เกริ่นนำ
เมื่อการเสพติดกีฬากอล์ฟเริ่มเข้าสู่กระแสเลือดแต่ด้วยภาระในหน้าที่การงานและเวลาที่ต้องแบ่งให้ครอบครัว (และลูก) ทำให้จำเป็นต้องตัดกีฬาอื่น ๆ ที่ชอบเพื่อจะได้สามารถทุ่มเทเวลากับกอล์ฟได้เต็มที่ และผลของการทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกซ้อมบวกกับการได้รับคำชี้แนะจากโปรผู้ฝึกสอน จนกระทั่งผมสามารถลด Handicap จาก 12 ที่ถืออยู่ประมาณสองปี ลงมาเหลือ HC 8 ได้ภายในหนึ่งปี (ตามที่ตั้งใจไว้)
สิ่งที่ตามมาหลังจากถือ Single คือความต้องการในการพัฒนารูปแบบการควบคุมบอลที่หลากหลาย อาทิเช่น การ Punch shot สู้ลม การบังคับ Fade, Draw เพื่อเป้าหมายถัดไปในการตี Under สนาม ซึ่งการฝึกซ้อมเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ในสนามจริง เนื่องจากการเน้นที่ผลงานและไม่ใช่เรื่องที่จะไปลองของในสนามจริง อันมีผลทำให้ score จะพังไม่เป็นท่า ดังนั้นสนามไดร์ฟจึงเป็นที่เห็นเดียวที่เราสามารถลองของและฝึกซ้อมได้เต็มที่โดยไม่ต้องคำนึงถึงความผิดพลาด
วันเกิดเหตุ
วันนั้นเป็นวันซ้อมที่เน้นการวางลูกสั้น 70% การตีเหล็กทั่วไป 20% และหัวไม้และแฟร์เวย์ 10% ซึ่งการฝึกซ้อมเป็นไปตามรูทีนที่วางไว้ ปกติถ้าฝึกซ้อมได้จนครบโปรแกรมที่ตั้งใจไว้แล้วผมจะถือว่าการฝึกซ้อมนั้นได้จบลงแล้ว จะไม่พยายามตีลูกต่อไปให้หมดเพราะเมื่อร่างกายเราอ่อนแรงแต่ยังพยายามฝืนตีต่อจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี วันนั้นเป็นวันที่ผลงานออกมาดีมากสามารถฝึกซ้อมได้ตามกำหนดแต่ยังเหลือลูกอีกจำนวนมาก และเวลาก็ยังเหลืออยู่ที่เยอะเลยลองฝึกซ้อมตีไดร์เวอร์ด้วยรูปแบบต่าง ๆ เช่น บังคับเฟต บังคับ draw กดไฟล์บอลลงต่ำสู้ลม เพื่อสร้างความหลากหลายในการบังคับบอล (ระยะเฉลี่ยปกติอยู่ที่ 270 ในสภาพลมปกติ)
หลังจากซ้อมเสร็จก็สังเกตุเห็นว่ามีชายไทยคนหนึ่งยืนมองอยู่ที่ข้างหลังเลน พอหันมาเห็นก็เลยยิ้มให้ และประโยคยอดฮิตก็ปรากฏขึ้น "น้องตีเหมือนจะดีนะ แต่ยังขาดความแน่นอน ต้อง .... " ละไว้นะครับตรงจุดจุดจุด ให้แทนที่ด้วยประโยคอมตะ ตามแต่ประสบการณ์นะครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประโยคซ้ำ ๆ ตามตำรา เช่น "หน้าไว้ แขนซ้ายไม่ตึง ตัวไม่หมุด ... " ในใจคิดไว้แล้วว่า "โดนเข้ากับตัวเองแล้วตรู" แต่ก็ทำใจเย็นแล้วพูดกลับไปว่า "ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ" แล้วก็หันกลับไปหยิบเหล็กมาตีในลูกที่เหลืออีกสองสามลูกเป็นการตัดบท ... แต่ยังไม่จบแค่นั้นครับ ยังมีเสียงตามไล่หลังมาต่อ "อย่างนั้นแหละน้อง ตี ... อย่างที่พี่บอก" ปรากฏว่าลูกที่ออกไปค่อนข้างดี ก็มีเสียงจากด้านหลังมา "ดีมากน้อง อย่างนี้แหละ ต้อง ... อย่างที่พี่บอก" สรุปว่าโชคดีที่วันนั้นลูกเหลืออยู่แค่นั้น เลยตัดบทเช็คไม้กลับมาอย่างบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น
