ผมสงสัยว่าคนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเรียนอย่างเดียวจนจบเอก เงินเดือนน้อยมาก จะสามารถตั้งตัวได้อย่างไร?

กระทู้คำถาม
เพราะอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ผมรู้จักส่วนมากฐานะดีอยู่แล้ว หรือไม่อีกอย่างคือมีสามีที่ช่วยเรื่องการเงิน
เช่น อาจารย์ท่านหนึ่งที่รู้จักสามีท่านเป็นหมอรพ.เอกชนรายได้เดือนละ200,000 แต่ท่านเป็นอาจารย์จบเอกรายได้40,000 ก็ไม่เป็นไรเพราะสามีรายได้มากแล้ว

บ้านผมฐานะกลางๆอย่างหลานผมได้ทุนรัฐบาลเรียนด้านวิทยาศาสตร์จนจบป.เอก ดีหน่อยที่เรียนนอกเมืองและรัฐบาลไทยให้เงินเดือนสมน้ำสมเนื้อ เลยเก็บเงินเหลือจากเงินเดือนมาได้ ไปเรียน5ปีก็เก็บเงินมาได้หลักล้าน เอามาตั้งตัวดาวน์บ้านแต่งงานได้

ถ้าเป็นอาจารย์ม.รัฐใหญ่ๆดังๆเช่นจุฬา มธ. มช.ก็มีรายได้เสริมจากทางอื่นมาก หรือสอนเอกชน ก็ไม่มีปัญหา ที่รู้จักอาจารย์วิศวะ จุฬาเป็นที่ปรึกษาบริษัทได้เดือนละ300,000ก็มี

แต่สงสัยว่าคนที่เป็นอาจารย์จบป.เอก ถ้าดันสอนมหาวิทยาลัยไกลๆ ไม่มีการหาเงินเพิ่มได้ หรือบ้านฐานะไม่ดี จบมาป.เอก หลายที่ปรับเป็นเป็น40,000แล้ว แต่หลายที่ยังให้20,000กลางๆ แล้วเขาจะตั้งตัวกันอย่างไร เพราะตอนเรียนโทเอกอย่าลืมว่าเขาก็หมดโอกาสหาเงินเก็บเงินได้มากเหมือนคนทั่วไปแล้วนะ
คนจบป.เอกมาอายุน่าจะ27-28 ได้เวลาแต่งงานพอดี ถ้าบ้านฐานะไม่ดี จะเอาเงินเก็บจากไหนดาวน์บ้าน ดาวน์รถ ค่าสินสอดขอเมีย ค่าทำคลอดลูก ค่าส่งลูกเรียนรร.ดีๆ

ผมว่ามันเป็นอาชีพที่รัฐให้เงินเดือนไม่สมเหตุสมผลกับความสามารถที่สุดแล้วเท่าที่เคยได้ยินมา มันไม่ใช่ใครก็เป็นได้ คุณต้องจบป.เอก ตอนเรียนตรีก็ต้องจบม.รัฐดีๆได้เกียรตินิยมอีก

ไม่จอคำตอบแบบโลกสวยพอเพียงนะครับ ที่ผมยกตย.นี่โลกจริงแบบพอเพียงแล้วนะ เพราะดาวน์บ้านดาวน์รถก็เรื่องปกติปัจจัยสี่ไม่ใช่ฟุ่มเฟือย หรือเป็นอาจารย์ป.เอกเขาต้องเช่าแฟลตอยู่กันหรือเปล่าครับจะได้พอเพียงสมเงินเดือนสองหมื่น? ผมว่ามันควรจะปรับให้อ.ม.รัฐทั้งหมดเงินเดือนสตาร์ทสัก50,000-60,000ได้แล้วนะ เอาเฉพาะเงินเดือนเลยไม่รวมค่าอื่นๆถ้าค่าอื่นๆต้องให้ถึงหลักแสนด้วยซ้ำ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 46
คุณคิดว่าน้อยเพราะคุณเอาคำว่าปริญญาเอกมาคิดหรือปล่าว จริงๆแล้วคนที่เป็นอาจารย์มหาลัยส่วนมากจะได้รับทุนมหาลัยไปเรียนจนจบเอกอยู่แล้ว ก่อนไป ก่อนรับทุนก็ต้องรับรู้อยู่แล้วว่า รับทุนเค้าไปต้องกลับมารับเงินเดือนเท่าไร เป็นเวลากี่ปี ก่อนไปคุณเป็นใคร ก็เป็นเรียนดีที่มีแค่ปริญญาตรีคนนึง ถ้าคุณมั่นใจว่าเก่งจริงก็ไม่ต้องรับทุน หาทุนให้ปล่าวเอาสิ ทุนสำหรับคนเก่งมากแบบให้ปล่าวมีออกเยอะ หรือถ้ามั่นใจว่าเก่งจริงก็เข้าสู่สนามรบแรงงานได้เลย

