เขาพูดมาชัดเจนว่า 16 ศพนั้นเป็นความสูญเสีย โดยไม่คิดเลยว่า ถ้า 16 ศพนั้นไม่ตาย มันจะทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องกลายเป็นศพอีกสักกี่คน และ ในบทความเขาใช้คำว่า "อาณานิคมสยาม" นี่เขาเห็นเราเป็นเจ้าอาณานิคมไปแล้ว พวกเขาคงไม่เคยคิดเลยว่า เขาเป็นคนไทย เป็นส่วนหนึ่งในประเทศไทย(สยาม)
*************************************************************************************************
" 16 ชีวิตในปฏิบัติการโจมตีครั้งเดียวนับเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญสำหรับขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานี ข่าวนี้สร้างกระแสความตื่นตัวในสังคมไทยต่อเหตุการณ์ความขัดแย้งในชายแดนภาคใต้ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนับวันสาธารณชนในสังคมไทยจะให้ความสนใจต่อเรื่องนี้น้อยลงไปทุกที คำถามคือเราจะอ่านเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไร
ข้อมูลจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาคสี่ส่วนหน้า ระบุว่าชายฉกรรจ์ประมาณ 50 คนแต่งกายด้วยชุดทหาร สวมเสื้อเกราะ มีผ้าพันคอสีขาวได้ขับรถกระบะ 3คันและจักรยานยนต์ 2 คัน พร้อมอาวุธสงครามในมือเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยปืนเล็กที่ 2 บ้านยือลอ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาสในเวลาประมาณตีหนึ่งของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังปะทะกันประมาณ 10-15 นาที “ผู้ก่อเหตุรุนแรง” เสียชีวิตที่บริเวณข้างฐาน 14 คน อีก 2 คนเสียชีวิตในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่ติดตามไปขณะล่าถอย หนึ่งในผู้เสียชีวิตมีนายมะรอโซ จันทรวดี แกนนำกลุ่มติดอาวุธที่มีค่าหัวสองล้านรวมอยู่ด้วย ซึ่งแหล่งข่าวทหารในพื้นที่ระบุว่าเป็นหัวหน้าระดับ “กอมปี” (กองร้อย) ที่คุมพื้นที่อ.บาเจาะ และอ.ยี่งอ ในจ.นราธิวาส และอ.สายบุรี จ.ปัตตานี (บางส่วน)
เหตุการณ์โจมตีฐานทหารในพื้นที่ขัดแย้งในชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างน้อย 5 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่จำกันได้ดี คือการบุกปล้นปืนจากค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) ในอ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาสเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ขบวนการกวาดปืนไปกว่า 400 กระบอกและทหารถูกยิงเสียชีวิต 4 นาย ซึ่งนับเป็นการเปิดฉากการต่อต้าน
“อาณานิคมสยาม” อย่างเต็มรูปแบบขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นอีกเจ็ดปีก็ไม่มีการโจมตีค่ายทหารอีกเลย จนกระทั่งวันที่ 9 มกราคม 2554 ในเหตุการณ์ที่เรียกกันติดหูว่าการโจมตี “ฐานพระองค์ดำ” ในเหตุการณ์นั้นกลุ่มติดอาวุธได้โจมตีฐานกองร้อยทหารราบในอ.ระแงะ จ.นราธิวาส ปล้นปืนไปกว่า 50 กระบอกและยิงทหารเสียชีวิตไป 4 คน
ทั้งสองเหตุการณ์นับเป็นความพ่ายแพ้ที่อดสูของฝ่ายทหาร "
http://www.deepsouthwatch.org/node/3936
<<อาณานิคมสยาม>> วิวาทะทำลายชาติของคนบางกลุ่ม ที่แฝงนัยยะบางประการ
*************************************************************************************************
" 16 ชีวิตในปฏิบัติการโจมตีครั้งเดียวนับเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญสำหรับขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานี ข่าวนี้สร้างกระแสความตื่นตัวในสังคมไทยต่อเหตุการณ์ความขัดแย้งในชายแดนภาคใต้ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนับวันสาธารณชนในสังคมไทยจะให้ความสนใจต่อเรื่องนี้น้อยลงไปทุกที คำถามคือเราจะอ่านเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไร
ข้อมูลจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาคสี่ส่วนหน้า ระบุว่าชายฉกรรจ์ประมาณ 50 คนแต่งกายด้วยชุดทหาร สวมเสื้อเกราะ มีผ้าพันคอสีขาวได้ขับรถกระบะ 3คันและจักรยานยนต์ 2 คัน พร้อมอาวุธสงครามในมือเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยปืนเล็กที่ 2 บ้านยือลอ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาสในเวลาประมาณตีหนึ่งของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังปะทะกันประมาณ 10-15 นาที “ผู้ก่อเหตุรุนแรง” เสียชีวิตที่บริเวณข้างฐาน 14 คน อีก 2 คนเสียชีวิตในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่ติดตามไปขณะล่าถอย หนึ่งในผู้เสียชีวิตมีนายมะรอโซ จันทรวดี แกนนำกลุ่มติดอาวุธที่มีค่าหัวสองล้านรวมอยู่ด้วย ซึ่งแหล่งข่าวทหารในพื้นที่ระบุว่าเป็นหัวหน้าระดับ “กอมปี” (กองร้อย) ที่คุมพื้นที่อ.บาเจาะ และอ.ยี่งอ ในจ.นราธิวาส และอ.สายบุรี จ.ปัตตานี (บางส่วน)
เหตุการณ์โจมตีฐานทหารในพื้นที่ขัดแย้งในชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างน้อย 5 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่จำกันได้ดี คือการบุกปล้นปืนจากค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) ในอ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาสเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ขบวนการกวาดปืนไปกว่า 400 กระบอกและทหารถูกยิงเสียชีวิต 4 นาย ซึ่งนับเป็นการเปิดฉากการต่อต้าน “อาณานิคมสยาม” อย่างเต็มรูปแบบขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นอีกเจ็ดปีก็ไม่มีการโจมตีค่ายทหารอีกเลย จนกระทั่งวันที่ 9 มกราคม 2554 ในเหตุการณ์ที่เรียกกันติดหูว่าการโจมตี “ฐานพระองค์ดำ” ในเหตุการณ์นั้นกลุ่มติดอาวุธได้โจมตีฐานกองร้อยทหารราบในอ.ระแงะ จ.นราธิวาส ปล้นปืนไปกว่า 50 กระบอกและยิงทหารเสียชีวิตไป 4 คน ทั้งสองเหตุการณ์นับเป็นความพ่ายแพ้ที่อดสูของฝ่ายทหาร "
http://www.deepsouthwatch.org/node/3936