ผมไม่แน่ใจว่ามีปัญหาทางจิตหรือเปล่า แต่ผมคาดว่าสิ่งที่ผมเป็นอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต
เริ่มต้นเกิดมาผมก็เป็นคนปกติๆทั่วไปครับ แต่พอผมอายุสัก 5 ปีพ่อกับแม่ก็เลิกกัน ผมเลยอยู่กับแม่และครอบครัวฝ่ายแม่ ซึ่งครอบครัวแม่ก็ฐานะดี เลี้ยงผมได้มาอย่างดี จนกระทั่งผมโตเรียนมัธยมครอบครัวก็ประสบภาวะล้มละลายทางการเงิน ญาติพี่น้องในครอบครัวที่เคยเยอะแยะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาก็แยกกันไปทำมาหากินตามเวรตามกรรม ผมเลยเหลืออยู่กับแม่และคนอื่นๆ 4 คน หลังจากภาวะล้มละลายผู้ใหญ่ในบ้านผมก็เริ่มขาดศักยภาพในการประคับประคองครอบครัว ผมในฐานะลูกชายคนเดียวก็เลยกลายเป็นว่าที่หัวหน้าครอบครัวคนใหม่ โดนผู้ใหญ่คาดหวังว่าจะเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ที่เลวร้าย (คาดหวังว่าจะชดใช้หนี้สิน สร้างทรัพย์สิน สร้างฐานะ) ระหว่างนั้นจนถึงวันนี้ (อายุ 22) ผมได้เห็นความล้มเหลวของคนต่างๆทั้งแม่และผู้ใหญ่คนอื่นมาตลอด (เราทำธุรกิจครอบครัวครับ ล้มลุกคลุกคลานมาพอสมควร)
เนื่องจากผู้ใหญ่แต่ละคนล้มลุกคลุกคลานเหลือเกิน ผสมกับความคาดหวังที่มีต่อผมลูกชายคนเดียว ครอบครัวก็เลยโซซัดโซเซ ณ ตอนนี้เลยรู้สึกว่าครอบครัวไม่ใช่ที่พึ่งพาทางจิตใจของผมอีกต่อไป ผมไม่มั่นใจในครอบครัว ไม่เห็นศักยภาพของครอบครัว ทุกคนไม่มีบทบาทของผู้นำที่ดี ผมมองไม่เห็นแบบอย่างที่มั่นคงน่าเชื่อถือ แต่ละคนล้วนมีประวัติความล้มเหลว ผมเปรียบเสมือนโดนทุกคนผลักให้ไปอยู่หน้าแถว เพื่อให้เจอกับอนาคตอันโหดร้าย ผมมองไม่เห็นคนข้างหน้าที่เป็นผู้นำ แต่กลับมองเห็นแต่คนเดินตามหลัง (ไม่ไว้ใจในที่นี้หมายถึง ไม่เชื่อว่าเขาคิดถูก ไม่เชื่อในศักยภาพ ไม่ได้หมายความว่ากลัวโดนหักหลังหรืออะไรทำนองนั้นนะครับ)
ครอบครัวไม่คาดหวังว่าผมจะเรียนด้านอะไร ทำงานอะไร ไปอยู่ที่ไหน โตอย่างไร แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาตามใจหรือให้อิสระผมนะ เพียงแต่ผมคิดว่าพวกเขาเชื่อว่าผมจะเป็นผู้นำคนถัดไปต่างหาก (พูดง่ายๆก็คือทิ้งภาระให้ผมตัดสินใจแทน) ผมเลือกมหาวิทยาลัยเอง เลือกงานเอง เลือกที่อยู่เอง เลือกวิถีชีวิตเอง ฯลฯ
