นาทีนี้คงไม่มีใครฮอตเท่ากับเขาและเธอเหล่านี้ เรียกว่าลืมตาขึ้นมา ทั้งโฆษณาทางทีวี ภาพนิ่ง ละคร ทุกวันต้องเห็นพวกเขาแน่นอน นับเฉพาะงานโฆษณาเป็นหลัก ทั้งด้านรายได้และความถี่ในตัวสินค้า และไม่ต้องเดาให้เสียเวลา
แน่นอนดาราชายต้องยกให้ ณเดชน์ คูกิมิยะ ตั้งแต่เข้าวงการครั้งแรกปี 2552 จนถึงปีนี้เขามีงานโฆษณามาแล้ว 58 ชิ้น และกำลังจะมีเร็วๆ นี้ให้กับประกันชีวิต เป็นชิ้นที่ 59 และยังมีโฆษณาภาพนิ่งอีก 11 ชิ้น เขาถูกจัดให้มีรายได้สูงสุด (6 เดือนแรก) ของปีที่ผ่านมาสูงถึง 70 ล้านบาท นำโด่งดาราชายทั้งหมด มี เคน ธีรเดช กับ โดมปกรณ์ ลัม ตามมาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 40 ล้านบาท และอันดับ 3 คือ เป้ อารักษ์ อยู่ที่ 25 ล้านบาท
ราชินีแห่งพรีเซนเตอร์ต้องยกให้เธอ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ที่มีโฆษณามาทั้งสิ้น 30 ยี่ห้อสินค้า ซึ่งใน 1 สินค้ายังถ่ายโฆษณาออกมาหลายเวอร์ชัน ซึ่งนับจริงๆ แล้วเกิน 50 ชิ้น ถือเป็นดาราหญิงที่มีค่าตัวสูงสุดทั้งละคร (ตอนละ 1.5 แสนบาท เรื่องหนึ่งมี 30 ตอน) และโฆษณาอยู่ที่เรื่องละ 8.6 ล้านบาท ออกงานอีเวนต์ครั้งละ 1.5 แสนบาท เธอมีงานโฆษณาทั้งเครื่องสำอาง ยาสระผม เครื่องดื่ม รถยนต์ ครบทุกไลน์สินค้าที่เกี่ยวกับผู้หญิง
ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต ตามมาเป็นที่ 2 โดยเล่นละครตอนละ 7.5 หมื่นบาท ถ่ายโฆษณาเรื่องละ 7.5 ล้านบาท และออกงานอีเวนต์ครั้งละ 1.2 แสนบาท เธอมีงานถ่ายโฆษณามาแล้ว 41 ชิ้น ราคามาอัพขึ้นสูงก็ตอนย้ายมาอยู่ช่อง 3 นี่เอง ส่วน พลอย เฌอมาลย์ ค่าตัวเล่นละครตอนละ 7.5 หมื่นบาท ถ่ายโฆษณาเรื่องละ 6.5 ล้านบาท และงานอีเวนต์ครั้งละ 1 แสนบาท
ส่วน ญาญ่า อุรัสยา แม้รายได้จะไม่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของดาราที่มีค่าตัวสูงสุด แต่ถ้าระดับความถี่ของเนื้องานแล้วก็มิใช่น้อย เข้าวงการมาไม่กี่ปี น้องมีงานถ่ายโฆษณามากถึง 48 ชิ้น และภาพนิ่งอีก 7 ชิ้น ค่าตัวเล่นละครตอนละ 5 หมื่นบาท โฆษณาเรื่องละ 4.5 ล้านบาท งานอีเวนต์ครั้งละ 7 หมื่นบาท ค่าตัวไม่สูงแต่ความถี่ในการรับงานนับว่าสูงมาก
