ถ้าเป็นผม ส่วนมาก จะอ่านจากข่าวเศรษฐกิจเอานี่แหละครับ แต่ต้องประยุกต์เชื่อมโยงให้ได้กับทฤษฏีที่เรียนมา แล้วจึงจะค่อยคิดต่อไปถึงการแก้ปัญหา เช่น ข่าวสั้นๆ "QE3" แค่นี้ก็ต้องคิดต่อแล้วครับ ว่าเกิดอะไรต่อเป็นลูกโซ่บ้าง ทำไมสุดท้ายถึงทำให้เงินบาทแข็งค่า พอเข้าใจสาเหตุ ก็ฝึกคิดต่อครับ ว่าตามทฤษฏีแก้ไขอย่างไรได้บ้าง แล้วมามองความเป็นจริงว่าทำได้รึป่าว ลองตามข่าวดูครับ ก็จะมีผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาให้ความเห็นที่หลากหลาย เช่นบางคนบอกให้ลดอัตราดอกเบี้ย(ตามทฤษฏี) แต่บางคนก็บอกในความเป็นจริงดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยหลัก บลา ๆๆ เรานักเศรษฐศาสตร์ต้องฝึกคิดวิเคราะห์ไปครับ แต่นั่นหมายถึงทฤษฏีที่เรียนมา คุณต้องเข้าใจมันก่อน ไม่ใช่การท่องจำครับ แล้วหมั่นติดตามสถานการณ์จริงอยู่ตลอด

ผมว่านะครับ ถ้าเรียนทฤษฏีกระแสหลักจากหนังสือต่างประเทศ (เช่น Mankiw) จะพบว่าภายในหนังสือก่อนจะขึ้นทฤษฏีมักจะยกข้อมูลจริงของอเมริกา หรือไม่ก็ยกตัวอย่างใกล้ๆตัวมาประกอบทุกครั้ง เพื่อให้ผู้อ่านเห็นสภาพภาวะ ก่อนจะยกทฤษฏียกกราฟมาอธิบายแทบทุกบท

ทั้งนี้แนวทางปฏิบัติ ผมว่ามันก็ขึ้นกับว่าทฤษฏีทางเศรษฐศาสตร์ที่ท่านว่า มันเป็นด้านไหนอีกแหละครับ เพราะเศรษฐศาสตร์มีหลายสาขากว้างขวางมาก ที่ผมเสนอไปข้างต้นเฉพาะกรณีเศรษฐศาสตร์กระแสหลักพวก micro&macroeconomics ของสำนัก classic neoclassic keynes เท่านั้นครับ

สุดท้ายพึงระลึกไว้เสมอครับ ทฤษฏีทางเศรษฐศาสตร์มีข้อจำกัด ข้อสมมติมากมาย หลายทฤษฏีก็ถูกหักล้างมาเยอะในอดีต บางทฤษฏีอาจอธิบายเหตุการณ์ได้ไม่สวยหรูนัก ดังนั้นเราจึงควรเข้าใจข้อจำกัดของมันด้วยครับ