ผลที่เกิดขึ้นกับผม ณ ตอนนี้คือ ผมเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงมาก ดื้อ ยึดมั่นถือมั่น ไม่ไว้ใจใคร ไม่เชื่อมั่นใครง่ายๆ แม้แต่ครอบครัวตัวเอง ยิ่งคนนอกแล้วไม่ต้องพูดถึง ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิง และผู้ชายที่มีท่าทีอ่อนแอ ผมจะไม่ปรึกษาอะไรพวกเขาเด็ดขาด (เพราะไม่เชื่อในศักยภาพ) เวลาทำงานกลุ่ม(เรียนหนังสือ) ผมจะพยายามทำด้วยตัวเองให้มาก ไม่พึ่งพาใคร ไม่ไหว้วานใคร เวลาเจอคนที่มาให้คำแนะนำต่างๆ ถ้าคนเหล่านั้นมีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์ที่ผมกำหนดไว้ ผมก็จะไม่รับฟังพวกเขา (ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นเพราะผมมั่นใจในตัวเองมากเกิน ไม่เชื่อศักยภาพคนอื่น ไม่เชื่อใจใคร ผมรู้ตัวดี) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมคิดว่าผมเป็นคนมีนิสัยและอัธยาศัยดีพอสมควรนะครับ เพียงแต่ไม่เชื่อใจใครง่ายๆเท่านั้นเอง
เนื่องจากผมขาดพ่อ ถูกเลี้ยงมาด้วยครอบครัวผู้หญิง ผมเลยเป็นเกย์ที่ภายนอกดูแข็งแกร่งและห้าว แต่จริงๆแล้วใจอ่อนแอปวกเปียก
ทุกวันนี้คนที่ผมกลับเชื่อใจมากที่สุด กลายเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก(คบมา 13 ปี) มีกันอยู่ 5 คน ทุกคนเป็นผู้ชายหมด ผมเป็นเกย์คนเดียว ผมรักเขาแบบเพื่อน(และรักมาก)ในฐานะที่เขาคบผมเป็นเพื่อนโดยไม่สนว่าผมจะเป็นเพศอะไร ผมถือว่าพวกเขาเป็นสุภาพบุรุษและใจกว้างมากๆ พวกเขาเกิดในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อแม่คอยประคับประคองและวางอนาคตไว้ให้ โดยเฉพาะมีคนหนึ่งเรียนเป็นนักเรียนทหารเหล่าทัพหนึ่ง ซึ่งในสายตาผมเพื่อนคนนี้ถือว่าเป็นคนที่ผมเชื่อและไว้ใจมากที่สุด (ด้วยภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง เป็นผู้นำ ไม่วอกแวก เด็ดขาด) เวลาเขาพูดหรือให้คำแนะนำอะไรผมก็พร้อมที่จะรับฟังด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตน ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นสุภาพบุรุษของเพื่อนๆผม ใจกว้าง เกิดในครอบครัวที่ดี มีพื้นฐานที่ดี ผมเลยยกให้เพื่อน 5 คนนี้เป็นเพียง 5 คนบนโลกที่ผมไว้ใจและเชื่อใจมากที่สุด (และรักมากที่สุดเช่นกัน)
เนื่องจากพวกเราเป็นเด็กวัยเดียวกัน (มิหนำซ้ำผมแก่สุด เรียนจบเร็วสุด เพื่อนผมซิ่วหลายรอบ) ผมรู้ทันทีว่า ถ้า 5 คนนี้เขาไม่เป็นไปดั่งที่ผมหวัง ล้มเหลว ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผมได้ ไม่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้กับผมได้อีกต่อไป (ซึ่งมันมีโอกาส เพราะพวกเรายังเด็กและขาดประสบการณ์ในการใช้ชีวิต) ผมจะกลายเป็นไม่เหลือใครในชีวิตที่พึ่งพาทางใจได้เลย ยิ่งถ้าหากว่าเพื่อนสนิทคนที่เป็นทหาร ผู้แข็งแกร่ง มีความเป็นผู้นำของผมเกิดล้มเหลวขึ้นมา หรือทำให้ผมผิดหวัง มาตรฐานของบุคคลที่ผมจะเชื่อใจก็จะสูงขึ้นกว่านี้อีกเยอะ ท้ายที่สุดผมก็จะไม่เชื่อใจใครอีกเลย
