้า โดนงัดรถที่ Premium Outlet ปากช่อง



หลัังจากที่ได้ตั้งกระทู้ " เตือนภัย ด้วยความประมาทของเรา โดนงัดรถที่ premium outlet ปากช่อง "
http://ppantip.com/topic/30174188

ที่โดนงัดรถที่พรีเมี่ยม เอาท์เลท ปากช่องเตือนภัยไปแล้ว
ตอนนี้เลยเข้ามาบอกความคืบหน้าคะ

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556
เราได้เดินทางจาก ขอนแก่น ไป กทม เพื่อเตรียมซื้อของบางอย่างในทริปยุโรปเดือนเมษายน ระหว่างทางได้แวะ Premium Outlet ปากช่อง เพื่อตรงไปดูรองเท้า North Face และใช้เวลากลับมาถึงรถ รวมแล้วไม่เกิน 45 นาที จึงไม่คิดที่จะหอบของทั้งหมดลงไปด้วยเพระมันเยอะมาก ซึ่งเป็นความประมาทของเรา (รายละเอียดจากลิ้งค์ที่แป่ะไว้เลยคะ) เราล็อครถแน่นอนตอนกลับมารถก็ล็อคอยู่เหมือนเดิม ไม่มีลอยทุบกระจก มีเพียงแค่รอยงัดที่รูกุญแจประตูรถเท่านั้น มืออาชีพสุดๆ รปภ ที่ห่างไปเพียง 10 เมตรบอกว่าไม่เห็นเหตุการณ์ พนักงานที่มามุงดูทีี่เกิดเหตุยืนยันเป็นเสียงเดียวกันคือ กล้องวงจรปิดมี แต่ดูย้อนหลังไม่ได้
เราเลยทำได้แค่เพียงไปแจ้งความ ที่ สน.ปากช่อง ซึ่งมีหมวดประยงค์ เป็นผู้รับเรื่อง

ของที่หายไปมี
กล้อง Nikon D700 พร้อมกริ๊บเลนส์ ข้างกล่องเขียน serial No. 6057689
และ D300 พร้อมกริ๊บเลนส์ ข้างกล่องเขียน serial No. 2425215

Macbook pro 13" 2
serial No. W8105LYRATM
serial No. W81048RZATM

External HD buffalo 500gb สีแดงดำ เก็บงานไว้ในนั้นทั้งชีวิตเยอะมากมาย

ในระหว่างวันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ เราก็ได้รับการตอบกลับจากทางผู้ที่อ้างว่าเป็นคนของทางเอาท์เลท ทางหน้า wall facebook ที่เราไปโพสไว้ และได้รับการตอบกลับทางกระทู้ในพันทิพย์ตามลิ้งค์ที่ให้ไว้ด้านบน บอกว่ากำลังดำเนินการให้

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556
เราเข้า กทม อีกครั้ง เพื่อไปทำเรื่องเกี่ยวกับ passport และ Visa อย่างเร่งด่วนที่สุด เพราะ Passport ที่มีวีซ่าเชงเก้น หายไปพร้อมกับกระเป๋าใส่ของ
ในระหว่างทาง เราได้แวะเข้าไปถาม รปภ ของทางเอาท์เลท เวลาประมาณ 11.30 น. อีกทีนึง แต่ไม่ได้รับความสนใจเลย บอกเพียงคำเดิมคือ อยู่ที่นี้มานาน ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ และกล้องวงจรปิดดูไม่ได้ ให้เราไปตามเรื่องกับ สน. ปากช่องที่รับเรื่องไว้เอาเอง

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ เราได้ไปทำ pasport ใหม่และปลงกับเรื่องทั้งหมดแล้วว่าต้องทำใจ และไม่คิดจะตามเรื่องต่อ
และขอบคุณทุกท่านในพันทิพย์ ที่ให้กำลังใจเรา เพราะมันช่วยได้เยอะมาก ซึ่งใครไม่เจอเองคงไม่รู้