เมื่อรับทุนเพื่อที่จะอัพเลเวลตัวเองจากปอตรีหรือโทเป็นเอก เพื่อเพิ่มค่า ก็ต้องยอมรับกฎและเงื่อนไข ซึ่งทุกคนต้แงรับทราบและทบทวนก่อนรับอยู่แล้ว ลองคิดดูมั้ยว่าทางมหาลัยเค้าให้ทุนคุณเท่าไร ยกตยอังกฤษ คิดคร่าวๆเลย หนึ่งปีหนึ่งล้าน ค่ากินอยู่บวกค่าเทอม เรียนโท 1 ปีเอก3ปี คิดรวมๆบวกนู่นนี่ เช่นค่าคั๋วกลับบ้าน 5 ล้านบาท หักเป็นเงินเดือนที่จะเพิ่มให้คุณอีก 2 หมื่น ปีนึง 240,000 ถ้า 5 ล้านก็ 20 ปี ที่เค้าให้คุณก่อน ถ้าเป็นเมกา โท 2 ปี เอกสี่ปี หรือมากกว่านั้น รวมๆ 7-8 ล้านบาท คิดดู มหาวิทยาลัยลงทุนกับคุณล่วงหน้าไปก่อนเท่าไร ไม้ใช่น้อยนะ แบบไม่มีดอกเบี้ยอีก และอย่างที่คุณเล่า หลายๆคนเก็บเงินได้เป็นล้านมาซื้อบ้านดาวน์รถด้วย มีใครที่ไหนได้เงินล่วงหน้าอย่างนี้ทั้งๆ ที่ยังไม่ทำงานทำเงินให้องค์กรบ้าง

การมาตีความตอนนี้ว่าชั้นมีวุฒิปอเอก ทำไมให้ชั้นน้อย เมื่อเทียบกับเอกชน ก็ถ้าคนทำงานเอกชนเค้าไม่รับทุน เค้าก็ต้องออกค่าเรียนค่ากินเอง กี่ล้านหละ สมควรที่เค้าจะได้เงินเดือนมากกว่า ลืมคิดไปหรือปล่าวว่าก่อนเป็นดาว คุณก็เป็นแค่ดิน มีคนให้โอกาสคุณโดยเค้าให้คุณรู้เงื่อนไขทั้งหมด คุณก็ยังรับๆไปเพื่อให้ได้วุฒิมาเพิ่มค่าให้ตัวเอง พอวันถึงฝั่งก็มาบ่นงั้นหรือ ยังยืนยันคำเดิมว่าถ้าเก่งจริง ไปหาทุนให้ปล่าวสิ

เรื่องทำงานหนัก มีใครไม่ทำงานหนักบ้าง เป็นอาจารย์ สอนเต็มวันละแปดชม ห้าวันหรือหกวันต่ออาทิตย์เหมือนเอกชนหรือปล่าว ทำอย่างนี้ทั้ง 52 wks/yr เหมือนเอกชนมั้ย ปิดเทอมหละ? เอามาเทียบกับเอกชนเงินเดือนเกือบหกหลัก เงินขนาดนั้นคิดว่าบริษัทเค้าให้ฟรีเหรอ เค้าให้เท่าไรแปลว่าคุณต้องทำให้เค้ากี่เท่า งานเอกชนหนักนะ ยกตยอาชีพเรา วิศวกร ทำงานแบบเครียดกดดันทั้งวัน ประชุมวางแผนงาน คำนวณ ออกแบบ ช่วงปิดโปรเจคท์ ต้องไปยืนตากแดดตั้งแต่อาทิตย์ขึ้นยันอาทิตย์ตก สามวันสามคืน หรือบางทีมากกว่านั้น ท่ามกลางวัคถุที่พร้อมระเบิดได้ตลอดเวลา ทำงานไม่มีช่วงเบา ไม่มีปิดเทอม ยกเว้นวันลา 10 วันต่อปี ที่พูดก็ไม่ได้บ่นนะ บริษัทให้เงินเยอะก็ต้องใช้งานเราหนักเป็นธรรมดา หันไปมองคนรอบข้างเรายังโขคดีกว่าเยอะ โน่น คนโน้น helper คือแรงงานช่วยเหลือ เค้าทำงานหนักกว่าเราืได้เดือนละไม่ถึงหมื่น คนนั้นคนประสานงาน งานเค้าก็คงเหนื่อยทั้งกายและใจ กลับบ้านคงแทบสลบ ได้เงินน้อยกว่าเรากี่เท่า หันไปมองคนแวดวงอื่นบ้าง พนักงานต้อนรับ เสมียน โอเปอเรเตอร์ อีกมากมาย เค้าเหนื่อยไม่น้อยกว่าเราแต่ลำบากกว่าเราเยอะ

