เช้าวันเสาร์ ตื่นมาต้องซักผ้าซะหน่อย ว่าแล้วก็ใส่ผ้า ตั้งโปรแกรมหมายเลข 3 ผ้าปรกติ เปิดสวิตท์
เครื่องซักผ้าก็ทำงานดูเหมือนเป็นปรกติ น้ำไหลเข้า จ๊อกๆ
จากปรกติ น้ำซักจะอยู่ที่เส้นน้ำระดับล่าง-เส้นสีเทา-แต่เครื่องไม่หยุดแค่นั้น เครื่องซักผ้า ยังคงปล่อยน้ำลงจนระดับสูงขึ้นๆ จนถึงเส้นน้ำระดับบน-เส้นสีแดง-ซึ่งก็คือระดับน้ำที่จะล้นออกท่อระบาย
เห็นดังนั้น ก็ต้องประมวลผลแล้วว่า เครื่องซักผ้า ที่มีอายุ 15 ปี เริ่มที่จะมีปัญหาอีกแล้ว
ว่าแล้ว คุณนายฯ ก็ให้ไปงานของ The Mall ลดกระหน่ำ ที่เมืองทอง สงสัยว่า จะถึงเวลาจะต้องถอยเครื่องซักผ้าใหม่สักหน่อย
ในงานเครื่องซักผ้าลดกระหน่ำสมชื่อจริง อย่างตัว SS 12kg ซักผ้านวมได้ ราคาขาย 3 หมื่นมีทอนให้ร้อยนึง ถ้าจ่ายบัตรเครดิต ใช้ Point เสริม ลดแล้วเหลือ 22,xxx.- เทคโนโลยีตรวจจับ เต็มไปหมด แต่ถ้าใช้จริง คงจะกดแค่ปุ่ม Auto แค่นั้น
กับอีกตัวที่สเปคเข้าตา ก็เป็นตัว พานา 10kg ซักผ้านวมได้อยู่ ราคาลดแล้วแพงกว่า SS อยู่พันนึง เทคโนโลยีก็แพรวพราวไม่แพ้กัน
ก็มีเวลาคิดคืนนึง ก่อนจะถึงวันอาทิตย์ วันสุดท้ายของงาน
พอเช้าวันอาทิตย์ ก็เลยลองเปิดฝาเครื่องซักผ้ามาดูอาการก่อน เผื่อจะแก้ไขได้ เครื่องซักผ้าตัวนี้ เคยผ่านมือมาแล้วหนนึงปัญหาเรื่องระดับน้ำเหมือนกัน ก็จะอยู่ใน DIY#72 : แก้ปัญหาน้ำไหลเข้าเครื่องซักผ้า ไม่ยอมหยุด
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nongpladao&month=27-04-2010&group=3&gblog=56
ก็เป็นปัญหาที่เกิดเมื่อ เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา
ปัญหาของรอบที่แล้ว เกิดจากตัว Pressure Switch ที่จะทำหน้าที่เช็คระดับน้ำในถัง มันทำงานเพี้ยน น้ำก็เลยไม่ตัด ล้นออก หน้าตาตัว Pressure Switch ก็จะเป็นอย่างนี้ มีชุดต่อสายไฟ ตามรายละเอียดใน DIY#72 ราคาตัวนึงก็สองสามร้อยบาท ถ้าพังก็ต้องซื้อมาเปลี่ยนก็น่าจะหาย
โดยหลักการทำงาน ก็จะเป็นว่า ตัว Pressure Switch จะมีสายยางเส้นเล็กๆ ต่อเข้า ส่วนปลายอีกข้างของสายยาง จะต่อเข้ากับท่อของ ช่องใส่ตะแกรงดักสิ่งสกปรก ที่เปิดได้ที่หน้าเครื่อง และท่อเส้นนี้ก็จะมี ปั้มน้ำ ที่ปลายท่อด้านหลัง ต่อเข้ากับสายระบายน้ำทิ้งของเครื่องซักผ้า
วิธีทำงานของตัว Pressure Switch ก็จะอาศัยแรงลมในสายยาง ที่จะถูกดันขึ้นมาจากปริมาณน้ำ
ถ้าปริมาณน้ำระดับล่าง ที่เครื่องซักผ้าจะใช้ในการปั่นผ้าในขณะซัก ลมที่ถูกดันในสายยางก็จะอยู่ที่ชุดควบคุมชุดที่ 1
เมื่อถึงตอนที่น้ำถูกปล่อยเข้าเครื่อง ในปริมาณระดับบน ที่จะเป็นการล้างผงซักฟอก ปริมาณลมที่อยู่ในสายยางก็จะถูกดันให้แข็งขึ้น ซึ่งจะถูกควบคุมในสวิตท์ชุดที่ 2
โดยหลักการแล้วก็เป็นอย่างนี้ ทีนี้เราก็ลองมาหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องซักผ้าของเรามีปัญหากัน
