คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน โดย การ์ตอง มติชน 24 ก.พ.2556
ออกมาอีกครั้ง อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รอบนี้กดดันหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
คนปัจจุบัน "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เต็มๆ
"หากคุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร แพ้ นายอภิสิทธิ์อยู่ไม่ได้ต้องลาออกสถานเดียว"
คือประกาศิตของ "พิชัย รัตตกุล" ในห้วงวัย 85 ปี ที่ยังห่วงใยประชาธิปัตย์มาตลอด
เหตุผลที่ปู่พิชัยเรียกร้องความรับผิดชอบจากหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันคือ
"เพราะคนของเราเป็นต่อตั้งเยอะ แต่ทำให้เสียงสนับสนุนต่ำไป"
เป็นการออกมาท่ามกลางกระแสประชาธิปัตย์อยู่ในห้วงตั้งรับในศึกเลือกตั้ง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เนื่องจากคะแนนนิยมของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
ทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "พิชัย รัตตกุล" ออกมาติติงบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์
ภายใต้การนำของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ก่อนหน้านั้น "อดีตหัวหน้าพรรค"
ผู้นี้เคยออกมาเตือนแล้ว เรื่อง "อภิสิทธิ์" ใช้คนไม่เป็น เอาแต่คนสนิท
เป็นคนสนิทที่พากันไปในทางที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำ
ซึ่งมุมมองเช่นนี้ ไม่เพียง "พิชัย รัตตกุล" เท่านั้นที่เห็น แต่ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน
ของพรรคที่ผ่านประสบการณ์การเมืองมาอย่างช่ำชองย่อมมองเห็นเช่นกัน เพียงแต่
ไม่มีใครกล้าพูดเสียงดังฟังชัดต่อสาธารณะเท่าปู่พิชัย ส่วนใหญ่ได้แต่รำพึงรำพันกัน
ไปในหมู่คนใกล้ชิด
การเปิดประเด็นความผิดพลาดในการบริหารพรรคดังกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ ย่อมสะท้อน
ให้เห็นว่าภายในพรรคประชาธิปัตย์เองระอุอยู่ด้วยความอึดอัดของสมาชิกอาวุโสอยู่ไม่น้อย
อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ เมื่อ "พิชัย รัตตกุล" เสนอประเด็น "อภิสิทธิ์ออกไป"
ขึ้นมา จึงเกิดปรากฏการณ์ใหม่ จากคำถามที่ว่า แท้จริงแล้วระหว่าง
"พรรคประชาธิปัตย์" กับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นั้น หมู่มวลผู้ต้องการเห็นชัยชนะ
ของพรรคควรจะเลือกตัดสินใจในทางใด
ท่าทีที่ออกมาหลายครั้งนับวันยิ่งชัดว่า "ปู่พิชัย" เห็นว่าหากจะให้พรรคกลับมาเป็นที่
ศรัทธาของประชาชน ต้องปรับเปลี่ยนทีมบริหารพรรค
หากยังเลือกเพื่อรักษาทีมบริหารไว้ พรรคจะยิ่งจมดิ่งไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีทางจะสู้คู่แข่งได้
ด้วยข้อสรุปแบบนี้เอง จึงมีผู้ก่อกระแสในโค้งสุดท้ายของศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า
ไหนๆ โอกาสที่ "สุขุมพันธุ์ บริพัตร" จะชนะเลือกตั้งมีน้อยแล้ว
ลองใช้วิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการใช้วิกฤตในคะแนนนิยมของ "สุขุมพันธุ์" เป็นโอกาส
ในการปรับปรุงพรรคครั้งใหญ่ ยอมให้ "สุขุมพันธุ์" แพ้ แล้วใช้โอกาสนี้ผลักดันให้เกิด
การปรับเปลี่ยนภายในพรรค
เล่นเกมยาวเพื่อพรรค แทนที่จะเอาแต่หมกมุ่นกับเกมเฉพาะหน้าเพื่อรักษาหน้า "อภิสิทธิ์"
แน่นอนแผนใช้ "วิกฤตเป็นโอกาส" นี้ไม่ได้ออกมาจากหมู่มวลสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
