"นี่คือผลงานจาก ไมเคิล ฮาเนเก้ เจ้าของเดียวกันกับ Funny Games หนังสุดแสบและร้ายกาจถึงขีดสุด ผู้รักการทำร้ายจิตใจคนดูเป็นว่าเล่น"...
กับการกลับมาอีกครั้งของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ดูหน้าหนังแล้วก็เหมือนจะเป็นงานดราม่าขายดาราสูงวัยในบทคู่รักช่วงบั้นปลายชีวิตธรรมดาๆ แต่ด้วยความที่พะชื่อ ฮาเนเก้ เอาไว้ อะไรๆมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิด
นี่คืองานดราม่าที่แน่นิ่ง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เรื่องราวของคู่รักสูงวัย จอร์จและแอนนี่ ที่ครองชีวิตคู่กันมาจวบจนช่วงใกล้ฝั่ง ที่ที่สัญญาณความตายได้เบ่งบานผลิดอกออกผลให้พวกเขาเห็น และนั่นก็เป็นที่มาของจุดเปลี่ยนทั้งหลายในเรื่อง ที่จะตีหัวให้คนดูต้องสะเทือนจิตใจและอารมณ์ไม่ต่างจากตอนนั่งดู คู่สามีภรรยาและลูกน้อยถูกทำมิดีมิร้ายโดยไร้เหตุผลใน Funny Games
แต่ด้วยเนื้อหาที่มาพร้อมเหตุและผลในความเป็นไปมากกว่า หนังเรื่องนี้จึงเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชมมากกว่า ผมรู้สึกว่านี่คือเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ในชีวิตของคนเรา ความสะเทือนจิตสะเทือนใจที่หนังยัดเข้ามาไม่บันยะบันยัง มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพียงแต่ส่วนใหญ่มันมีแง่มุมที่ดีที่ให้จดจำมากกว่าที่จะไปคอยจับจ้องเรื่องทื่ร้ายๆ
ฮาเนเก้ขยี้ช่วงเวลาที่แสนจะเจ็บปวดหัวใจระหว่างคู่รักคู่นี้ เมื่อแอนนี่ ล้มป่วยลงอย่างไม่สามารถที่จะทำให้เธอกลับมาเดินเหินได้ปกติเหมือนตอนรักกันใหม่ แต่นั่นมันก็เป็นสัจธรรมของมนุษย์ เกิด รัก แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีมันได้พ้น เพียงแต่ว่าเราจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับเวลา แก่ เจ็บ ตายได้อย่างไร
ด้วยความที่ตัวละครในหนังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความรัก ทำให้หลายครั้ง ผมเห็นถึงความพยายามในการดูแลกันและกันในช่วงสุดท้ายของชีวิต มันเป็นความอบอุ่นที่ฉาบเคลือบไปด้วยความสะเทือนใจ บ่อยครั้งที่มันทำให้จี๊ดเข้าไปในใจเบาๆว่า "นี่มันคือเรื่องจริงของมนุษย์จริงหรือ", "ทำไมมันช่างโหดร้ายถึงเพียงนี้" ฮาเนเก้ ไม่เพียงแต่ขยี้ให้คนดูรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ยังทำให้มันค่อยกัดกินความรู้สึกดีของเราจนหายไปเสียหมด นับเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เขาประสบความสำเร็จในการทำหนังประเภทนี้ จากหน้ามือกลายเป็นหลังมือ และทำให้เรื่องราวทั้งหมดติดอยู่ในหัวผมไม่หายไปไหน
ในส่วนของการแสดงก็ต้องยกเครดิตให้กับ คู่คุณตาคุณยาย อย่างฌอง หลุยส์ ตรินติยองและเอมมานูแอล รีว่า ทั้งคู่สวมบทบาทได้อย่างเป็นธรรมชาติและสามารถจับต้องได้ โดยเฉพาะ รีว่านั้น สมควรอย่างยิ่งในการเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม หลายฉากที่เธอปล่อยพลังการแสดง(ที่เหมือนไม่ได้แสดง) ออกมา เรียกได้ว่าทำให้ขนลุกและเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ...