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556
เดินทางกลับขอนแก่น ออกจาก กทม แถวตลิ่งชัน มาทางบางบัวทองเพื่อที่จะแวะอยุธยาก่อน ออกจาก กทม เวลาประมาณ 9.00 น.
เมื่อไปถึงอยุธยา จำเวลาแน่นอนไม่ได้ว่าเวลาเท่าไหร่ และอยู่ในช่วงไม่เกินเที่ยง มีผู้ที่บอกว่าเป็นหัวหน้าแผนกจากทาง Premium Out ปากช่องโทรมาแสดงความเสียใจ และรับปากว่าจะตรวจสอบพนักงานให้ เขาบอกว่า จากการไล่ตรวจเรื่องกล้องวงตรปิดแล้ว กล้องสามารถดูย้อนหลังได้ แต่กล้องส่องไม่ถึงบริเวณที่จอดรถที่เราจอด และไม่มีตรงทางออก ส่องเห็นเพียงแต่ทางเข้า จึงไม่ทราบเหตุการณ์ทั้งหมด เวลาจากที่เราเข้ามาจอดรถ และวิ่งไปหายามเมื่อรู้ว่าของหาย โดยรวมแล้วเขาบอกว่า ประมาณ 20. นาที แต่จากการสังเกตดูไม่มีรถที่ตามเรามาอย่างกระชั้นชิดจากทางด้านนอก
นั่นไง จะให้เราคิดเป็นอื่นได้อย่างไร เราจึงบอกทางผู้ที่บอกว่าเป็นหัวหน้าแผนกไปว่า งั้นให้สงสัยคนในองค์กรของคุณ ของเราไม่คิดว่าจะได้คืน เราอยากได้แค่เอกสาร วีซ่า เพราะถึงมีเงินทำวีซ่าใหม่ แต่มันจะไปหาซื้อทันทีเลยไม่ได้แน่นอน
หลังจากวางสายไปเรานึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันได้ถามชื่อ
เลยโทรกลับไปถามชื่อของผู้จัดการแผนก และได้ขออนุญาติแล้วว่าจะเอามาลงในเว็บ เพราะเราไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย เพียงแค่ทางเอาท์เลทติดต่อเรามาบ้าง ไม่ใช่ให้เราตามเรื่องเองทั้งหมด
ขอบคุณผู้จัดการแผนก คุณ อรุนีย์ โกนกระโทก  ที่อุตส่าโทรมาหาเรา ครั้งนั้น ครั้งเดียว

หลังจากออกจากอยุธยา ได้แวะเข้าไปทาง สน.ปากช่อง เพื่อไปบอกความคืบหน้ากับทางหมวดประยงค์ ว่ามีคนของทางเอาท์เลทโทรมาแล้วว่า กล้องดูย้อนหลังได้ เขาจึงอยากให้เราไปดูด้วยเพื่อความสบายใจ แต่เราเบื่อ และเหนื่อยมาก เลยบอกเขาไปว่าแล้วแต่ทางตำรวจจะจัดการแล้วกัน ของไม่คิดได้คืนอยู่แล้ว แต่ห่วงเรื่องเอกสารในนั้น

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556
ในระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อจะไปขอยื่นวีซ่าใหม่ที่ กทม นั้น เวลา 9 -10 โมงโดยระมาณ
มีโทรศัพท์จากทางหมวดวีรศักดิ์ ซึ่งอยู่ที่ สภ.ย่อย หนองสาหร่าย บอกว่า โทรจากหนองสาหร่าย คุณลืมของทิ้งไว้หรือเปล่า
เราเลย อื้มมมมมมม บอกไปว่า โดนงัดรถที่ พรีเมี่ยมเอาท์เลทปากช่องตั้งแต่วันที่ 22
เขาเลยบอกว่า เขาเห็นกระเป๋าเราทิ้งไว้ ในนั้นมีเอกสารทั้งหมด สมุดธนาคาร บัตรต่างๆ และที่สำคัญคือ Passport อยู่บริเวณห่างจาก สภ. ย่อยนั่นไปประมาณ 2กิโล (แต่ไม่มีของนะค่ะ ห้าๆๆ)  ซึ่งเขาเจอกระเป๋าเราเมื่อเวลาประมาณ 3 ทุ่ม โดยที่เห็นคนขี่มอไซไม่เปิดไฟสวนมาแล้วโยนกระเป๋าทิ้งข้างทาง

วันที่ 1 มีนาคม 2556
เราเข้ามาทำธุระต่อที่ กทม และแวะเข้าไปรับ passport คืนที่ สภ.ย่อยหนองสาหร่าย ติดถนนมิตรภาพเลย
และได้แวะไปบอกความคืบหน้ากับหมวดประยงค์ สน.ปากช่องที่รับเรื่อง
และหลังจากนั้น อยากจึงโทรไปถามทางคุณ อรุนีย์ โกนกระโทก ว่าได้เรื่องอะไรไหมและแจ้งว่าเราได้ passport คืนแล้ว ซึ่งคุณอรุนีย์ โกนกระโทก ย้อนถามเราว่า ทำไมตำรวจไม่เห็นบอกเขา
เอ๋า จะมาถามดิฉัน ดิฉันจะไปทราบหรือ แล้วทำไมคุณไม่ติดต่อกันเองหล่ะ ขนาดฉันยังต้องโทรมาบอกคุณเองเลย เม่าโศก