หันไปมองคนที่รายได้มากกว่าเราบ้าง หมอรพรัฐ เงินเดือน 2-3 หมื่น ที่ top up มา ก็เพราะเค้าอยู่เวร ชมการทำงานมากกว่าเรา หันไปดูคนอาขีพเดียวกัน วิศวกรที่เงินเดิอนมากกว่า เพื่อนเราที่เงินมากกว่าก็ต้องยอมรับว่าบางคนเก่งมากๆจริงๆ ใช้เวลาน้อยแต่ทำงานได้อย่างฉลาดและมีประสิทธิภาพ หรือจะอาชีพอื่น อาชีพบริหาร ก็ต้องเป็นคนที่เก่งมากๆจริง ทำกำไรให้บริษัทมากก็สมควรแล้ว

เราว่า ย้อนกลับมาคิดจากจุดเริ่มต้นดีกว่า ว่าถ้าไม่รับทุนมหาลัย เข้าสู่โลกแรงงานด้วยวุฒิปอตรีด้วยวุฒิขนาดนี้ ป่านนี้จะได้ถึงแสนมั้ย อย่าลืมนะ สิ่งที่มหาลัยให้คุณที่สำคัญมากๆคือวุฒิการศึกษาปริญญาเอก ซึ่งจะอยู่กับคุณไปจนตาย และไม่ว่าจะคิดอย่าง จำไว้ว่าตัดสินใจไปแล้วโดยมีสติรู้ทุกอย่าง ต้องยอมรับผลของทัน ถ้ารับไม่ได้ อยากได้เงินเยอะ และคิดว่าเก่งจริงก็ลาออกซะ. มาทำงานเอกชน เงินเดือนสักสองแสน ( มีมั้ย) ก็เอาเงินไปคืนเค้า เต้าจะคิดดอกก็ถูกต้องแล้ว ให้เงิน 5-6 ล้านมาตั้ง 5-6 ปี นี่ถ้าเป็นเงินกู้บ้าน ดอกจะขึ้นมาเท่าเงินกู้แล้วนะ

บอกตรงๆว่าเห็นหลายคนที่รู้จักแล้วไม่ชอบนะ เราก็เป็นคนมีสิทธิได้รับทุนพวกนี้แต่เราเลือกที่จะไม่รับ เพราะอยากได้เงินเยอะ รอไม่ได้แล้ว จึงเข้าสู่โลกแรงงาน แต่เห็นเพื่อนๆที่รับทุน ตอนรับก็ดี๊ด๊าดีใจ ได้เงินไปเรียน ไปอยู่ตปท ตั้ง 5-6 ปี แบบฟรีๆ กลับมาก็ขูคอขั้นปอเอก แล้วก็มาบ่นว่า เงินเดือนน้อยไม่คู่ควรขั้น ชั้นปอเอก ลืมไปแล้วว่าเอาเงินใครไปเรียน ทำซะยังกะว่า ชั้นเกิดมาเป็นดาวอยู่แล้ว ลืมไปแล้วว่าว่าใครเป็นคนปั้น

ความเห็นเรา ให้สำหรับคนรับทุนเค้าไปนะ ใครออกทุนเรียนเองแล้วรับไม่ได้กับเงินน้อยก็ออกมาซะ ถ้าความสุขในอาขีพไม่มี ถ้าเงินทองสำคัญกว่า ก็ออกมาหาเงิน

สำหรับคนที่เป็นครูจริงๆ ด้วยหัวใจ เราขอชื่นชมด้วยใจจริงค่ะ น่าเอาทุนให้คนพวกนี้มากกว่า
ความคิดเห็นที่ 43
ไม่ได้อ่านความคิดเห็นอื่น แต่ขอตอบในฐานะอาจารย์ใหม่ในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง ในต่างจังหวัด ที่ฐานะทางบ้านค่อนไปทางแย่ พ่อแม่แก่แล้ว เคยทำนา ตอนนี้ทำไม่ได้ เนื่องจากไม่มีแรง