แต่เป็นไฟที่ "ฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับพรรค" แหย่เข้ามาเพื่อท้าทายความกล้าหาญของ
"คนรักประชาธิปัตย์"
นี่เป็นเกมที่แหลมคมยิ่ง เพราะเป็นการตั้งคำถามแบบตรงๆ ว่า ที่สุดแล้ว
"รักประชาธิปัตย์" หรือ "รักอภิสิทธิ์"
"เห็นด้วยกับการทำให้เกิดโอกาสที่ปรับเปลี่ยนภายในพรรคเพื่ออนาคตหรือไม่"
หากการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรอบนี้ "สุขุมพันธุ์" พ่ายแพ้ โอกาสนั้นจะ
เกิดขึ้นทันที
และคนที่จะทำให้เกิดจะเป็น "พิชัย รัตตกุล" อดีตหัวหน้าพรรค ที่คงอยากทำอะไร
สักอย่างเพื่อพรรคอีกครั้งในบั้นปลายชีวิต
ก่อนหน้านั้นการเมืองไทย เมื่อไร้ทางออก ไม่รู้จะไปทางไหนดี "ผู้สื่อข่าว"
จะแห่กันไปถาม "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" ช่วยชี้ทางสว่างให้
จนตอนนั้น "คึกฤทธิ์" ได้รับขนานนามเป็น "เสาหลักประชาธิปไตย"
ในวันนี้ ยามที่พรรคประชาธิปัตย์เดินอยู่ในอุโมงค์ที่หลายคนมองไม่เห็นแสงปลายอุโมงค์
บ้าน "รัตตกุล" กำลังจะเป็นที่เวียนไปเยี่ยมเยียนของผู้คนที่อยากหาทางออกให้
พรรคที่ตัวเองรัก
ขอให้ "พิชัย" ชี้ทางออกให้กับพรรค เหมือนที่เคยขอให้ "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์" ชี้ทางสว่าง
ให้ประชาธิปไตย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361668671&grpid=&catid=02&subcatid=0200
"ชวน"ขึ้นเวทีจุดประเด็น ไม่เลือกเผาบ้านเผาเมือง อ้าง"พิชัย"อาจเข้าใจผิด
............................................................................................................
ในการนี้ นายชวน ได้ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า พยายามโทรศัพท์ชวนนายพิชัย รัตตกุล
อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมเวทีปราศรัยด้วย เพราะเห็นว่า นายพิชัย เป็นผู้ใหญ่
มีบารมี และมีผู้ให้ความเคารพอยู่มาก แต่นายพิชัยติดภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ ทั้งนี้
เมื่อ 2 คืนที่ผ่านมา บรรดาผู้ใหญ่ของพรรคได้ไปพบปะหารือกันที่บ้านของนายโพธิพงษ์
ล่ำซำ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เพราะแปลกใจข่าวที่บอกว่า นายพิชัย ออกมาวิพากษ์
วิจารณ์เรื่องการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อทราบว่าท่านติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ
จึงเข้าใจว่าข่าวที่ออกมาสัมภาษณ์ไว้แล้วหลายวัน ซึ่งความจริงผู้ใหญ่ของพรรคที่ช่วยกัน
หาเสียงอยู่ตลอด หรือนายพิชัยอาจจะเข้าใจผิด เนื่องจากเวลาที่ตนและผู้ใหญ่ของพรรค
คนอื่นๆ ลงไปหาเสียงไม่ได้ปรากฏเป็นข่าวเท่านั้น ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะไปกับ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ดังนั้น ตนจึงขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจว่า ผู้ใหญ่และคนเก่าแก่ของพรรค
ประชาธิปัตย์ทุกคนออกมาช่วยหาเสียง
นอกจากนี้ นายชวน ยังกล่าวอีกว่า ใครสั่งเผาบ้านเผาเมือง ไม่สามารถนิรโทษกรรมหรือ
มาสั่งลดโทษตัวเองได้ ดังนั้น ประชาชนต้องตัดสินใจเองว่า จะเลือกพรรคไหน บ้านเมือง
ต้องมีรอยต่อ อย่าให้ใครกินรวบ ซึ่งรอยต่อหมายถึง ระบบการตรวจสอบ คานอำนาจ เพราะ
ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ขอบเขต ไม่ใช้อำนาจข้ามกัน
................................................................................................................