แต่บางทีการที่มีงานโฆษณามากไป ก็กลายเป็นช้ำ แล้วคนดูก็อาจจะสับสนว่าโฆษณาอะไร เป็นอะไร ปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ดาราใดที่มีงานโฆษณาวิ่งเข้ามาชนเยอะก็ถือว่าเป็นโชคดี เพราะในวงการบันเทิงไม่ได้มีแบบนี้บ่อยๆ แต่ถ้ามากจนเกินไปก็จะทำให้คนดูเกิดอาการ สับสนและจำไม่ได้ ยอดขายก็จะไม่ได้ตามเป้า การรับโฆษณาเยอะๆ พร้อมกันทีเดียว ก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการที่เจ้าของสินค้าไม่จ้างต่อในปีต่อๆ ไป ทุกอย่างที่ลงทุนไปก็หวังกำไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเป็นพรีเซนเตอร์ให้สินค้าเขาแล้วขายไม่ได้ หรือไม่ได้ผลตามเป้า ปีต่อไปเขาก็อาจจะไม่จ้างอีก แต่ถ้าผลออกมาสำเร็จเขาก็คงจะจ้างต่อไปไม่เสียหายอะไร
เป็นปรากฏการณ์ใหม่เกิดขึ้นเฉพาะที่ประเทศไทย ที่ดารารับสินค้าซ้ำในสินค้าประเภทเดียวกัน ในเวลาไล่เลี่ยกัน ออกอากาศพร้อมๆ กัน ที่เมืองนอกไม่มี เพิ่งเห็น 2-3 ปีนี้แหละ มหัศจรรย์มากที่เจ้าของสินค้ายอมใช้พรีเซนเตอร์คนเดียวกันในสินค้าประเภทเดียวในช่วงเวลาเดียวกัน แต่คนทำโฆษณาอาจจะไม่สนุกในการทำงานเท่าไรถ้าใช้พรีเซนเตอร์ซ้ำกันมากๆ แต่ครีเอทีฟก็ไม่ใช่คนตัดสินใจถ้าเจ้าของสินค้าเขาเลือกแล้วก็ต้องทำ
“ถ้าผมเป็นดาราก็คงไม่คิดมาก เพราะน้ำขึ้นให้รีบตัก ใครจ้างก็รับ ก็คนอยากจ้างเองนี่ ไม่ใช่หน้าที่พรีเซนเตอร์ที่ต้องคิด เป็นหน้าที่คนวางกลยุทธ์ว่าจ้างเขามาแล้วจะเหมาะไหม จะขายดีไหม หรือบางคนอาจจะค่อยๆ เลือกรับ แล้วแต่กลยุทธ์ของแต่ละคนต้องวางให้ดี แบบว่านานๆ ทีรับงานทีแล้วเรียกแพงไปเลยก็ได้ ที่เห็นชัดคือ เบิร์ด ธงไชย 3-4 ปีรับสักชิ้นฟาดไปเรื่องละ 10 ล้านอัพ”
เลือกที่ใช่จริงๆ
ด้านผู้จัดการดาราสุดฮอต เอ ศุภชัย บอกว่าการรับงานแต่ละครั้ง เอาน้องๆ เป็นตัวตั้งว่าเขาเป็นผู้อยู่ในวัยใช้สินค้านั้นจริงไหม แล้วรู้สึกพึงพอใจกับสินค้าหรือเปล่า ถ้าน้องๆ ไม่อินกับสินค้าก็ไม่รับ “ถ้ามีงานเข้ามาน้องไม่รู้จักสินค้า ไม่ได้ใช้สินค้านี้จริง เอจะขอสินค้ามาให้น้องลองใช้ 3 เดือน ถ้าใช้แล้วเขาโอเคถูกใจเอจะรับ แต่ถ้าลองแล้วเขาไม่ชอบ ไม่คิดจะใช้ เอก็ไม่รับ เฉพาะ ณเดชน์ ปีนี้มีสินค้าติดต่อเข้ามา 10 กว่าราย รับมาแค่รายเดียว คือ เอไอเอ เพราะที่บ้านเขาใช้จริง นอกนั้นน้องไม่อินกับสินค้าก็ไม่รับ ทิ้งเงินไป 50 กว่าล้าน”
กรณี ณเดชน์ โฆษณาน้ำดื่ม 2 ยี่ห้อ ใกล้ๆ กัน อันนี้คือความพึงพอใจของเจ้าของสินค้า “เอมองว่าในตู้เย็นบ้านเรามีน้ำอัดลม มีนมเปรี้ยว มีชาเขียว เราบริโภคน้ำหลายชนิดได้ ขึ้นอยู่กับวาระโอกาส แต่ก็จะไม่รับเพิ่มอีก การรับในไลน์เดียวกันคือการตัดสินใจของเจ้าของสินค้าที่เขามีเหตุผลการตลาดรองรับ”
