นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย อัด “สุเทพ” เบี่ยงประเด็น ท้าสาบานวัดพระแก้วหากบริสุทธิ์ใจ-ไม่รู้จักผู้บริหาร “พีซีซี" เย้ยฟ้องกลับ "ธาริต" แค่แก้เกี้ยว...
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน จำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ และไม่รู้จักผู้บริหารของบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด คู่สัญญากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งอ้างว่าโครงการดังกล่าวเริ่มในสมัยที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายสุเทพพยายามเบี่ยงเบนประเด็น สร้างความสับสน โยนบาปให้กับรัฐบาลนายสมชาย เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น รัฐบาลนายสมชายดำเนินการทุกอย่างตามระเบียบขั้นตอนที่จะให้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโรงพักเก่าที่ชำรุด ใช้งานมา 20-30 ปี โดยให้มีการกระจายอำนาจไปดำเนินการ แต่เมื่อนายสุเทพมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล สตช. ได้ลงนามเปลี่ยนแปลงสัญญาจากการกระจายเป็นรายภาค ให้มารวมศูนย์จนเป็นที่มาของเอกชนรายเดียวได้รับงานไปจนเกิดความเสียหายขึ้น
อยากถามถึงการเปลี่ยนใจดังกล่าวของนายสุเทพว่าเป็นเพราะอะไร มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องหรือไม่ ตนขอท้านายสุเทพให้ไปสาบานที่วัดพระแก้วกับตน เมื่อใดก็ได้ กรณีที่บอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดปกติในโครงการดังกล่าว รวมทั้งไม่รู้จักกับผู้บริหารของบริษัทพีซีซีนั้นเป็นความจริง หรือเป็นเรื่องโกหก อยากให้นายสุเทพแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก่อนที่ความรับผิดชอบทางกฎหมายจะมาถึง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่จะฟ้องกลับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้น น่าจะเป็นแค่การฟ้องแก้เกี้ยว กดดันพนักงานสอบสวนมากกว่า อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และภาค 4 ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาฯ ว่า ภาค 3 ได้งบประมาณสร้างโรงพักทดแทน 61 แห่ง รื้อถอนไป 18 แห่ง แต่ทุกแห่งมีการทิ้งงานหมด ขณะที่ภาค 4 ได้งบสร้าง 99 แห่ง รื้อถอนไป 44 แห่ง และมีการทิ้งงานทั้งหมด ไม่เสร็จแม้แต่แห่งเดียวเช่นกัน สร้างความเดือดร้อนให้กับตำรวจมา 2 ปีกว่า แต่ยังไม่มีใครรับผิดชอบ ทุกวันนี้ต้องเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ใช้สถานีตำรวจเป็นบ่อเลี้ยงปลานิล เลี้ยงเขียด เลี้ยงกบ เปลี่ยนชื่อโรงพักเป็น สภ.อ.ปลานิล ถ้าหากฤดูฝนปีนี้ยังไม่มีการแก้ไข ก็เตรียมที่จะปลูกผักกันแล้ว เรื่องนี้ถือว่าอดีตผู้บริหารบางคนได้สร้างตราบาปให้กับตำรวจทั่วประเทศ.
http://www.thairath.co.th/content/pol/325257
ว่าไงล่ะเทือก ช่วยไปสาบานวัดพระแก้วหน่อยนะ ไหนๆ ก็ออกจากรูมาแล้ว ถ้าไม่ผิดจะกลัวอะไร
'เด็จพี่'ท้าสุเทพสาบานวัดพระแก้ว หยันฟ้องดีเอสไอแก้เกี้ยว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย อัด “สุเทพ” เบี่ยงประเด็น ท้าสาบานวัดพระแก้วหากบริสุทธิ์ใจ-ไม่รู้จักผู้บริหาร “พีซีซี" เย้ยฟ้องกลับ "ธาริต" แค่แก้เกี้ยว...
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน จำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ และไม่รู้จักผู้บริหารของบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด คู่สัญญากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งอ้างว่าโครงการดังกล่าวเริ่มในสมัยที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายสุเทพพยายามเบี่ยงเบนประเด็น สร้างความสับสน โยนบาปให้กับรัฐบาลนายสมชาย เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น รัฐบาลนายสมชายดำเนินการทุกอย่างตามระเบียบขั้นตอนที่จะให้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโรงพักเก่าที่ชำรุด ใช้งานมา 20-30 ปี โดยให้มีการกระจายอำนาจไปดำเนินการ แต่เมื่อนายสุเทพมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล สตช. ได้ลงนามเปลี่ยนแปลงสัญญาจากการกระจายเป็นรายภาค ให้มารวมศูนย์จนเป็นที่มาของเอกชนรายเดียวได้รับงานไปจนเกิดความเสียหายขึ้น
อยากถามถึงการเปลี่ยนใจดังกล่าวของนายสุเทพว่าเป็นเพราะอะไร มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องหรือไม่ ตนขอท้านายสุเทพให้ไปสาบานที่วัดพระแก้วกับตน เมื่อใดก็ได้ กรณีที่บอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดปกติในโครงการดังกล่าว รวมทั้งไม่รู้จักกับผู้บริหารของบริษัทพีซีซีนั้นเป็นความจริง หรือเป็นเรื่องโกหก อยากให้นายสุเทพแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก่อนที่ความรับผิดชอบทางกฎหมายจะมาถึง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่จะฟ้องกลับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้น น่าจะเป็นแค่การฟ้องแก้เกี้ยว กดดันพนักงานสอบสวนมากกว่า อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และภาค 4 ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาฯ ว่า ภาค 3 ได้งบประมาณสร้างโรงพักทดแทน 61 แห่ง รื้อถอนไป 18 แห่ง แต่ทุกแห่งมีการทิ้งงานหมด ขณะที่ภาค 4 ได้งบสร้าง 99 แห่ง รื้อถอนไป 44 แห่ง และมีการทิ้งงานทั้งหมด ไม่เสร็จแม้แต่แห่งเดียวเช่นกัน สร้างความเดือดร้อนให้กับตำรวจมา 2 ปีกว่า แต่ยังไม่มีใครรับผิดชอบ ทุกวันนี้ต้องเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ใช้สถานีตำรวจเป็นบ่อเลี้ยงปลานิล เลี้ยงเขียด เลี้ยงกบ เปลี่ยนชื่อโรงพักเป็น สภ.อ.ปลานิล ถ้าหากฤดูฝนปีนี้ยังไม่มีการแก้ไข ก็เตรียมที่จะปลูกผักกันแล้ว เรื่องนี้ถือว่าอดีตผู้บริหารบางคนได้สร้างตราบาปให้กับตำรวจทั่วประเทศ.
http://www.thairath.co.th/content/pol/325257
ว่าไงล่ะเทือก ช่วยไปสาบานวัดพระแก้วหน่อยนะ ไหนๆ ก็ออกจากรูมาแล้ว ถ้าไม่ผิดจะกลัวอะไร