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361627489&grpid=00&catid=&subcatid=
ไม่รู้ ใคร เข้าใจผิด ช่วยกันวิเคราะห์หน่อย ..."มติชน" ... "คุณชวน" ... "คุณพิชัย"
เอามาให้อ่านกัน แฟนปชป. ช่วยกันดูด้วย
"พิชัย รัตตกุล" เสาหลัก "ประชาธิปัตย์" ....มติชนออนไลน์
ออกมาอีกครั้ง อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รอบนี้กดดันหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
คนปัจจุบัน "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เต็มๆ
"หากคุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร แพ้ นายอภิสิทธิ์อยู่ไม่ได้ต้องลาออกสถานเดียว"
คือประกาศิตของ "พิชัย รัตตกุล" ในห้วงวัย 85 ปี ที่ยังห่วงใยประชาธิปัตย์มาตลอด
เหตุผลที่ปู่พิชัยเรียกร้องความรับผิดชอบจากหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันคือ
"เพราะคนของเราเป็นต่อตั้งเยอะ แต่ทำให้เสียงสนับสนุนต่ำไป"
เป็นการออกมาท่ามกลางกระแสประชาธิปัตย์อยู่ในห้วงตั้งรับในศึกเลือกตั้ง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เนื่องจากคะแนนนิยมของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
ทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "พิชัย รัตตกุล" ออกมาติติงบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์
ภายใต้การนำของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ก่อนหน้านั้น "อดีตหัวหน้าพรรค"
ผู้นี้เคยออกมาเตือนแล้ว เรื่อง "อภิสิทธิ์" ใช้คนไม่เป็น เอาแต่คนสนิท
เป็นคนสนิทที่พากันไปในทางที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำ
ซึ่งมุมมองเช่นนี้ ไม่เพียง "พิชัย รัตตกุล" เท่านั้นที่เห็น แต่ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน
ของพรรคที่ผ่านประสบการณ์การเมืองมาอย่างช่ำชองย่อมมองเห็นเช่นกัน เพียงแต่
ไม่มีใครกล้าพูดเสียงดังฟังชัดต่อสาธารณะเท่าปู่พิชัย ส่วนใหญ่ได้แต่รำพึงรำพันกัน
ไปในหมู่คนใกล้ชิด
การเปิดประเด็นความผิดพลาดในการบริหารพรรคดังกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ ย่อมสะท้อน
ให้เห็นว่าภายในพรรคประชาธิปัตย์เองระอุอยู่ด้วยความอึดอัดของสมาชิกอาวุโสอยู่ไม่น้อย
อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ เมื่อ "พิชัย รัตตกุล" เสนอประเด็น "อภิสิทธิ์ออกไป"
ขึ้นมา จึงเกิดปรากฏการณ์ใหม่ จากคำถามที่ว่า แท้จริงแล้วระหว่าง
"พรรคประชาธิปัตย์" กับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นั้น หมู่มวลผู้ต้องการเห็นชัยชนะ
ของพรรคควรจะเลือกตัดสินใจในทางใด
ท่าทีที่ออกมาหลายครั้งนับวันยิ่งชัดว่า "ปู่พิชัย" เห็นว่าหากจะให้พรรคกลับมาเป็นที่
ศรัทธาของประชาชน ต้องปรับเปลี่ยนทีมบริหารพรรค
หากยังเลือกเพื่อรักษาทีมบริหารไว้ พรรคจะยิ่งจมดิ่งไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีทางจะสู้คู่แข่งได้
ด้วยข้อสรุปแบบนี้เอง จึงมีผู้ก่อกระแสในโค้งสุดท้ายของศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า
ไหนๆ โอกาสที่ "สุขุมพันธุ์ บริพัตร" จะชนะเลือกตั้งมีน้อยแล้ว
ลองใช้วิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการใช้วิกฤตในคะแนนนิยมของ "สุขุมพันธุ์" เป็นโอกาส
ในการปรับปรุงพรรคครั้งใหญ่ ยอมให้ "สุขุมพันธุ์" แพ้ แล้วใช้โอกาสนี้ผลักดันให้เกิด
การปรับเปลี่ยนภายในพรรค
เล่นเกมยาวเพื่อพรรค แทนที่จะเอาแต่หมกมุ่นกับเกมเฉพาะหน้าเพื่อรักษาหน้า "อภิสิทธิ์"
แน่นอนแผนใช้ "วิกฤตเป็นโอกาส" นี้ไม่ได้ออกมาจากหมู่มวลสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