ความเห็น
ผลการฝึกซ้อมอย่างหนัก ช่วงนี้เวลาไปสนามซ้อมเวลาเห็นคนตีไม่ดี ด้วยข้อผิดพลาดในบางอย่าง ผมสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเองรู้ว่าข้อผิดพลาดนั้นมาจากอะไร แต่ผมรู้สึกยังไม่เป็นการสมควรที่จู่ ๆ จะเข้าให้คำแนะนำ เคยปรึกษาโปรที่ดูวงให้เค้าพูดว่า แสดงว่ายูเริ่มพัฒนาไปอีกขั้น (โปรเป็นต่างชาติ) เพราะว่าคนที่เป็นจริง ๆ จะไม่จู่ ๆ เข้าไปแนะนำอะไรอย่างนั้น เพราะ
1. เราไม่รู้ว่าในสถานการนั้น เค้ากำลังทำ drill เพื่อปรับปรุงอะไรเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า หรือว่าอยู่ในช่วงการพัฒนาวงสวิงเพื่อโปรที่สอนอยู่อาจจะค่อย ๆ ให้เริ่มพัฒนาไปเป็นขั้นตอนตามโปรแกรมที่วางเอาไว้ โดยเฉพาะมือใหม่จะสับสนมากว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด (เหมือนเมื่อตอนผมหัดกอล์ฟใหม่ ๆ มีแต่คนมาแนะนำโน่นนี้เต็มไปหมด รวมถึงการวิพาษ์วิจารณ์วงสวิง ซึ่งทุกครั้งที่โดนเข้าไปกว่าจะกลับมาตีได้อีกทีเป็นเดือน)
2. คนแต่ละคนมีวงสวิงที่ต่างกัน ตามสรีระและความยืดหยุ่นของร่างกาย สิ่งใดที่ดีกับคนหนึ่งใช่ว่าจะดีกับอีกคน
3. รูปแบบวงสวิงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เทคนิคต่าง ๆ เฉพาะตัวก็มีความแตกต่างกัน แต่แก่นแท้ของสวิงจะเหมือนกัน (ซึ่งเราสามารถรู้ได้ถึงระดับฝีมือในคำแนะนำที่ออกมา)
4. ผมยังไม่ได้เป็นโปรที่ได้รับการรับรอง (โดยการสอบ Qualified School หรือของสมาคม) ดังนั้นฐานะของผมคือ "มือสมัครเล่น" ถึงแม้ใครหลายคนจะเรียกว่าโปร แต่ก็เป็นเพียงการแซวกันสนุก ๆ มากกว่าจะถือเป็นเรื่องจริงจัง
5. อีโก้ ของนักกอล์ฟก็มีต่างกัน บางคนเล่นมานานเป็นสิบปี ตีสกอร์ under สนาม แต่วงอาแปะ (เคยโดนแกกระซวกไส้ไหลมาแล้วครับ แกตีไดรเวอร์ 200 ลูกมุดต่ำไม่ลอย ควักแฟร์เวย์มาซ็อตสอง 180 ลูกมุดต่ำไม่ลอยจ่อหน้ากรีน หนึ่ง chip หนึ่ง putt ออกพาร์)
จริง ๆ หัวข้อกระทู้เหมือนจะเป็นคำถามให้คิด แต่จริง ๆ แล้วผมว่าผมได้คำตอบอยู่แล้วแน่ ๆ คือ ยังไงสิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มีทางหมดไปจากสนามซ้อมไดร์ฟ แน่นอน
ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ ... แต่เมื่อไหร่เหตุการณ์นี้จะหมดไปจากสนามไดร์ฟบ้านเรา?
