นโยบายรับจำนำข้าวในราคาสูงลิ่วของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นนโยบายประชานิยมนั้นนอกจากจะถูกคนไทยด้วยกันวิจารณ์ว่า เป็นนโยบายที่จะนำประเทศไปสู่ความล่มจมแล้ว นักวิชาการชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากได้ออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่อาจจะนำไทยไปสู่ภาวะล้มละลาย
ล่าสุดนายริชาร์ด เคลเลอร์ นักวิชาการด้านการเกษตรของเอจีโปรเฟสชั่นแนลได้วิเคราะห์นโยบายการรับจำนำข้าวเปลือกในราคาสูงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ว่าเป็นนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ให้คำมั่นสัญญากับเกษตรกรด้วยการกำหนดราคารับจำนำข้าวในราคาสูงลิ่วเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2554
โครงการรับจำนำข้าวทำให้รัฐต้องรับภาระในการดูแลจัดเก็บข้าวปริมาณมหาศาลไม่ต่ำกว่า 17 ล้านตันแล้วยังนำมาถึงปัญหาการขายข้าวไทยไม่ได้ เพราะข้าวไทยมีราคาสูงกว่าข้าวของประเทศคู่แข่งในตลาดโลกอย่างอินเดียและเวียดนามถึง 5,000 บาทต่อตัน
ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ก็คือข้าวค้างสต๊อกที่ขายไม่ออกกำลังเริ่มเสื่อมสภาพและเน่าเสียจากปัจจัยด้านสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทย ขณะเดียวกันงบประมาณที่ถูกดึงมาใช้รองรับโครงการรับจำนำข้าวก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี
กลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในชนบทยังคงเห็นแก่ผลตอบแทนที่สูงของการรับจำนำข้าวโดยมิได้คำนึงถึงเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเสี่ยงต่อการล้มละลาย นักวิชาการท่านหนึ่งคือนายอนันต์ ดาโลดม อดีตประธานกรรมาธิการเกษตรวุฒิสภาเปิดเผยถึงปัญหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า
เขาได้ต่อสู้ให้ยกเลิกเรื่องการรับจำนำสินค้าเกษตรมาหลายปีโดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้เขาสิ้นหวังและท้อแท้เพราะคนที่ออกมาเรียกร้องล้วนแต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องรับฟังนำไปแก้ไขกลับถูกโจมตีว่าเป็นศัตรูของชาวนาโดยรัฐบาลอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ของเกษตรกร
ปัญหาของชาวนาไทยอยู่ที่ต้นทุนการผลิตสูงเพราะชาวนาต้องว่าจ้างคนมาช่วยเพาะปลูกแถมพันธุ์ข้าวเปลือก ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงมีราคาสูง รัฐบาลจะต้องทบทวนโครงการรับจำนำข้าวโดยตั้งราคารับซื้อในราคาตลาดโลกอย่าตั้งราคาสูงเพื่อต้องการคะแนนเสียงแต่เพียงอย่างเดียวโดยอ้างว่าช่วยคนจน
ข้อเท็จจริงในปัจจุบันก็คือคนในเมืองที่อยู่ในฐานะเป็นคนชั้นกลางในประเทศซึ่งเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้ให้แก่รัฐมากกว่ากลุ่มอื่นเริ่มมีความไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ และเห็นว่าเกษตรกรเอารัดเอาเปรียบคนชั้นกลางเนื่องจากเกษตรกรไทยเป็นอาชีพที่ได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษโดยไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ให้แก่รัฐ
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำตามนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้นมีเป้าหมายใช้คนจนเป็นเครื่องมือในการเดินทางกลับประเทศไทยโดยไม่มีความผิด ซึ่งในที่สุดแล้วจะนำชาติไปสู่ความแตกแยกระหว่างคนในเมืองกับคนในชนบทซึ่งกำลังทวีความแตกแยกที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกที
ที่มา:
http://www.naewna.com/politic/columnist/5354
ปล.วันนี้ คุณเตรียมตัวกันแล้วหรือยัง...เอิ๊ก ๆ ๆ
ระวังประเทศชาติล่มจม....
ล่าสุดนายริชาร์ด เคลเลอร์ นักวิชาการด้านการเกษตรของเอจีโปรเฟสชั่นแนลได้วิเคราะห์นโยบายการรับจำนำข้าวเปลือกในราคาสูงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ว่าเป็นนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ให้คำมั่นสัญญากับเกษตรกรด้วยการกำหนดราคารับจำนำข้าวในราคาสูงลิ่วเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2554
โครงการรับจำนำข้าวทำให้รัฐต้องรับภาระในการดูแลจัดเก็บข้าวปริมาณมหาศาลไม่ต่ำกว่า 17 ล้านตันแล้วยังนำมาถึงปัญหาการขายข้าวไทยไม่ได้ เพราะข้าวไทยมีราคาสูงกว่าข้าวของประเทศคู่แข่งในตลาดโลกอย่างอินเดียและเวียดนามถึง 5,000 บาทต่อตัน
ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ก็คือข้าวค้างสต๊อกที่ขายไม่ออกกำลังเริ่มเสื่อมสภาพและเน่าเสียจากปัจจัยด้านสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทย ขณะเดียวกันงบประมาณที่ถูกดึงมาใช้รองรับโครงการรับจำนำข้าวก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี
กลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในชนบทยังคงเห็นแก่ผลตอบแทนที่สูงของการรับจำนำข้าวโดยมิได้คำนึงถึงเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเสี่ยงต่อการล้มละลาย นักวิชาการท่านหนึ่งคือนายอนันต์ ดาโลดม อดีตประธานกรรมาธิการเกษตรวุฒิสภาเปิดเผยถึงปัญหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า
เขาได้ต่อสู้ให้ยกเลิกเรื่องการรับจำนำสินค้าเกษตรมาหลายปีโดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้เขาสิ้นหวังและท้อแท้เพราะคนที่ออกมาเรียกร้องล้วนแต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องรับฟังนำไปแก้ไขกลับถูกโจมตีว่าเป็นศัตรูของชาวนาโดยรัฐบาลอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ของเกษตรกร
ปัญหาของชาวนาไทยอยู่ที่ต้นทุนการผลิตสูงเพราะชาวนาต้องว่าจ้างคนมาช่วยเพาะปลูกแถมพันธุ์ข้าวเปลือก ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงมีราคาสูง รัฐบาลจะต้องทบทวนโครงการรับจำนำข้าวโดยตั้งราคารับซื้อในราคาตลาดโลกอย่าตั้งราคาสูงเพื่อต้องการคะแนนเสียงแต่เพียงอย่างเดียวโดยอ้างว่าช่วยคนจน
ข้อเท็จจริงในปัจจุบันก็คือคนในเมืองที่อยู่ในฐานะเป็นคนชั้นกลางในประเทศซึ่งเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้ให้แก่รัฐมากกว่ากลุ่มอื่นเริ่มมีความไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ และเห็นว่าเกษตรกรเอารัดเอาเปรียบคนชั้นกลางเนื่องจากเกษตรกรไทยเป็นอาชีพที่ได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษโดยไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ให้แก่รัฐ
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำตามนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้นมีเป้าหมายใช้คนจนเป็นเครื่องมือในการเดินทางกลับประเทศไทยโดยไม่มีความผิด ซึ่งในที่สุดแล้วจะนำชาติไปสู่ความแตกแยกระหว่างคนในเมืองกับคนในชนบทซึ่งกำลังทวีความแตกแยกที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกที
ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/5354
ปล.วันนี้ คุณเตรียมตัวกันแล้วหรือยัง...เอิ๊ก ๆ ๆ