แรกสุด เราลองมาทดสอบตัว Pressure Switch ว่ายังทำได้ได้เป็นปรกติดีหรือเปล่า ว่าแล้ว ก็ปลดสายยางที่เข้ากับตัว Pressure Switch แล้วหาสายยางอีกเส้นมาสวมไว้แทน แล้วก็ตั้งโปรแกรมเครื่องซักผ้า ไปที่เบอร์ 3 โปรแกรมปล่อยน้ำเข้า แล้วก็เปิดสวิตท์ไฟ
เครื่องซักผ้าจะทำการปล่อยน้ำเข้าเครื่อง เราก็แค่เป่าลมเข้าไปในสายยาง พอลมที่ถูกเป่าเข้าไปครึ่งนึง ตัว Pressure Switch น่าจะตัดไฟของโซลินอยล์น้ำเข้าแล้ว จะมีเสียง "แต๊ก" เป็นการทำงานของโปรแกรมควบคุมชุดที่หนึ่ง เครื่องซักผ้าก็จะทำงานขั้นตอนต่อไป
สำหรับการทดสอบ ถ้าเราเป่าลมเข้าไปในสายยางเพิ่มมากขึ้น ก็จะมีเสียง "แต๊ก" ดังขึ้นอีกหน เป็นการทำงานของโปรแกรมชุดที่สอง
ถ้าทั้งสองจังหวะทำงานได้ตามโปรแกรม ก็แสดงว่า ตัว Pressure Switch ยังไม่เสีย ก็ไปหาสาเหตุปัญหาจุดอื่นต่อไป
ข้อควรระวัง : ขณะทดสอบ อย่าเอามือไปสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะของเครื่องซักผ้า เพราะไม่แน่ว่า เครื่องซักผ้ามีไฟรั่วอยู่รึเปล่า ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นดี
ทีนี้เรามาทดสอบหาสาเหตุกันต่อที่ชุดสายยางส่วนล่าง เราก็เอาสายยางที่ต่อเข้า Pressure Switch มาลองเป่าดู ถ้าตัวสายยางมีสิ่งกีดขวางอยู่ ลมที่ขึ้นมาอาจจะสร้างแรงดันไม่พอ ทำให้ตัว Pressure Switch ทำงานติดๆ ขัดๆ ก็ได้
ก็เลยลองเป่าลมเข้าไปในสายยางดู ตอนแรกเป่ายังงัยก็เป่าไม่เข้า ต้องพยายามหน่อย จนเป่าเข้าในที่สุด สังเกตุว่า ที่ใต้เครื่อง จะมีเสียงลม "บุ๋ง บุ๋ง" จากฟองอากาศในน้ำ สรุปว่า ปัญหาของผมเกิดจากสายยางมันน่าจะตัน
ก็เลยต้องเปิด ช่องดักสิ่งสกปรกด้านหน้าออกมาล้าง คราบต่างๆ เศษชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ของใยผ้า เกาะตรึม
ทีนี้ก็ตั้งโปรแกรมเปิดเครื่องดูใหม่ เครื่องซักผ้าก็ทำงานได้เป็นปรกติแล้ว ปิดคดีได้
--ดีใจ ที่ไม่ต้องเสียเงิน 2 หมื่นกับเครื่องซักผ้า ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีนำสมัย ที่ดูแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแผงควบคุม มีปัญหาขึ้น มาคงต้องเรียกศูนย์อย่างเดียว ไม่เหมือนรุ่นธรรมดา ที่เป็นแมคคานิค
--ดีใจ ที่ไม่ต้องเสียเงิน 2-3 ร้อยกับ Pressure Switch เพราะ ต้องบึ่งตรงไปที่ เซียร์ หรือ บ้านหม้อ ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่
--ดีใจ ที่การแก้ปัญหาครั้งนี้ ใช้แค่ลมปาก เป่าแบบเมาส์ทูเมาส์ แค่นี้เองเครื่องซักผ้า ก็หายงอนกลับมาทำงานได้
ยังงัยเพื่อนสมาชิก เก็บไว้เป็นแนวเผื่อจะมีปัญหา แล้วอยากลองแก้ไขแบบง่ายๆ ด้วยตนเองก่อนนะครับ ยังงัย ก็ย้ำว่า ตอนทำงานกับเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่าพยายามไปสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะ กันเหนียว
ขอบคุณครับที่แวะมาชม
