เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารือกรณีที่จุฬาลงกรณ์ฯ เพิ่มค่าเช่าที่ดินภายในสนามกีฬาแห่งชาติจากปีละ 3 ล้านบาทเป็น 153 ล้านบาท และขอคืนพื้นที่ 11 ไร่ จากกรมพลศึกษา ประกอบด้วยสนามจินดารักษ์, อาคารจันทนยิ่งยง, อาคารนันทนาการ, ลานอเนกประสงค์ และโรงยิม ให้กลับมาอยู่ในการบริหารจัดการของจุฬาฯ ร่วมกับนางแสงจันทร์ วรสุมันต์ อธิบดีกรมพลศึกษา และรศ.น.อ.นพ.เพิ่มยศ โกศลพันธุ์ รองอธิการบดี ฝ่ายสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์ฯ
สำหรับการหารือครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าห้องประชุมแต่อย่างใด หลังการประชุม ดร.สุวัตร เปิดแถลงข่าว โดยกล่าวว่า ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี่ค่อนข้างออกไปหลายทิศทาง แต่วันนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่าในส่วนของพื้นที่ 11 ไร่ ทั้งจุฬาฯ และกรมพลศึกษาตกลงจะมีการบริหารจัดการร่วมกัน โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานร่วมกัน ซึ่งฝ่ายจุฬาฯ น่าจะเป็นรองอธิการบดีฯ ส่วนกรมพลฯ น่าจะเป็นรองอธิบดี ขณะที่ค่าเช่าพื้นที่สนามกีฬาแห่งชาติได้มีการตกลงว่าให้ กรมพลศึกษา จ่ายค่าเช่าในปีนี้ 4 ล้านบาท เพราะปีนี้กรมพลศึกษาขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณปีนี้เป็นจำนวนเงินดังกล่าว แต่จะมีการขึ้นค่าเช่าเพิ่มทุกปีตามความเหมาะสม โดยวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ อาจจะปีละ 1-2 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ ซึ่งต่อให้ทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันอีกครั้งหนึ่ง
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา กล่าวอีกว่า แผนการย้ายที่ตั้งของกรมพลศึกษาในอนาคตต้องมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยพื้นที่ใหม่ต้องมีความพร้อม และสามารถรองรับการจัดกิจกรรมกีฬาได้เพียงพอ และคาดว่าต้องใช้พื้นที่ 100-200 ไร่ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลา 5-10 ปี ในการดำเนินการ อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายถือเป็นหน่วยงานของภาครัฐที่ต้องการพัฒนาวงการกีฬาของชาติให้เจริญก้าวหน้าเช่นกัน จึงเป็นเรื่องที่ดีจะทำงานร่วมกัน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงการแถลงข่าว ผู้บริหารและตัวแทนของทั้งสองฝ่ายต่างมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และรู้สึกดีกับแผนที่มีการจัดการร่วมกัน โดยทั้งสองหวังว่าจะได้เริ่มทำงานบริหารจัดการร่วมกันเร็วๆนี้
http://www.dailynews.co.th/sports/185883
“จุฬา” จูบปาก “กรมพละ” ลดค่าเช่าจาก 153 ล้าน เหลือเพียง 4 ล้าน สุดท้ายลงเอยด้วยดี...
สำหรับการหารือครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าห้องประชุมแต่อย่างใด หลังการประชุม ดร.สุวัตร เปิดแถลงข่าว โดยกล่าวว่า ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี่ค่อนข้างออกไปหลายทิศทาง แต่วันนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่าในส่วนของพื้นที่ 11 ไร่ ทั้งจุฬาฯ และกรมพลศึกษาตกลงจะมีการบริหารจัดการร่วมกัน โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานร่วมกัน ซึ่งฝ่ายจุฬาฯ น่าจะเป็นรองอธิการบดีฯ ส่วนกรมพลฯ น่าจะเป็นรองอธิบดี ขณะที่ค่าเช่าพื้นที่สนามกีฬาแห่งชาติได้มีการตกลงว่าให้ กรมพลศึกษา จ่ายค่าเช่าในปีนี้ 4 ล้านบาท เพราะปีนี้กรมพลศึกษาขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณปีนี้เป็นจำนวนเงินดังกล่าว แต่จะมีการขึ้นค่าเช่าเพิ่มทุกปีตามความเหมาะสม โดยวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ อาจจะปีละ 1-2 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ ซึ่งต่อให้ทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันอีกครั้งหนึ่ง
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา กล่าวอีกว่า แผนการย้ายที่ตั้งของกรมพลศึกษาในอนาคตต้องมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยพื้นที่ใหม่ต้องมีความพร้อม และสามารถรองรับการจัดกิจกรรมกีฬาได้เพียงพอ และคาดว่าต้องใช้พื้นที่ 100-200 ไร่ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลา 5-10 ปี ในการดำเนินการ อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายถือเป็นหน่วยงานของภาครัฐที่ต้องการพัฒนาวงการกีฬาของชาติให้เจริญก้าวหน้าเช่นกัน จึงเป็นเรื่องที่ดีจะทำงานร่วมกัน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงการแถลงข่าว ผู้บริหารและตัวแทนของทั้งสองฝ่ายต่างมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และรู้สึกดีกับแผนที่มีการจัดการร่วมกัน โดยทั้งสองหวังว่าจะได้เริ่มทำงานบริหารจัดการร่วมกันเร็วๆนี้
http://www.dailynews.co.th/sports/185883