ไม่สวยแต่เลือกได้
ตลกซุป’ตาร์หญิงที่มีงานโฆษณาเยอะสุด แต่ละตัวก็ชิ้นโบแดงทั้งนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนโฆษณาจำพวกนี้จะต้องใช้บริการระดับพระเอกนางเอกเท่านั้น แต่สำหรับ ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน ความดังความแรงของเธอแหกกฎข้อแม้ต่างๆ ของเอเยนซีโฆษณาได้ ล่าสุดคว้าโฆษณาแชมพูสระผมที่นางเอกซุป’ตาร์ อั้มพัชราภา ไชยเชื้อ ครองเป็นพรีเซนเตอร์เพียงคนเดียวต่อเนื่องกันมาหลายปี แต่ปี 2556 ตุ๊กกี้สามารถขึ้นไปเทียบบัลลังก์ได้ จึงได้เห็นงานโฆษณาชิ้นนี้ ทั้งนางเอกซุป’ตาร์ และตลกซุป’ตาร์
“มันเป็นผลพลอยได้ โฆษณาความงามมันไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้ว สำหรับซันซิลเขาติดต่อมา เขาบอกคู่อั้มเรารับเลย (หัวเราะ)”
ส่วนสนนราคาค่าตัวนั้น ของเจ้าแม่อย่างอั้มนั้นค่าตัวหลายล้านบาท เพราะองค์ประกอบพร้อม ซึ่งจัดเป็นนักแสดงที่มีค่าตัวออกงานอีเวนต์และงานโฆษณาสูงลิบอยู่แล้ว แต่สำหรับตุ๊กกี้ต้องแอบกระซิบเห็นตัวมินิ แต่ราคาไม่ได้ย่อมเยาเลยนะค้า เพราะมีดีกรีซุป’ตาร์ตลกพ่วงท้ายอยู่ ดังนั้นค่าเหนื่อยงานโฆษณาชิ้นนี้ก็ไม่ทิ้งห่างอั้มเท่าไร เรียกว่าสูสีเชียวล่ะ “เรื่องค่าตัวเทียบกันไม่ได้ ต้องดูว่าอั้มเขาดังในเรื่องของนางเอก เราดังในเรื่องของตลก แต่ก็อย่างที่อั้มเขาเคยบอกแหละว่า ค่าตัวตุ๊กกี้ก็ไม่น้อยกว่าอั้มนะ (หัวเราะ)” นอกจากโฆษณาแชมพูแล้ว ปีนี้ตุ๊กกี้ยังมีโฆษณาอีก 2 ตัว ซึ่งเป็นของเดิม คือ โตโยต้า วีโก้ และพีว่าท่อน (ปุ๋ยยี่ห้อหนึ่งตุ๊กกี้เล่นเป็นหนอนสีเขียว) และในปีนี้ก็มีเจ้าอื่นๆ ติดต่อมาอีกนับสิบตัว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนเจรจา เพราะถ้ารับก็คง 12 ตัวเท่านั้น ไม่อยากให้มากเกินไป “โฆษณาที่ติดต่อมาเป็น 10 ตัวเลยก็มี แต่ไม่ได้รับทั้งหมด ต้องมีคุยๆ กันก่อน ตัวใหม่กำลังจะคุยคือต้องดูว่าถ้ารับมาแล้วอย่าคิดถึงแต่เงิน ถ้ารับไปแล้วเราดร็อปก็ไม่รับ แต่อย่างซันซิลเราไม่คาดฝันเลยก็รับ (หัวเราะ) บางอย่างรับไปสินค้าเด่น แต่เราดร็อปก็ไม่รับ ต้องเกิดทั้งคู่”
ณเดชน์-แชมป์พรีเซนเตอร์