ความเจ็บป่วย คือสิ่งที่มนุษย์เราไม่อาจหลีกหนีมันพ้น เพียงแต่เราจำต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็วิธีหนึ่ง หลายคนใช้ที่พึ่งทางใจในหลากหลายทางที่คิดว่าดีกับตัวเอง เช่นเดียวกับตัวละครในหนังเรื่องนี้ ต่างก็มีกันและกันเป็นที่พึ่งทางจิตใจ แม้จะต้องพบเจอกับเรื่องราวที่ยากต่อการทำใจได้สักแค่ไหนก็ตาม
ผมชอบที่หนังไม่ใช่งานฟูมฟาย หรือชวนให้ดำดิ่งอะไรเกินไปมากนัก มันเป็นความเจ็บปวดนิ่งๆที่ค่อยๆซึมลึกเข้าสู่จิตใจของคนดูไปทีละเล็กละน้อย มากกว่าที่จะปล่อยให้มันออกมาโฉ่งฉ่างและดูเกินจริง ต้องยกความดีให้ฮาเนเก้ในการคุมเรื่องราวทั้งหมดให้ออกมาเป็นงานดราม่าสะเทือนใจชั้นดี ที่ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าบทสรุปของหนังไร้ซึ่งกลีบกุหลายโรยตามทางเดิน แต่มันเป็นการก้าวไปสู่ความเจ็บปวดได้อย่างสมภาคภูมิในแบบที่มันควรจะเป็น
"ความรักและความตายเป็นของคู่กันเสมอครับ" ^^
อีกหนึ่งหนังที่เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่คุณไม่ควรพลาดครับ ในบ้านเราจะได้ดูกัน 28 ก.พ. นี้
A-
***************************************
ติดตามข่าวสารหรือคุยกันต่อได้ที่
http://www.facebook.com/FilmzlapSocial
http://twitter.com/filmzlap
### หนังดีที่ไม่ควรพลาด Amour : รัก (ไม่)มีวันตาย.... (ไม่สปอยล์)
"นี่คือผลงานจาก ไมเคิล ฮาเนเก้ เจ้าของเดียวกันกับ Funny Games หนังสุดแสบและร้ายกาจถึงขีดสุด ผู้รักการทำร้ายจิตใจคนดูเป็นว่าเล่น"...
กับการกลับมาอีกครั้งของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ดูหน้าหนังแล้วก็เหมือนจะเป็นงานดราม่าขายดาราสูงวัยในบทคู่รักช่วงบั้นปลายชีวิตธรรมดาๆ แต่ด้วยความที่พะชื่อ ฮาเนเก้ เอาไว้ อะไรๆมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิด
นี่คืองานดราม่าที่แน่นิ่ง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เรื่องราวของคู่รักสูงวัย จอร์จและแอนนี่ ที่ครองชีวิตคู่กันมาจวบจนช่วงใกล้ฝั่ง ที่ที่สัญญาณความตายได้เบ่งบานผลิดอกออกผลให้พวกเขาเห็น และนั่นก็เป็นที่มาของจุดเปลี่ยนทั้งหลายในเรื่อง ที่จะตีหัวให้คนดูต้องสะเทือนจิตใจและอารมณ์ไม่ต่างจากตอนนั่งดู คู่สามีภรรยาและลูกน้อยถูกทำมิดีมิร้ายโดยไร้เหตุผลใน Funny Games
แต่ด้วยเนื้อหาที่มาพร้อมเหตุและผลในความเป็นไปมากกว่า หนังเรื่องนี้จึงเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชมมากกว่า ผมรู้สึกว่านี่คือเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ในชีวิตของคนเรา ความสะเทือนจิตสะเทือนใจที่หนังยัดเข้ามาไม่บันยะบันยัง มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพียงแต่ส่วนใหญ่มันมีแง่มุมที่ดีที่ให้จดจำมากกว่าที่จะไปคอยจับจ้องเรื่องทื่ร้ายๆ
