เรื่องมีอยู่ว่า

เมื่อกลางปีที่แล้ว ที่บ้านได้ไปทำเรื่องรังวัดที่ดินเปล่า แปลงนึงที่ซื้อมานานมากแล้ว... จากการรังวัด ก็พบว่า บ้านข้างเคียง ได้สร้างสิ่งปลูกสร้างล้ำเข้ามาในที่ของเราประมาณ 25 ตรว

แรกๆ เหมือนจะจบลงด้วยดีค่ะ เขาตัดสินใจจะซื้อส่วนที่เกินต่อจากเรา... แต่หลังจากนั้น เขาก็หายไปเลย ไม่ติดต่อมา ไม่สนใจ แกล้งเนียนเฉยไปซะงั้น ที่บ้านก็เลยส่งฟ้องขับไล่ค่ะ

เรื่องราวก็ดำเนินไป จนศาลสั่งทำแผนที่พิพาท และ พิสูจน์ได้ว่าเขาล้ำที่เราจริง และไม่ตกกรณี ครอบครองปรปักษ์ด้วย และ ศาลมีคำสั่งให้ นัดไกล่เกลี่ย กันก่อน

ซึ่ง หลังจากที่เราได้ไปนัดไกล่เกลี่ยมาแล้ว... เราไม่อยากขายที่แล้ว เนื่องจากคนซื้อต้องการซื้อในราคาที่ตัวเองต้องการเท่านั้น ราคาอื่นไม่รับฟัง ไม่สน ทั้งๆที่ราคาที่เขาเสนอซื้อนั้นต่ำกว่า ราคาประเมินจากกรมที่ดินซะด้วยซ้ำ ที่สำคัญ เขาพูดจาไม่ดีเลย (ไม่ได้พูดหยาบน่ะค่ะ แต่พูดแบบ เชิด ๆ ประมาณ ฉันพอใจจะซื้อที่เท่านี้ มีอะไรไหม ไม่พอใจ หล่อนก็ไปฟ้องต่อสิ) หยิ่ง ทะนงในสิ่งที่ตัวเองเสนอมากๆ  ซึ่งเขา คงลืมไปแล้วล่ะมั้งว่า เขาเป็นฝ่ายผิด เป็นฝ่ายลุกล้ำเข้ามา เพราะดูเหมือนเขาจะมั่นใจอะไรบางอย่าง ...

ซึ่ง หลังจากที่ตกลงกันไม่ได้ ทางศาลเลยนัดเลื่อนการไกล่เกลี่ยออกไปอีก 1 เดือน เพื่อให้ต่างฝ่าย ต่างไปหาข้อยุติ ของตัวเอง หลังจาดดูทีท่าของเขาแล้ว... เราคิดว่า เขาก็คงไม่ยอมแน่ๆ ในราคาที่เราเสนอไป... (ซึ่งลดลงมาเยอะมากๆ เพราะที่บ้านต้องการให้เรื่องจบ แต่ก็มากกว่าราคาประเมินค่ะ)

และจากใจจริง.. เราไม่อยากขายแล้วค่ะ... มันไมได้เป็นเงินเยอะแยะ อะไรมากมายเลย... มันไม่คุ้มกับค่ารื้อถอนกำแพง ,สิ่งปลูกสร้าง และ ค่าเสียเวลา ค่าทนายของเขาซะด้วยซ็ำ แต่เขาก็ยืนกรานว่า ไม่จ่าย และบอกตรงๆ... ว่าไม่อยากได้ค่ะ...ตอนนี้อยากให้รื้อถอนอย่างเดียวเท่าน้น

ซึ่ง เรามีคำถามต่อไปนี้ค่ะ...ว่า

ถ้าเรื่องไม่จบ และดำเนินไปถึงขั้นเข้าห้องพิจารณาคดี % ที่ศาลจะตัดสินให้เขารื้อถอนออกมีมากแค่ไหนค่ะ?

หรือ มีโอกาส ที่ศาลจะพิจรณาตัดสินเป็นอย่างอื่นไหมค่ะ?

ขอบคุณมากๆค่ะ