เมื่อการเสพติดกีฬากอล์ฟเริ่มเข้าสู่กระแสเลือดแต่ด้วยภาระในหน้าที่การงานและเวลาที่ต้องแบ่งให้ครอบครัว (และลูก) ทำให้จำเป็นต้องตัดกีฬาอื่น ๆ ที่ชอบเพื่อจะได้สามารถทุ่มเทเวลากับกอล์ฟได้เต็มที่ และผลของการทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกซ้อมบวกกับการได้รับคำชี้แนะจากโปรผู้ฝึกสอน จนกระทั่งผมสามารถลด Handicap จาก 12 ที่ถืออยู่ประมาณสองปี ลงมาเหลือ HC 8 ได้ภายในหนึ่งปี (ตามที่ตั้งใจไว้)
สิ่งที่ตามมาหลังจากถือ Single คือความต้องการในการพัฒนารูปแบบการควบคุมบอลที่หลากหลาย อาทิเช่น การ Punch shot สู้ลม การบังคับ Fade, Draw เพื่อเป้าหมายถัดไปในการตี Under สนาม ซึ่งการฝึกซ้อมเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ในสนามจริง เนื่องจากการเน้นที่ผลงานและไม่ใช่เรื่องที่จะไปลองของในสนามจริง อันมีผลทำให้ score จะพังไม่เป็นท่า ดังนั้นสนามไดร์ฟจึงเป็นที่เห็นเดียวที่เราสามารถลองของและฝึกซ้อมได้เต็มที่โดยไม่ต้องคำนึงถึงความผิดพลาด
วันเกิดเหตุ
วันนั้นเป็นวันซ้อมที่เน้นการวางลูกสั้น 70% การตีเหล็กทั่วไป 20% และหัวไม้และแฟร์เวย์ 10% ซึ่งการฝึกซ้อมเป็นไปตามรูทีนที่วางไว้ ปกติถ้าฝึกซ้อมได้จนครบโปรแกรมที่ตั้งใจไว้แล้วผมจะถือว่าการฝึกซ้อมนั้นได้จบลงแล้ว จะไม่พยายามตีลูกต่อไปให้หมดเพราะเมื่อร่างกายเราอ่อนแรงแต่ยังพยายามฝืนตีต่อจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี วันนั้นเป็นวันที่ผลงานออกมาดีมากสามารถฝึกซ้อมได้ตามกำหนดแต่ยังเหลือลูกอีกจำนวนมาก และเวลาก็ยังเหลืออยู่ที่เยอะเลยลองฝึกซ้อมตีไดร์เวอร์ด้วยรูปแบบต่าง ๆ เช่น บังคับเฟต บังคับ draw กดไฟล์บอลลงต่ำสู้ลม เพื่อสร้างความหลากหลายในการบังคับบอล (ระยะเฉลี่ยปกติอยู่ที่ 270 ในสภาพลมปกติ)
หลังจากซ้อมเสร็จก็สังเกตุเห็นว่ามีชายไทยคนหนึ่งยืนมองอยู่ที่ข้างหลังเลน พอหันมาเห็นก็เลยยิ้มให้ และประโยคยอดฮิตก็ปรากฏขึ้น "น้องตีเหมือนจะดีนะ แต่ยังขาดความแน่นอน ต้อง .... " ละไว้นะครับตรงจุดจุดจุด ให้แทนที่ด้วยประโยคอมตะ ตามแต่ประสบการณ์นะครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประโยคซ้ำ ๆ ตามตำรา เช่น "หน้าไว้ แขนซ้ายไม่ตึง ตัวไม่หมุด ... " ในใจคิดไว้แล้วว่า "โดนเข้ากับตัวเองแล้วตรู" แต่ก็ทำใจเย็นแล้วพูดกลับไปว่า "ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ" แล้วก็หันกลับไปหยิบเหล็กมาตีในลูกที่เหลืออีกสองสามลูกเป็นการตัดบท ... แต่ยังไม่จบแค่นั้นครับ ยังมีเสียงตามไล่หลังมาต่อ "อย่างนั้นแหละน้อง ตี ... อย่างที่พี่บอก" ปรากฏว่าลูกที่ออกไปค่อนข้างดี ก็มีเสียงจากด้านหลังมา "ดีมากน้อง อย่างนี้แหละ ต้อง ... อย่างที่พี่บอก" สรุปว่าโชคดีที่วันนั้นลูกเหลืออยู่แค่นั้น เลยตัดบทเช็คไม้กลับมาอย่างบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น