งานโฆษณาชิ้นล่าสุดของ ณเดชน์ คูกิมิยะ คือ บริษัท เอไอเอ เอกศักดิ์ ตั้งสุจริตพันธ์ รองประธานฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย ให้เหตุผลถึงการตัดสินเลือกเขาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ว่า ประเทศไทยยังมีช่องว่างระหว่างผู้ที่ทำประกันชีวิตและคนที่ยังไม่มีอยู่มากพอสมควร เอไอเอจึงมุ่งส่งเสริมผู้บริโภคชาวไทยให้มาทำประกันชีวิตมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงด้านการเงินผ่านทางผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบต่างๆ และตัวแทนที่มีความรู้ในการสื่อสารถึงสินค้าประกันชีวิตตัวที่ช่วยลดช่องว่างดังกล่าว
“เรามองว่าการใช้ ณเดชน์ หรือพรีเซนเตอร์ท่านอื่นๆ จะช่วยสื่อถึงคีย์เมสเซจของผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน สร้างการรับรู้ และทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ เห็นได้จากความสำเร็จของแคมเปญเอไอเอ เฮลท์ ไลฟ์ไทม์ ที่ใช้ เคน ธีรเดช เป็นพรีเซนเตอร์ นอกจากนี้ กระแสความนิยม รวมทั้งบุคลิกความเป็นตัวณเดชน์เองก็ยังทำให้ภาพลักษณ์ของประกันชีวิตดูเทรนดี้และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหมู่มากได้”
จาก โดย...ปอย & อ้อย
http://www.posttoday.com/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/204170/%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87
ใครกัน? พรีเซนเตอร์เนื้อทอง
แน่นอนดาราชายต้องยกให้ ณเดชน์ คูกิมิยะ ตั้งแต่เข้าวงการครั้งแรกปี 2552 จนถึงปีนี้เขามีงานโฆษณามาแล้ว 58 ชิ้น และกำลังจะมีเร็วๆ นี้ให้กับประกันชีวิต เป็นชิ้นที่ 59 และยังมีโฆษณาภาพนิ่งอีก 11 ชิ้น เขาถูกจัดให้มีรายได้สูงสุด (6 เดือนแรก) ของปีที่ผ่านมาสูงถึง 70 ล้านบาท นำโด่งดาราชายทั้งหมด มี เคน ธีรเดช กับ โดมปกรณ์ ลัม ตามมาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 40 ล้านบาท และอันดับ 3 คือ เป้ อารักษ์ อยู่ที่ 25 ล้านบาท
ราชินีแห่งพรีเซนเตอร์ต้องยกให้เธอ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ที่มีโฆษณามาทั้งสิ้น 30 ยี่ห้อสินค้า ซึ่งใน 1 สินค้ายังถ่ายโฆษณาออกมาหลายเวอร์ชัน ซึ่งนับจริงๆ แล้วเกิน 50 ชิ้น ถือเป็นดาราหญิงที่มีค่าตัวสูงสุดทั้งละคร (ตอนละ 1.5 แสนบาท เรื่องหนึ่งมี 30 ตอน) และโฆษณาอยู่ที่เรื่องละ 8.6 ล้านบาท ออกงานอีเวนต์ครั้งละ 1.5 แสนบาท เธอมีงานโฆษณาทั้งเครื่องสำอาง ยาสระผม เครื่องดื่ม รถยนต์ ครบทุกไลน์สินค้าที่เกี่ยวกับผู้หญิง
ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต ตามมาเป็นที่ 2 โดยเล่นละครตอนละ 7.5 หมื่นบาท ถ่ายโฆษณาเรื่องละ 7.5 ล้านบาท และออกงานอีเวนต์ครั้งละ 1.2 แสนบาท เธอมีงานถ่ายโฆษณามาแล้ว 41 ชิ้น ราคามาอัพขึ้นสูงก็ตอนย้ายมาอยู่ช่อง 3 นี่เอง ส่วน พลอย เฌอมาลย์ ค่าตัวเล่นละครตอนละ 7.5 หมื่นบาท ถ่ายโฆษณาเรื่องละ 6.5 ล้านบาท และงานอีเวนต์ครั้งละ 1 แสนบาท
ส่วน ญาญ่า อุรัสยา แม้รายได้จะไม่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของดาราที่มีค่าตัวสูงสุด แต่ถ้าระดับความถี่ของเนื้องานแล้วก็มิใช่น้อย เข้าวงการมาไม่กี่ปี น้องมีงานถ่ายโฆษณามากถึง 48 ชิ้น และภาพนิ่งอีก 7 ชิ้น ค่าตัวเล่นละครตอนละ 5 หมื่นบาท โฆษณาเรื่องละ 4.5 ล้านบาท งานอีเวนต์ครั้งละ 7 หมื่นบาท ค่าตัวไม่สูงแต่ความถี่ในการรับงานนับว่าสูงมาก
แต่บางทีการที่มีงานโฆษณามากไป ก็กลายเป็นช้ำ แล้วคนดูก็อาจจะสับสนว่าโฆษณาอะไร เป็นอะไร ปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ดาราใดที่มีงานโฆษณาวิ่งเข้ามาชนเยอะก็ถือว่าเป็นโชคดี เพราะในวงการบันเทิงไม่ได้มีแบบนี้บ่อยๆ แต่ถ้ามากจนเกินไปก็จะทำให้คนดูเกิดอาการ สับสนและจำไม่ได้ ยอดขายก็จะไม่ได้ตามเป้า การรับโฆษณาเยอะๆ พร้อมกันทีเดียว ก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการที่เจ้าของสินค้าไม่จ้างต่อในปีต่อๆ ไป ทุกอย่างที่ลงทุนไปก็หวังกำไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเป็นพรีเซนเตอร์ให้สินค้าเขาแล้วขายไม่ได้ หรือไม่ได้ผลตามเป้า ปีต่อไปเขาก็อาจจะไม่จ้างอีก แต่ถ้าผลออกมาสำเร็จเขาก็คงจะจ้างต่อไปไม่เสียหายอะไร
เป็นปรากฏการณ์ใหม่เกิดขึ้นเฉพาะที่ประเทศไทย ที่ดารารับสินค้าซ้ำในสินค้าประเภทเดียวกัน ในเวลาไล่เลี่ยกัน ออกอากาศพร้อมๆ กัน ที่เมืองนอกไม่มี เพิ่งเห็น 2-3 ปีนี้แหละ มหัศจรรย์มากที่เจ้าของสินค้ายอมใช้พรีเซนเตอร์คนเดียวกันในสินค้าประเภทเดียวในช่วงเวลาเดียวกัน แต่คนทำโฆษณาอาจจะไม่สนุกในการทำงานเท่าไรถ้าใช้พรีเซนเตอร์ซ้ำกันมากๆ แต่ครีเอทีฟก็ไม่ใช่คนตัดสินใจถ้าเจ้าของสินค้าเขาเลือกแล้วก็ต้องทำ
“ถ้าผมเป็นดาราก็คงไม่คิดมาก เพราะน้ำขึ้นให้รีบตัก ใครจ้างก็รับ ก็คนอยากจ้างเองนี่ ไม่ใช่หน้าที่พรีเซนเตอร์ที่ต้องคิด เป็นหน้าที่คนวางกลยุทธ์ว่าจ้างเขามาแล้วจะเหมาะไหม จะขายดีไหม หรือบางคนอาจจะค่อยๆ เลือกรับ แล้วแต่กลยุทธ์ของแต่ละคนต้องวางให้ดี แบบว่านานๆ ทีรับงานทีแล้วเรียกแพงไปเลยก็ได้ ที่เห็นชัดคือ เบิร์ด ธงไชย 3-4 ปีรับสักชิ้นฟาดไปเรื่องละ 10 ล้านอัพ”