จบปริญญาเอกจากต่างประเทศ เพิ่งเรียนจบกลับมาทำงานได้สองเดือน ได้เงินเดือน 23xxx บาท (เงินที่ได้ตอนไปเรียนต่างประเทศไม่ขอกล่าวถึง เพราะหมดไปกับการส่งให้ทางบ้านจ้างคนทำนา)

เคยคิดเหมือนกันว่า ชีวิตเราเริ่มช้าไปหรือเปล่า เรียนจบตอนอายุ 29  เงินเก็บไม่มีเลย แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ทำงานในต่างจังหวัด ที่พักในมหาวิทยาลัย ปั่นจักรยานมาทำงาน ตอนนี้ยังไม่ใช่หน้าฝน ยังไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ พอมาเริ่มสอน เราคิดว่าเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย เงินเดือนที่ได้มาก็พอใช้ ยังไม่ได้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แต่ไม่แน่ ถ้าทำงานไปสัก ห้าปี อาจคิดอยากผ่อน เรื่องสำคัญคือ สอนอย่างไรให้เด็กๆเข้าใจ ยุ่งกับการเตรียมสอน จนไม่มีเวลามาคิดน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องได้เงินเืดือนน้อย จริงๆแล้ว มีน้อยก็ใช้น้อยอ่ะค่ะ คิดว่าอยู่ๆไปก็ชินกับการได้เงินเดือนน้อย และปรับการดำเนินชีวิตให้เข้ากับรายรับได้เอง

คนทำอาชีพอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ทำธุรกิจ) เค้าก็งานหนักเหมือนกัน บางอาชีพได้เงินน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ เค้ายังอยู่กันได้ เราก็จะอยู่ได้ และอยู่ด้วยความภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาคน ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ (จะโดนหาว่าโลกสวยไหมนี่ เรามองโลกตามความจริง และคิดแบบนี้จริงๆค่ะ)
ความคิดเห็นที่ 42
เพื่อนผมมันบอกว่า..
..ที่เรียน ป.เอกเนี่ย เพื่อเอา ดร.มานำหน้าชื่อ..
..เนื่องจาก  จะ40แล้วยังไม่มีผัว..
....เคสนี้เงินไม่เกี่ยว..อารมย์ล้วนๆ
ความคิดเห็นที่ 7
จากการสอบถามเพื่อนที่เป็นอาจารย์
ทำวิจัย ได้ค่าทำวิจัยเพิ่ม (ซึ่งอ.ทุกท่านต้องทำวิจัยอยู่แล้ว)
มีตำแหน่ง ผศ รศ ศ ได้ค่าตำแหน่งวิชาการเพิ่ม
มีตำแหน่งในคณะ หัวหน้าฝ่าย หัวหน้าภาค รองคณบดี คณบดี ฯลฯ ได้ค่าตำแหน่งเพิ่ม

รวมๆแล้วก็ได้เพิ่มจากเงินเดือนมากอยู่โดยไม่ต้องรับงานพิเศษนอกมหาวิทยาลัย
ไม่รวยแต่ก็ไม่ลำบาก

ก็มีอาจารย์หลายประเภท
บางคนก็ไม่สนตำแหน่งตั้งหน้าตั้งตาสอน แบบว่าอุดมคติสูงส่ง เงินเดือนน้อยไม่เป็นไร รักการสอน
บางคนก็แทบไม่สอน ก้มหน้าก้มตาทำวิจัยเอาตำแหน่ง นักศึกษาแทบไม่เคยได้เรียนด้วย แต่เผลอแผล่บๆเป็นศาสตราจารย์แล้ว
ความคิดเห็นที่ 5
เงินไม่ใช้คำตอบสุดท้ายเสมอไปนะครับ อาชีพนี้อาจไม่รวยล้นเหมือนนักธุรกิจ แต่ก็ไม่ได้ยากจนค้นแค้นแน่ครับเหมือนที่หลายๆท่านบอกมันมีรายได้ทางอื่นๆพอสมควรถ้ามีชื่อเสียก็ที่ปรึกษา รับงานวิจัย ฯลฯ แต่ที่มีคือความสุขในฐานะผู้ให้ ผมเป็น อ.ตัวเล็กๆคนหนึ่ง และเกิดในครอบครัวครู ทั้งพ่อ และแม่ ผมเคยทำงานบริษัท แต่ตอนนี้ได้มาเป็น อ. วันที่ตัดสินใจเปลี่ยนรายได้หายไปเกินครึ่ง แต่ไม่ได้ทำไม่รู้หรอกครับความปิติของการเป็นผู้ให้ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่