ความมั่นใจในตัวเองของผมก็ดูจะดีอยู่หรอก(ในสายตาของคนขาดความมั่นใจในตัวเอง) แต่มันจะส่งผลร้ายมากๆเมื่อผมต้องเจอกับความผิดหวังในชีวิต ความล้มเหลวต่างๆนานา ถึงตอนนั้นผมกลัวที่สุดว่าผมจะพึ่งพาหรือปรึกษาใครไม่ได้อีก กลัวว่าจะไม่สามารถหาคนใดบนโลกที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยมจนผมไว้ใจเขาได้ ผมกลัวว่าผมจะโดดเดี่ยวทางใจ (ทั้งที่จริงๆแล้วไม่โดดเดี่ยว เพื่อนมากมาย) กลายเป็นคนดื้อ หัวแข็ง จิตแข็งกระด้าง
ด้วยเหตุนี้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และสิ่งที่ผมหวาดกลัวในอนาคต ทุกๆวันผมจะคิดแต่เรื่องฆ่าตัวตาย อยากตาย ไม่อยากอยู่ เพราะกลัวทนความช้ำใจไม่ไหว กลัวหาที่พึ่งไม่ได้ กลัวโดดเดี่ยว แต่ติดที่ว่าถ้าผมตายขึ้นมา ครอบครัวผมคงแตกสลายยับยู่ยี่ เลยทำให้ผมยับยั้งชั่งใจอยู่บ้าง
ภาวะทางจิตของผม ควรจะแก้ไขจากอะไรดีครับ (การที่ผมมาตั้งกระทู้สาธารณะ ผมถือว่าผมยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นะครับ ผมจะเปิดใจ เชื่อใจและมั่นใจในทุกๆคนในนี้ครับ)
ผมไม่ค่อยเชื่อมั่นในคนอื่น แม้แต่ครอบครัวตัวเอง เวลามีทุกข์แล้วหาที่พึ่งทางใจยากเหลือเกิน รู้สึกท้อแท้มากครับ
เริ่มต้นเกิดมาผมก็เป็นคนปกติๆทั่วไปครับ แต่พอผมอายุสัก 5 ปีพ่อกับแม่ก็เลิกกัน ผมเลยอยู่กับแม่และครอบครัวฝ่ายแม่ ซึ่งครอบครัวแม่ก็ฐานะดี เลี้ยงผมได้มาอย่างดี จนกระทั่งผมโตเรียนมัธยมครอบครัวก็ประสบภาวะล้มละลายทางการเงิน ญาติพี่น้องในครอบครัวที่เคยเยอะแยะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาก็แยกกันไปทำมาหากินตามเวรตามกรรม ผมเลยเหลืออยู่กับแม่และคนอื่นๆ 4 คน หลังจากภาวะล้มละลายผู้ใหญ่ในบ้านผมก็เริ่มขาดศักยภาพในการประคับประคองครอบครัว ผมในฐานะลูกชายคนเดียวก็เลยกลายเป็นว่าที่หัวหน้าครอบครัวคนใหม่ โดนผู้ใหญ่คาดหวังว่าจะเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ที่เลวร้าย (คาดหวังว่าจะชดใช้หนี้สิน สร้างทรัพย์สิน สร้างฐานะ) ระหว่างนั้นจนถึงวันนี้ (อายุ 22) ผมได้เห็นความล้มเหลวของคนต่างๆทั้งแม่และผู้ใหญ่คนอื่นมาตลอด (เราทำธุรกิจครอบครัวครับ ล้มลุกคลุกคลานมาพอสมควร)