เลือกที่ใช่จริงๆ
ด้านผู้จัดการดาราสุดฮอต เอ ศุภชัย บอกว่าการรับงานแต่ละครั้ง เอาน้องๆ เป็นตัวตั้งว่าเขาเป็นผู้อยู่ในวัยใช้สินค้านั้นจริงไหม แล้วรู้สึกพึงพอใจกับสินค้าหรือเปล่า ถ้าน้องๆ ไม่อินกับสินค้าก็ไม่รับ “ถ้ามีงานเข้ามาน้องไม่รู้จักสินค้า ไม่ได้ใช้สินค้านี้จริง เอจะขอสินค้ามาให้น้องลองใช้ 3 เดือน ถ้าใช้แล้วเขาโอเคถูกใจเอจะรับ แต่ถ้าลองแล้วเขาไม่ชอบ ไม่คิดจะใช้ เอก็ไม่รับ เฉพาะ ณเดชน์ ปีนี้มีสินค้าติดต่อเข้ามา 10 กว่าราย รับมาแค่รายเดียว คือ เอไอเอ เพราะที่บ้านเขาใช้จริง นอกนั้นน้องไม่อินกับสินค้าก็ไม่รับ ทิ้งเงินไป 50 กว่าล้าน”
กรณี ณเดชน์ โฆษณาน้ำดื่ม 2 ยี่ห้อ ใกล้ๆ กัน อันนี้คือความพึงพอใจของเจ้าของสินค้า “เอมองว่าในตู้เย็นบ้านเรามีน้ำอัดลม มีนมเปรี้ยว มีชาเขียว เราบริโภคน้ำหลายชนิดได้ ขึ้นอยู่กับวาระโอกาส แต่ก็จะไม่รับเพิ่มอีก การรับในไลน์เดียวกันคือการตัดสินใจของเจ้าของสินค้าที่เขามีเหตุผลการตลาดรองรับ”
ไม่สวยแต่เลือกได้
ตลกซุป’ตาร์หญิงที่มีงานโฆษณาเยอะสุด แต่ละตัวก็ชิ้นโบแดงทั้งนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนโฆษณาจำพวกนี้จะต้องใช้บริการระดับพระเอกนางเอกเท่านั้น แต่สำหรับ ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน ความดังความแรงของเธอแหกกฎข้อแม้ต่างๆ ของเอเยนซีโฆษณาได้ ล่าสุดคว้าโฆษณาแชมพูสระผมที่นางเอกซุป’ตาร์ อั้มพัชราภา ไชยเชื้อ ครองเป็นพรีเซนเตอร์เพียงคนเดียวต่อเนื่องกันมาหลายปี แต่ปี 2556 ตุ๊กกี้สามารถขึ้นไปเทียบบัลลังก์ได้ จึงได้เห็นงานโฆษณาชิ้นนี้ ทั้งนางเอกซุป’ตาร์ และตลกซุป’ตาร์
“มันเป็นผลพลอยได้ โฆษณาความงามมันไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้ว สำหรับซันซิลเขาติดต่อมา เขาบอกคู่อั้มเรารับเลย (หัวเราะ)”
ส่วนสนนราคาค่าตัวนั้น ของเจ้าแม่อย่างอั้มนั้นค่าตัวหลายล้านบาท เพราะองค์ประกอบพร้อม ซึ่งจัดเป็นนักแสดงที่มีค่าตัวออกงานอีเวนต์และงานโฆษณาสูงลิบอยู่แล้ว แต่สำหรับตุ๊กกี้ต้องแอบกระซิบเห็นตัวมินิ แต่ราคาไม่ได้ย่อมเยาเลยนะค้า เพราะมีดีกรีซุป’ตาร์ตลกพ่วงท้ายอยู่ ดังนั้นค่าเหนื่อยงานโฆษณาชิ้นนี้ก็ไม่ทิ้งห่างอั้มเท่าไร