DIY by น้องปลาดาว #97 : แก้ปัญหาเครื่องซักผ้า ปล่อยน้ำไม่ยอมหยุด ด้วยวิธีเมาส์ทูเมาส์
เครื่องซักผ้าก็ทำงานดูเหมือนเป็นปรกติ น้ำไหลเข้า จ๊อกๆ
จากปรกติ น้ำซักจะอยู่ที่เส้นน้ำระดับล่าง-เส้นสีเทา-แต่เครื่องไม่หยุดแค่นั้น เครื่องซักผ้า ยังคงปล่อยน้ำลงจนระดับสูงขึ้นๆ จนถึงเส้นน้ำระดับบน-เส้นสีแดง-ซึ่งก็คือระดับน้ำที่จะล้นออกท่อระบาย
เห็นดังนั้น ก็ต้องประมวลผลแล้วว่า เครื่องซักผ้า ที่มีอายุ 15 ปี เริ่มที่จะมีปัญหาอีกแล้ว
ว่าแล้ว คุณนายฯ ก็ให้ไปงานของ The Mall ลดกระหน่ำ ที่เมืองทอง สงสัยว่า จะถึงเวลาจะต้องถอยเครื่องซักผ้าใหม่สักหน่อย
ในงานเครื่องซักผ้าลดกระหน่ำสมชื่อจริง อย่างตัว SS 12kg ซักผ้านวมได้ ราคาขาย 3 หมื่นมีทอนให้ร้อยนึง ถ้าจ่ายบัตรเครดิต ใช้ Point เสริม ลดแล้วเหลือ 22,xxx.- เทคโนโลยีตรวจจับ เต็มไปหมด แต่ถ้าใช้จริง คงจะกดแค่ปุ่ม Auto แค่นั้น
กับอีกตัวที่สเปคเข้าตา ก็เป็นตัว พานา 10kg ซักผ้านวมได้อยู่ ราคาลดแล้วแพงกว่า SS อยู่พันนึง เทคโนโลยีก็แพรวพราวไม่แพ้กัน
ก็มีเวลาคิดคืนนึง ก่อนจะถึงวันอาทิตย์ วันสุดท้ายของงาน
พอเช้าวันอาทิตย์ ก็เลยลองเปิดฝาเครื่องซักผ้ามาดูอาการก่อน เผื่อจะแก้ไขได้ เครื่องซักผ้าตัวนี้ เคยผ่านมือมาแล้วหนนึงปัญหาเรื่องระดับน้ำเหมือนกัน ก็จะอยู่ใน DIY#72 : แก้ปัญหาน้ำไหลเข้าเครื่องซักผ้า ไม่ยอมหยุด
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nongpladao&month=27-04-2010&group=3&gblog=56
ก็เป็นปัญหาที่เกิดเมื่อ เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา
ปัญหาของรอบที่แล้ว เกิดจากตัว Pressure Switch ที่จะทำหน้าที่เช็คระดับน้ำในถัง มันทำงานเพี้ยน น้ำก็เลยไม่ตัด ล้นออก หน้าตาตัว Pressure Switch ก็จะเป็นอย่างนี้ มีชุดต่อสายไฟ ตามรายละเอียดใน DIY#72 ราคาตัวนึงก็สองสามร้อยบาท ถ้าพังก็ต้องซื้อมาเปลี่ยนก็น่าจะหาย
โดยหลักการทำงาน ก็จะเป็นว่า ตัว Pressure Switch จะมีสายยางเส้นเล็กๆ ต่อเข้า ส่วนปลายอีกข้างของสายยาง จะต่อเข้ากับท่อของ ช่องใส่ตะแกรงดักสิ่งสกปรก ที่เปิดได้ที่หน้าเครื่อง และท่อเส้นนี้ก็จะมี ปั้มน้ำ ที่ปลายท่อด้านหลัง ต่อเข้ากับสายระบายน้ำทิ้งของเครื่องซักผ้า
วิธีทำงานของตัว Pressure Switch ก็จะอาศัยแรงลมในสายยาง ที่จะถูกดันขึ้นมาจากปริมาณน้ำ
ถ้าปริมาณน้ำระดับล่าง ที่เครื่องซักผ้าจะใช้ในการปั่นผ้าในขณะซัก ลมที่ถูกดันในสายยางก็จะอยู่ที่ชุดควบคุมชุดที่ 1
เมื่อถึงตอนที่น้ำถูกปล่อยเข้าเครื่อง ในปริมาณระดับบน ที่จะเป็นการล้างผงซักฟอก ปริมาณลมที่อยู่ในสายยางก็จะถูกดันให้แข็งขึ้น ซึ่งจะถูกควบคุมในสวิตท์ชุดที่ 2
โดยหลักการแล้วก็เป็นอย่างนี้ ทีนี้เราก็ลองมาหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องซักผ้าของเรามีปัญหากัน
