“เผาบ้านเผาเมือง” วาทกรรมของคนใจดำปัญญามาก หลอกคนใจดำปัญญาน้อย ถึงด้อยปัญญา (กระทู้เบาสมอง)

กระทู้สนทนา
แม้เหตุการณ์พฤษภา 35 จะผ่านมาเกือบ 21 ปี แต่ความรู้สึกที่ย่ำแย่ที่สุดของชีวิต ยังไม่จางหายไปจากใจ

เหตุการณ์ในครั้งนั้น คือความเจ็บปวดที่ฝังลึกนานยาว มาตราบจนวันนี้ ภาพคนตาย ภาพคนบาดเจ็บ กลิ่นคาวเลือดและคราบน้ำตาของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ยังคงติดตา ตรึงใจ ยอมรับว่าโกรธแค้นชิงชังคณะรัฐบาลชุดนั้นมาก มากเสียจนกระทั่งต้องจดรายชื่อรัฐมนตรี มานั่งสาปแช่งเช้าเย็น

แม้นไม่รู้จักใครซักคนในสถานที่ชุมนุม แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเขา เสียใจแทนญาติของผู้สูญเสีย

ในการเดินขบวนครั้งนั้น ผมเดินแถวหน้ามาจนถึงสะพานผ่านฟ้า มีลวดหนามและแถวทหารกั้นขวางอยู่ เราไม่สามารถผ่าวงล้อมไปได้ ต้องหยุดและนั่งนอนบนพื้นถนนตรงนั้น แต่เบื้องหน้าของเรากลับมีเปลวเพลิง และควันไฟที่พวยพุ่ง โดยเราไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น มารู้อีกทีเมื่อหลายวันผ่านไป ในทีวีเขาบอกว่าผู้ชุมจุดไฟเผา ทั้งที่เราไม่สามารถเล็ดลอดเข้าไปได้ เพราะทหารขวางทางไว้เต็มไปหมด

มันคือการเผาเพื่ออ้างเหตุ อ้างความชอบธรรมเพื่อสลายการชุมนุมของภาครัฐนั่นเอง

การเผาสถานที่ราชการก็ดี การทุบตู้โทรศัพท์ก็ดี ผมไม่มีทางรับรู้ได้เลย เพราะอยู่แต่สะพานผ่านฟ้า แม้ว่าการทุบโทรศัพท์จะเป็นของผู้ชุมนุมบางราย เพราะด้วยความโกรธแค้นรัฐ ที่เข่นฆ่า ทุบตี คนชาติเดียวกันอย่างโหดเหี้ยม แต่ส่วนใหญ่นั้น รัฐทำการจ้างวัยรุ่นเพื่อทำลายของสาธารณะ เพื่อลดความชอบธรรมของผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย
             
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นผมไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย เพราะจะยิ่งตอกย้ำให้เจ็บ ภาพเหตุการณ์ในปี 35 ก็ดี  ปี 16 ก็ดี ไม่อยากดู ไม่พูดถึง เพราะยิ่งดูยิ่งสลด ยิ่งดูยิ่งย้ำรอยแค้นในใจ

นั่นเป็นความรู้สึกของเด็กหนุ่มวัย 20 ต้นๆ อาจจะยังมีความแค้นเคืองอาฆาต และวู่วามไปบ้าง

เหตุการณ์พฤษภา 53 ที่ผ่านมาหมาดๆ ก็มาแนวเดียวกัน คือเผาเพื่อทำลายความชอบธรรมของกลุ่มผู้ชุมนุม

จะต่างกันก็ตรงที่ผู้คนยุค 20 ปีก่อนนั้น ยังมีความเป็นมนุษย์ของคนอยู่เยอะกว่า

ถามว่าเผาตอนไหน เผาตอนมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายเกลื่อนถนนแล้ว หรืออยู่ดีๆ ก็มีคนมาจุดไฟเผาเมืองเล่น จนรัฐต้องส่งทหารมาปราบ

ถามว่าเผาวิธีไหน คงตอบได้ไม่ยาก 1. พวกนี้คงเป็นขอมดำดินไปเผา ในขณะที่ทางการคุมพื้นที่เบ็ดเสร็จ 2. พวกนี้คงปลอมตัวเป็นทหารสัก 4-5 หมื่นนาย แล้วคนใดคนหนึ่งในนั้นที่คนลงมือ

ถามว่าเผาทำไม เผาเพื่อหวังจะฝังฝ่ายตรงข้ามให้จมดิน ไม่มีได้ผุดได้เกิด ด้วยในขณะนั้นรัฐบาลคุมสื่อได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะกรอกหูอย่างไรก็ได้

ถามว่าสมควรเผาไหม สมควรแล้ว เป็นกลยุทธที่ชาญฉลาดของฝ่ายรัฐบาล ที่ทำให้คนปัญญานิ่มจำนวนหนึ่งหลงเชื่อ มาตราบจนเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา

วิธีการเผาเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ได้ผลมาแล้ว 2 รอบ
รอบแรก พาคนไปตาย จนนาย ช ได้เป็นนายก
รอบสอง เผาบ้านเผาเมือง จนได้ ส.ส.กทม. จำนวนมาก และไ้ด้ผู้ว่าสมใจ

แต่แปลกใจอยู่อย่างว่า รอบแรก ผู้คนยุคนั้นแม้ไม่ฉลาดเกินไปกว่าคนยุคนี้ แต่ก็มีความเฉลียวกว่า ผู้คนสมัยนั้นมีความเห็นใจและเข้าใจผู้สูญเสียมากกว่าเห็นใจรัฐบาล ผู้คนสมัยนั้นให้อภัยผู้ชุมนุมแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่เมื่อมีการสูญเสียก็แสดงความเข้าใจเห็นใจกัน

ผู้คนจำนวนไม่น้อยของสังคมยุคนี้ มีความทันสมัย  รอบรู้เรื่องข่าวสาร แต่ขาดการแยกแยะดีชั่ว สิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร มุ่งที่จะเชียร์ฝ่ายตน แม้จะเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดก็ตามที ไม่เห็นใจผู้เสียชีวิต ไม่เห็นใจญาติ ลูกเมีย ปู่ ย่า ตา ทวด

ครั้นรัฐบาลชุดนี้จะหยิบยื่นความช่วยเหลือบางส่วน แต่ก็ยังมีนักการเมืองเศษสวะแถวระยอง ยังอุตส่าห์มาขัดขวาง  
แปลกใจที่เหล่้าสาวกด้อยคุณธรรม ก็เออออไปกับเขาด้วย

“เผาบ้านเผาเมือง” จึงเป็นวาทกรรมของคนใจดำปัญญามาก หลอกคนใจดำปัญญาน้อย โดยแท้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่