เรียกว่าสูสีเชียวล่ะ “เรื่องค่าตัวเทียบกันไม่ได้ ต้องดูว่าอั้มเขาดังในเรื่องของนางเอก เราดังในเรื่องของตลก แต่ก็อย่างที่อั้มเขาเคยบอกแหละว่า ค่าตัวตุ๊กกี้ก็ไม่น้อยกว่าอั้มนะ (หัวเราะ)” นอกจากโฆษณาแชมพูแล้ว ปีนี้ตุ๊กกี้ยังมีโฆษณาอีก 2 ตัว ซึ่งเป็นของเดิม คือ โตโยต้า วีโก้ และพีว่าท่อน (ปุ๋ยยี่ห้อหนึ่งตุ๊กกี้เล่นเป็นหนอนสีเขียว) และในปีนี้ก็มีเจ้าอื่นๆ ติดต่อมาอีกนับสิบตัว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนเจรจา เพราะถ้ารับก็คง 12 ตัวเท่านั้น ไม่อยากให้มากเกินไป “โฆษณาที่ติดต่อมาเป็น 10 ตัวเลยก็มี แต่ไม่ได้รับทั้งหมด ต้องมีคุยๆ กันก่อน ตัวใหม่กำลังจะคุยคือต้องดูว่าถ้ารับมาแล้วอย่าคิดถึงแต่เงิน ถ้ารับไปแล้วเราดร็อปก็ไม่รับ แต่อย่างซันซิลเราไม่คาดฝันเลยก็รับ (หัวเราะ) บางอย่างรับไปสินค้าเด่น แต่เราดร็อปก็ไม่รับ ต้องเกิดทั้งคู่”
ณเดชน์-แชมป์พรีเซนเตอร์
งานโฆษณาชิ้นล่าสุดของ ณเดชน์ คูกิมิยะ คือ บริษัท เอไอเอ เอกศักดิ์ ตั้งสุจริตพันธ์ รองประธานฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย ให้เหตุผลถึงการตัดสินเลือกเขาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ว่า ประเทศไทยยังมีช่องว่างระหว่างผู้ที่ทำประกันชีวิตและคนที่ยังไม่มีอยู่มากพอสมควร เอไอเอจึงมุ่งส่งเสริมผู้บริโภคชาวไทยให้มาทำประกันชีวิตมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงด้านการเงินผ่านทางผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบต่างๆ และตัวแทนที่มีความรู้ในการสื่อสารถึงสินค้าประกันชีวิตตัวที่ช่วยลดช่องว่างดังกล่าว
“เรามองว่าการใช้ ณเดชน์ หรือพรีเซนเตอร์ท่านอื่นๆ จะช่วยสื่อถึงคีย์เมสเซจของผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน สร้างการรับรู้ และทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ เห็นได้จากความสำเร็จของแคมเปญเอไอเอ เฮลท์ ไลฟ์ไทม์ ที่ใช้ เคน ธีรเดช เป็นพรีเซนเตอร์ นอกจากนี้ กระแสความนิยม รวมทั้งบุคลิกความเป็นตัวณเดชน์เองก็ยังทำให้ภาพลักษณ์ของประกันชีวิตดูเทรนดี้และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหมู่มากได้”
จาก โดย...ปอย & อ้อย
http://www.posttoday.com/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/204170/%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87