ความเห็น
ผลการฝึกซ้อมอย่างหนัก ช่วงนี้เวลาไปสนามซ้อมเวลาเห็นคนตีไม่ดี ด้วยข้อผิดพลาดในบางอย่าง ผมสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเองรู้ว่าข้อผิดพลาดนั้นมาจากอะไร แต่ผมรู้สึกยังไม่เป็นการสมควรที่จู่ ๆ จะเข้าให้คำแนะนำ เคยปรึกษาโปรที่ดูวงให้เค้าพูดว่า แสดงว่ายูเริ่มพัฒนาไปอีกขั้น (โปรเป็นต่างชาติ) เพราะว่าคนที่เป็นจริง ๆ จะไม่จู่ ๆ เข้าไปแนะนำอะไรอย่างนั้น เพราะ
1. เราไม่รู้ว่าในสถานการนั้น เค้ากำลังทำ drill เพื่อปรับปรุงอะไรเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า หรือว่าอยู่ในช่วงการพัฒนาวงสวิงเพื่อโปรที่สอนอยู่อาจจะค่อย ๆ ให้เริ่มพัฒนาไปเป็นขั้นตอนตามโปรแกรมที่วางเอาไว้ โดยเฉพาะมือใหม่จะสับสนมากว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด (เหมือนเมื่อตอนผมหัดกอล์ฟใหม่ ๆ มีแต่คนมาแนะนำโน่นนี้เต็มไปหมด รวมถึงการวิพาษ์วิจารณ์วงสวิง ซึ่งทุกครั้งที่โดนเข้าไปกว่าจะกลับมาตีได้อีกทีเป็นเดือน)
2. คนแต่ละคนมีวงสวิงที่ต่างกัน ตามสรีระและความยืดหยุ่นของร่างกาย สิ่งใดที่ดีกับคนหนึ่งใช่ว่าจะดีกับอีกคน
3. รูปแบบวงสวิงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เทคนิคต่าง ๆ เฉพาะตัวก็มีความแตกต่างกัน แต่แก่นแท้ของสวิงจะเหมือนกัน (ซึ่งเราสามารถรู้ได้ถึงระดับฝีมือในคำแนะนำที่ออกมา)
4. ผมยังไม่ได้เป็นโปรที่ได้รับการรับรอง (โดยการสอบ Qualified School หรือของสมาคม) ดังนั้นฐานะของผมคือ "มือสมัครเล่น" ถึงแม้ใครหลายคนจะเรียกว่าโปร แต่ก็เป็นเพียงการแซวกันสนุก ๆ มากกว่าจะถือเป็นเรื่องจริงจัง
5. อีโก้ ของนักกอล์ฟก็มีต่างกัน บางคนเล่นมานานเป็นสิบปี ตีสกอร์ under สนาม แต่วงอาแปะ (เคยโดนแกกระซวกไส้ไหลมาแล้วครับ แกตีไดรเวอร์ 200 ลูกมุดต่ำไม่ลอย ควักแฟร์เวย์มาซ็อตสอง 180 ลูกมุดต่ำไม่ลอยจ่อหน้ากรีน หนึ่ง chip หนึ่ง putt ออกพาร์)
จริง ๆ หัวข้อกระทู้เหมือนจะเป็นคำถามให้คิด แต่จริง ๆ แล้วผมว่าผมได้คำตอบอยู่แล้วแน่ ๆ คือ ยังไงสิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มีทางหมดไปจากสนามซ้อมไดร์ฟ แน่นอน