แต่ passport ที่อุตส่าได้มาก็ช่วยไรไม่ได้แล้วคะ อืออออ ตอนนี้เลยอยู่ในระหว่างทำวีซ่าใหม่
และไม่คิดจะตามเรื่อง หรือแวะ หรือโทรหาใครอีกแล้ว เพราะรู้แน่ๆว่าไม่มีใครช่วยอะไรต่อแน่นอน

อยากเข้ามาบอกความคืบหน้าเพียงเท่านี้คะ
และคงได้แต่เตือนกันไว้
และขอบคุณกำลังใจทุกท่านในเว็บนี้คะ  เม่าฝึกจิต

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนเพิ่มเตอมคะ :

ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดเรื่องจนบัดนี้ เป็นเราที่โทรไปหาทั้งทางตำรวจเองตลอด ทั้งญาติ ทั้งแม่ช่วยกันโทรไปถามความคืบหน้า
ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ( และเราก็คิดเหมือนหลายๆ คห. ว่า ถ้าตำรวจคิดจะตาม ทำไมจะจับไม่ได้)
ส่วนทาง Outlet ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคะ เงียบเลย

มีคนรู้จักที่เป็นตำรวจแถวบ้าน เขาบอกว่า ขนาดรถตำรวจเอง เก่าๆ เอาปืนซ่อนไว้ใต้เบาะ ยังโดนเลย
ทำใจเถอะ เขาจะไม่ส่งเรื่องต่อหรอก เพราะเขาจะกลัวว่าถ้ามีคดีเยอะแล้ว สน.เขาจะเสียชื่อ
( *** ขอบอกก่อนนะค่ะ ว่าประโยคนี้เราไม่ได้คิดขึ้นเอง คนรู้จักที่เป็นตำรวจบอกเรามาแบบนี้จริงๆ และไม่ใช่คนที่ สน.ที่รับเรื่องเราที่บอกแบบนี้ ระบบการทำงานอาจจะไม่เหมือนกันก็เป็นได้ )

ตอนนี้เราต้องวิ่งวุ่นเตรียมเอกสาร ทำนู้นนี้ใหม่เยอะมากคะ เราจึงคิดว่าถ้าเราตามต่อไป มันก็จะช้าและนาน และทำให้เราเป็นทุกข์มากกว่านี้
( ก็อย่างที่บอกว่าเราไม่ใช่ลูกคนใหญ่โต มีชื่อเสียง )


เข้ามาเพิ่มเติมคะ พอดีมาอ่าน คห. ที่ 35-36
แล้วฉุกคิดขึ้นมาได้ แต่เราขอบอกก่อนนะค่ะว่า เราไม่ได้ปักใจโช๊ะๆๆ ว่าต้องใช่ แต่คนรอบข้างที่หวังดีเขาก็สงสัยหน่ะคะ
คือ
มีคนรู้จักเสนอแนวคิดว่า เผลอๆอาจโดนตามตั้งแต่ลงจากรถแล้ว พนักงงานนั่นแหล่ะวอร์บอกกัน
ตอนนั้นเราไม่ได้สังเกตคะ แต่แฟนบอกว่า เห็นมีคล้ายๆสต๊าฟ ที่ใส่เสื้อเหมือนที่อยู่ในห้องกล้องวงจรปิด
( ใส่เสื้อเหมือนคนที่พาเราเข้าไปดูกล้อง ที่ดูย้อนหลังไม่ได้) เดินแถวๆหน้าทางเข้าร้าน north face ที่เราหยุดดูของ
แฟนบอกว่า ยังยิ้มให้ และสบตาอยู่ แต่คิดว่าเขามาเดินตรวจปกติคะ

และเราก็ไม่ทราบได้ว่า เขาตามเรามาแต่แรกไหม
เราฝากคุณอรุนีย์ ผู้จัดการแผนก ให้เช็คกล้องตรงนี้ เขารับปาก แต่ไม่มีอะไรติดต่อกลับมาเลยคะ
มันจะช่วยไขข้อสงสัยได้ด้วยว่า เราไม่ได้โดนพนักงานคุณตามนะ แต่เขากลับเลือกที่จะเงียบไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่