แรกสุด เราลองมาทดสอบตัว Pressure Switch ว่ายังทำได้ได้เป็นปรกติดีหรือเปล่า ว่าแล้ว ก็ปลดสายยางที่เข้ากับตัว Pressure Switch แล้วหาสายยางอีกเส้นมาสวมไว้แทน แล้วก็ตั้งโปรแกรมเครื่องซักผ้า ไปที่เบอร์ 3 โปรแกรมปล่อยน้ำเข้า แล้วก็เปิดสวิตท์ไฟ
เครื่องซักผ้าจะทำการปล่อยน้ำเข้าเครื่อง เราก็แค่เป่าลมเข้าไปในสายยาง พอลมที่ถูกเป่าเข้าไปครึ่งนึง ตัว Pressure Switch น่าจะตัดไฟของโซลินอยล์น้ำเข้าแล้ว จะมีเสียง "แต๊ก" เป็นการทำงานของโปรแกรมควบคุมชุดที่หนึ่ง เครื่องซักผ้าก็จะทำงานขั้นตอนต่อไป
สำหรับการทดสอบ ถ้าเราเป่าลมเข้าไปในสายยางเพิ่มมากขึ้น ก็จะมีเสียง "แต๊ก" ดังขึ้นอีกหน เป็นการทำงานของโปรแกรมชุดที่สอง
ถ้าทั้งสองจังหวะทำงานได้ตามโปรแกรม ก็แสดงว่า ตัว Pressure Switch ยังไม่เสีย ก็ไปหาสาเหตุปัญหาจุดอื่นต่อไป
ข้อควรระวัง : ขณะทดสอบ อย่าเอามือไปสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะของเครื่องซักผ้า เพราะไม่แน่ว่า เครื่องซักผ้ามีไฟรั่วอยู่รึเปล่า ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นดี
ทีนี้เรามาทดสอบหาสาเหตุกันต่อที่ชุดสายยางส่วนล่าง เราก็เอาสายยางที่ต่อเข้า Pressure Switch มาลองเป่าดู ถ้าตัวสายยางมีสิ่งกีดขวางอยู่ ลมที่ขึ้นมาอาจจะสร้างแรงดันไม่พอ ทำให้ตัว Pressure Switch ทำงานติดๆ ขัดๆ ก็ได้
ก็เลยลองเป่าลมเข้าไปในสายยางดู ตอนแรกเป่ายังงัยก็เป่าไม่เข้า ต้องพยายามหน่อย จนเป่าเข้าในที่สุด สังเกตุว่า ที่ใต้เครื่อง จะมีเสียงลม "บุ๋ง บุ๋ง" จากฟองอากาศในน้ำ สรุปว่า ปัญหาของผมเกิดจากสายยางมันน่าจะตัน
ก็เลยต้องเปิด ช่องดักสิ่งสกปรกด้านหน้าออกมาล้าง คราบต่างๆ เศษชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ของใยผ้า เกาะตรึม
ทีนี้ก็ตั้งโปรแกรมเปิดเครื่องดูใหม่ เครื่องซักผ้าก็ทำงานได้เป็นปรกติแล้ว ปิดคดีได้
--ดีใจ ที่ไม่ต้องเสียเงิน 2 หมื่นกับเครื่องซักผ้า ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีนำสมัย ที่ดูแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแผงควบคุม มีปัญหาขึ้น มาคงต้องเรียกศูนย์อย่างเดียว ไม่เหมือนรุ่นธรรมดา ที่เป็นแมคคานิค
--ดีใจ ที่ไม่ต้องเสียเงิน 2-3 ร้อยกับ Pressure Switch เพราะ ต้องบึ่งตรงไปที่ เซียร์ หรือ บ้านหม้อ ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่
--ดีใจ ที่การแก้ปัญหาครั้งนี้ ใช้แค่ลมปาก เป่าแบบเมาส์ทูเมาส์ แค่นี้เองเครื่องซักผ้า ก็หายงอนกลับมาทำงานได้
ยังงัยเพื่อนสมาชิก เก็บไว้เป็นแนวเผื่อจะมีปัญหา แล้วอยากลองแก้ไขแบบง่ายๆ ด้วยตนเองก่อนนะครับ ยังงัย ก็ย้ำว่า ตอนทำงานกับเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่าพยายามไปสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะ กันเหนียว
ขอบคุณครับที่แวะมาชม