ฮาเนเก้ขยี้ช่วงเวลาที่แสนจะเจ็บปวดหัวใจระหว่างคู่รักคู่นี้ เมื่อแอนนี่ ล้มป่วยลงอย่างไม่สามารถที่จะทำให้เธอกลับมาเดินเหินได้ปกติเหมือนตอนรักกันใหม่ แต่นั่นมันก็เป็นสัจธรรมของมนุษย์ เกิด รัก แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีมันได้พ้น เพียงแต่ว่าเราจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับเวลา แก่ เจ็บ ตายได้อย่างไร
ด้วยความที่ตัวละครในหนังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความรัก ทำให้หลายครั้ง ผมเห็นถึงความพยายามในการดูแลกันและกันในช่วงสุดท้ายของชีวิต มันเป็นความอบอุ่นที่ฉาบเคลือบไปด้วยความสะเทือนใจ บ่อยครั้งที่มันทำให้จี๊ดเข้าไปในใจเบาๆว่า "นี่มันคือเรื่องจริงของมนุษย์จริงหรือ", "ทำไมมันช่างโหดร้ายถึงเพียงนี้" ฮาเนเก้ ไม่เพียงแต่ขยี้ให้คนดูรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ยังทำให้มันค่อยกัดกินความรู้สึกดีของเราจนหายไปเสียหมด นับเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เขาประสบความสำเร็จในการทำหนังประเภทนี้ จากหน้ามือกลายเป็นหลังมือ และทำให้เรื่องราวทั้งหมดติดอยู่ในหัวผมไม่หายไปไหน
ในส่วนของการแสดงก็ต้องยกเครดิตให้กับ คู่คุณตาคุณยาย อย่างฌอง หลุยส์ ตรินติยองและเอมมานูแอล รีว่า ทั้งคู่สวมบทบาทได้อย่างเป็นธรรมชาติและสามารถจับต้องได้ โดยเฉพาะ รีว่านั้น สมควรอย่างยิ่งในการเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม หลายฉากที่เธอปล่อยพลังการแสดง(ที่เหมือนไม่ได้แสดง) ออกมา เรียกได้ว่าทำให้ขนลุกและเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ...
ความเจ็บป่วย คือสิ่งที่มนุษย์เราไม่อาจหลีกหนีมันพ้น เพียงแต่เราจำต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็วิธีหนึ่ง หลายคนใช้ที่พึ่งทางใจในหลากหลายทางที่คิดว่าดีกับตัวเอง เช่นเดียวกับตัวละครในหนังเรื่องนี้ ต่างก็มีกันและกันเป็นที่พึ่งทางจิตใจ แม้จะต้องพบเจอกับเรื่องราวที่ยากต่อการทำใจได้สักแค่ไหนก็ตาม
ผมชอบที่หนังไม่ใช่งานฟูมฟาย หรือชวนให้ดำดิ่งอะไรเกินไปมากนัก มันเป็นความเจ็บปวดนิ่งๆที่ค่อยๆซึมลึกเข้าสู่จิตใจของคนดูไปทีละเล็กละน้อย มากกว่าที่จะปล่อยให้มันออกมาโฉ่งฉ่างและดูเกินจริง ต้องยกความดีให้ฮาเนเก้ในการคุมเรื่องราวทั้งหมดให้ออกมาเป็นงานดราม่าสะเทือนใจชั้นดี ที่ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าบทสรุปของหนังไร้ซึ่งกลีบกุหลายโรยตามทางเดิน แต่มันเป็นการก้าวไปสู่ความเจ็บปวดได้อย่างสมภาคภูมิในแบบที่มันควรจะเป็น
"ความรักและความตายเป็นของคู่กันเสมอครับ" ^^
อีกหนึ่งหนังที่เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่คุณไม่ควรพลาดครับ ในบ้านเราจะได้ดูกัน 28 ก.พ. นี้
A-
***************************************
ติดตามข่าวสารหรือคุยกันต่อได้ที่
http://www.facebook.com/FilmzlapSocial
http://twitter.com/filmzlap