แต่เป็นไฟที่ "ฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับพรรค" แหย่เข้ามาเพื่อท้าทายความกล้าหาญของ
"คนรักประชาธิปัตย์"
นี่เป็นเกมที่แหลมคมยิ่ง เพราะเป็นการตั้งคำถามแบบตรงๆ ว่า ที่สุดแล้ว
"รักประชาธิปัตย์" หรือ "รักอภิสิทธิ์"
"เห็นด้วยกับการทำให้เกิดโอกาสที่ปรับเปลี่ยนภายในพรรคเพื่ออนาคตหรือไม่"
หากการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรอบนี้ "สุขุมพันธุ์" พ่ายแพ้ โอกาสนั้นจะ
เกิดขึ้นทันที
และคนที่จะทำให้เกิดจะเป็น "พิชัย รัตตกุล" อดีตหัวหน้าพรรค ที่คงอยากทำอะไร
สักอย่างเพื่อพรรคอีกครั้งในบั้นปลายชีวิต
ก่อนหน้านั้นการเมืองไทย เมื่อไร้ทางออก ไม่รู้จะไปทางไหนดี "ผู้สื่อข่าว"
จะแห่กันไปถาม "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" ช่วยชี้ทางสว่างให้
จนตอนนั้น "คึกฤทธิ์" ได้รับขนานนามเป็น "เสาหลักประชาธิปไตย"
ในวันนี้ ยามที่พรรคประชาธิปัตย์เดินอยู่ในอุโมงค์ที่หลายคนมองไม่เห็นแสงปลายอุโมงค์
บ้าน "รัตตกุล" กำลังจะเป็นที่เวียนไปเยี่ยมเยียนของผู้คนที่อยากหาทางออกให้
พรรคที่ตัวเองรัก
ขอให้ "พิชัย" ชี้ทางออกให้กับพรรค เหมือนที่เคยขอให้ "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์" ชี้ทางสว่าง
ให้ประชาธิปไตย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361668671&grpid=&catid=02&subcatid=0200
"ชวน"ขึ้นเวทีจุดประเด็น ไม่เลือกเผาบ้านเผาเมือง อ้าง"พิชัย"อาจเข้าใจผิด
............................................................................................................
ในการนี้ นายชวน ได้ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า พยายามโทรศัพท์ชวนนายพิชัย รัตตกุล
อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมเวทีปราศรัยด้วย เพราะเห็นว่า นายพิชัย เป็นผู้ใหญ่
มีบารมี และมีผู้ให้ความเคารพอยู่มาก แต่นายพิชัยติดภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ ทั้งนี้
เมื่อ 2 คืนที่ผ่านมา บรรดาผู้ใหญ่ของพรรคได้ไปพบปะหารือกันที่บ้านของนายโพธิพงษ์
ล่ำซำ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เพราะแปลกใจข่าวที่บอกว่า นายพิชัย ออกมาวิพากษ์
วิจารณ์เรื่องการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อทราบว่าท่านติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ
จึงเข้าใจว่าข่าวที่ออกมาสัมภาษณ์ไว้แล้วหลายวัน ซึ่งความจริงผู้ใหญ่ของพรรคที่ช่วยกัน
หาเสียงอยู่ตลอด หรือนายพิชัยอาจจะเข้าใจผิด เนื่องจากเวลาที่ตนและผู้ใหญ่ของพรรค
คนอื่นๆ ลงไปหาเสียงไม่ได้ปรากฏเป็นข่าวเท่านั้น ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะไปกับ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ดังนั้น ตนจึงขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจว่า ผู้ใหญ่และคนเก่าแก่ของพรรค
ประชาธิปัตย์ทุกคนออกมาช่วยหาเสียง
นอกจากนี้ นายชวน ยังกล่าวอีกว่า ใครสั่งเผาบ้านเผาเมือง ไม่สามารถนิรโทษกรรมหรือ
มาสั่งลดโทษตัวเองได้ ดังนั้น ประชาชนต้องตัดสินใจเองว่า จะเลือกพรรคไหน บ้านเมือง
ต้องมีรอยต่อ อย่าให้ใครกินรวบ ซึ่งรอยต่อหมายถึง ระบบการตรวจสอบ คานอำนาจ เพราะ
ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ขอบเขต ไม่ใช้อำนาจข้ามกัน
................................................................................................................
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361627489&grpid=00&catid=&subcatid=
ไม่รู้ ใคร เข้าใจผิด ช่วยกันวิเคราะห์หน่อย ..."มติชน" ... "คุณชวน" ... "คุณพิชัย"
เอามาให้อ่านกัน แฟนปชป. ช่วยกันดูด้วย