เนื่องจากผู้ใหญ่แต่ละคนล้มลุกคลุกคลานเหลือเกิน ผสมกับความคาดหวังที่มีต่อผมลูกชายคนเดียว ครอบครัวก็เลยโซซัดโซเซ ณ ตอนนี้เลยรู้สึกว่าครอบครัวไม่ใช่ที่พึ่งพาทางจิตใจของผมอีกต่อไป ผมไม่มั่นใจในครอบครัว ไม่เห็นศักยภาพของครอบครัว ทุกคนไม่มีบทบาทของผู้นำที่ดี ผมมองไม่เห็นแบบอย่างที่มั่นคงน่าเชื่อถือ แต่ละคนล้วนมีประวัติความล้มเหลว ผมเปรียบเสมือนโดนทุกคนผลักให้ไปอยู่หน้าแถว เพื่อให้เจอกับอนาคตอันโหดร้าย ผมมองไม่เห็นคนข้างหน้าที่เป็นผู้นำ แต่กลับมองเห็นแต่คนเดินตามหลัง (ไม่ไว้ใจในที่นี้หมายถึง ไม่เชื่อว่าเขาคิดถูก ไม่เชื่อในศักยภาพ ไม่ได้หมายความว่ากลัวโดนหักหลังหรืออะไรทำนองนั้นนะครับ)
ครอบครัวไม่คาดหวังว่าผมจะเรียนด้านอะไร ทำงานอะไร ไปอยู่ที่ไหน โตอย่างไร แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาตามใจหรือให้อิสระผมนะ เพียงแต่ผมคิดว่าพวกเขาเชื่อว่าผมจะเป็นผู้นำคนถัดไปต่างหาก (พูดง่ายๆก็คือทิ้งภาระให้ผมตัดสินใจแทน) ผมเลือกมหาวิทยาลัยเอง เลือกงานเอง เลือกที่อยู่เอง เลือกวิถีชีวิตเอง ฯลฯ
ผลที่เกิดขึ้นกับผม ณ ตอนนี้คือ ผมเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงมาก ดื้อ ยึดมั่นถือมั่น ไม่ไว้ใจใคร ไม่เชื่อมั่นใครง่ายๆ แม้แต่ครอบครัวตัวเอง ยิ่งคนนอกแล้วไม่ต้องพูดถึง ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิง และผู้ชายที่มีท่าทีอ่อนแอ ผมจะไม่ปรึกษาอะไรพวกเขาเด็ดขาด (เพราะไม่เชื่อในศักยภาพ) เวลาทำงานกลุ่ม(เรียนหนังสือ) ผมจะพยายามทำด้วยตัวเองให้มาก ไม่พึ่งพาใคร ไม่ไหว้วานใคร เวลาเจอคนที่มาให้คำแนะนำต่างๆ ถ้าคนเหล่านั้นมีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์ที่ผมกำหนดไว้ ผมก็จะไม่รับฟังพวกเขา (ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นเพราะผมมั่นใจในตัวเองมากเกิน ไม่เชื่อศักยภาพคนอื่น ไม่เชื่อใจใคร ผมรู้ตัวดี) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมคิดว่าผมเป็นคนมีนิสัยและอัธยาศัยดีพอสมควรนะครับ เพียงแต่ไม่เชื่อใจใครง่ายๆเท่านั้นเอง
เนื่องจากผมขาดพ่อ ถูกเลี้ยงมาด้วยครอบครัวผู้หญิง ผมเลยเป็นเกย์ที่ภายนอกดูแข็งแกร่งและห้าว แต่จริงๆแล้วใจอ่อนแอปวกเปียก
ทุกวันนี้คนที่ผมกลับเชื่อใจมากที่สุด กลายเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก(คบมา 13 ปี) มีกันอยู่ 5 คน ทุกคนเป็นผู้ชายหมด ผมเป็นเกย์คนเดียว ผมรักเขาแบบเพื่อน(และรักมาก)ในฐานะที่เขาคบผมเป็นเพื่อนโดยไม่สนว่าผมจะเป็นเพศอะไร ผมถือว่าพวกเขาเป็นสุภาพบุรุษและใจกว้างมากๆ พวกเขาเกิดในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อแม่คอยประคับประคองและวางอนาคตไว้ให้ โดยเฉพาะมีคนหนึ่งเรียนเป็นนักเรียนทหารเหล่าทัพหนึ่ง ซึ่งในสายตาผมเพื่อนคนนี้ถือว่าเป็นคนที่ผมเชื่อและไว้ใจมากที่สุด (ด้วยภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง เป็นผู้นำ ไม่วอกแวก เด็ดขาด) เวลาเขาพูดหรือให้คำแนะนำอะไรผมก็พร้อมที่จะรับฟังด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตน ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นสุภาพบุรุษของเพื่อนๆผม ใจกว้าง เกิดในครอบครัวที่ดี มีพื้นฐานที่ดี ผมเลยยกให้เพื่อน 5 คนนี้เป็นเพียง 5 คนบนโลกที่ผมไว้ใจและเชื่อใจมากที่สุด (และรักมากที่สุดเช่นกัน)
เนื่องจากพวกเราเป็นเด็กวัยเดียวกัน (มิหนำซ้ำผมแก่สุด เรียนจบเร็วสุด เพื่อนผมซิ่วหลายรอบ) ผมรู้ทันทีว่า ถ้า 5 คนนี้เขาไม่เป็นไปดั่งที่ผมหวัง ล้มเหลว ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผมได้ ไม่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้กับผมได้อีกต่อไป (ซึ่งมันมีโอกาส เพราะพวกเรายังเด็กและขาดประสบการณ์ในการใช้ชีวิต) ผมจะกลายเป็นไม่เหลือใครในชีวิตที่พึ่งพาทางใจได้เลย ยิ่งถ้าหากว่าเพื่อนสนิทคนที่เป็นทหาร ผู้แข็งแกร่ง มีความเป็นผู้นำของผมเกิดล้มเหลวขึ้นมา หรือทำให้ผมผิดหวัง มาตรฐานของบุคคลที่ผมจะเชื่อใจก็จะสูงขึ้นกว่านี้อีกเยอะ ท้ายที่สุดผมก็จะไม่เชื่อใจใครอีกเลย
ความมั่นใจในตัวเองของผมก็ดูจะดีอยู่หรอก(ในสายตาของคนขาดความมั่นใจในตัวเอง) แต่มันจะส่งผลร้ายมากๆเมื่อผมต้องเจอกับความผิดหวังในชีวิต ความล้มเหลวต่างๆนานา ถึงตอนนั้นผมกลัวที่สุดว่าผมจะพึ่งพาหรือปรึกษาใครไม่ได้อีก กลัวว่าจะไม่สามารถหาคนใดบนโลกที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยมจนผมไว้ใจเขาได้ ผมกลัวว่าผมจะโดดเดี่ยวทางใจ (ทั้งที่จริงๆแล้วไม่โดดเดี่ยว เพื่อนมากมาย) กลายเป็นคนดื้อ หัวแข็ง จิตแข็งกระด้าง
ด้วยเหตุนี้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และสิ่งที่ผมหวาดกลัวในอนาคต ทุกๆวันผมจะคิดแต่เรื่องฆ่าตัวตาย อยากตาย ไม่อยากอยู่ เพราะกลัวทนความช้ำใจไม่ไหว กลัวหาที่พึ่งไม่ได้ กลัวโดดเดี่ยว แต่ติดที่ว่าถ้าผมตายขึ้นมา ครอบครัวผมคงแตกสลายยับยู่ยี่ เลยทำให้ผมยับยั้งชั่งใจอยู่บ้าง
ภาวะทางจิตของผม ควรจะแก้ไขจากอะไรดีครับ (การที่ผมมาตั้งกระทู้สาธารณะ ผมถือว่าผมยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นะครับ ผมจะเปิดใจ เชื่อใจและมั่นใจในทุกๆคนในนี้ครับ)