ผมห่างห้องสินธรมากว่า 10 ปี ไม่ได้ไปไหน ก็ยังค้าหุ้นอยู่ เหมือนเคย แต่ เวลาส่วนใหญ่ไปศึกษา ระบบ สาเหตุการขาดทุนของคนค้าหุ้น ช่วงนี้ห้องสินธรเปิดโอกาสแปลงโฉมใหม่ ก็มีโอกาสเข้ามาดู ปรากฎว่า คำถาม 90% ยังเหมือนเดิม คือ ถาม ว่าหุ้นตนเองถือจะไปไหน จะลงจะขึ้น และคำตอบก็เหมือนเดิมคือ ไม่ค่อยตรงตามคำถาม ลางคนตอบเฉไปนอกประเด็น ก็ดีครับ เป็นความหลากหลายของสังคมที่มีทุกเพศทุกวัย ทุกประสพการณ์ และที่สำคัญ ทุกท่านก็เป็นมนุษย์ มีจืตนาการ จิตปรุงแต่งก็มากเช่นเคย (โลกียชน)
คนที่เข้าระบบค้าหุ้น ก็มี 2 อย่าง เล่นแบบยึดปัจจัยพื้นฐาน แต่ก็แตกสาขาออกไป เช่น ยึดไม่จริง คือ เวลาตกใจหรือ หุ้นลงก็ขาย ๆ ซื้อ ๆ เป็นแบบรายวัน แต่ปากก็ตะโกนว่าตามข่าวข้อมูล (เสมือนตนเองมีทักษะ เพราะต้องขายเมื่อมีโอกาส ราคาสูงกว่า พื้นฐาน ซื้อเมื่อมีโอกาส ราคาต่ำกว่า พื้นฐาน แต่หลายท่านไม่สามารถตอบว่า ราคาพื้นฐานจริง ๆ คือ เท่าใด แม้ นักวิเคราะห์ก็มีความเห็นต่างเสมอ ๆ
ความจริง การค้าหุ้นแบบที่ว่า ลงทุนนั้น หากอิงตามะบบจริง ในกฎหมายก็มีกำหนดเวลา เช่นให้ บจ ประกาศผลประกอบการทุก ไตรมาส ดังนั้น ใครบอกว่าเป็นนักลงทุนแต่ถือหุ้นน้อยกว่า 3 เดือน (ไม่สนใจราคาระหว่าง 3 เดือนที่ถือ ไปดูผลประกอบการอีก 3 เดือนค่อยตัดสินใจถือต่อหรือขายทิ้ง ตามราคาตลาดขณะนั้น ๆ ไม่ใช่มองส่วนต่างบนกระดานแล้วก็บอกว่ามีกำไร ขาย แบบนี้ก็เก็งกำไรขัดเจน)
ส่วนอีกกลุ่มก็เล่นแบบเก็งกำไร ทั้งระยะสั้นและยาว ส่วนมากอาศัยดูกราฟเป็นหลัก ก็ขึ้นกับศักยภาพตนเอง มีเงินเย็น ๆ ตั้งค่า พารามิเตอร์ ไกลนาน 200 วัน หากไม่แน่ใจตลาดก็ตั้งสั้น 50 - 25 วัน ส่วนอีกกลุ่มก็ ต๊อดกินไปเรื่อย ๆ ก็ต้องมีกลยุทธสำคัญซ่อนไว้ในใจด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการตัดสินใจเป็นเรื่องหลักมาก ๆ ของคนค้าหุ้นกลุ่มนี้ มันยากกว่า แบบพื้นฐานหรือเก็งระยะยาว เพราะการใช้เวลานาน เป็นการอาศัย ตัวเวลาเป็น ตัวละลายความเสี่ยง เป็นตัวปลอบใจ เป็นตัวช่วยประคองใจ (เวลา)
ทุกรูปแบบ ล้วนต้องมีกลยุทธเฉพาะตน ไม่ต้องมาโทษใส่กัน ไม่ต้องอวดอ้างกัน เพราะทุกกลยุทธมันจะพอดีและเหมาะสมกับแต่ละคนที่มีสถานะต่างกัน (สถานะคือ มีเงินมากน้อย ต่างกัน มีความรู้ต่างกัน มีใจสู้ใจอนุรักษ์ต่างกัน มีวัยต่างกัน มีไฟในใจต่างกัน มีสิ่งแวดล้อมต่างกันฯลฯ) เพียงแค่จะบอกให้นักค้าหุ้นทั้งหลายรู้ว่า กลยุทธนั้นสำคัญที่สุดที่จะแทรกเข้าไปในระบบค้าหุ้นของตนเอง
ตอนนี้จะฝาก ภาษิตให้ 3 ข้อ
1....กำไรตลาดเป็นผู้ให้ ขาดทุนเราทำเอง....
2....7 ส่วนฝีมือ 3 ส่วนโชคช่วย.....
3....ตลาดเป็นระบบสมดุลย์เสมอ ดังนั้น หากได้ยินมีคนกำไรรวยเละ 1 คน คือ มีคนขาดทุนให้นับพันนับหมื่น ทางกลับกันก็เช่นกัน
ขอให้โชคดี
nowya...กลยุทธยังเป็นเรื่องหลัก ในการค้าหุ้นเสมอ
คนที่เข้าระบบค้าหุ้น ก็มี 2 อย่าง เล่นแบบยึดปัจจัยพื้นฐาน แต่ก็แตกสาขาออกไป เช่น ยึดไม่จริง คือ เวลาตกใจหรือ หุ้นลงก็ขาย ๆ ซื้อ ๆ เป็นแบบรายวัน แต่ปากก็ตะโกนว่าตามข่าวข้อมูล (เสมือนตนเองมีทักษะ เพราะต้องขายเมื่อมีโอกาส ราคาสูงกว่า พื้นฐาน ซื้อเมื่อมีโอกาส ราคาต่ำกว่า พื้นฐาน แต่หลายท่านไม่สามารถตอบว่า ราคาพื้นฐานจริง ๆ คือ เท่าใด แม้ นักวิเคราะห์ก็มีความเห็นต่างเสมอ ๆ
ความจริง การค้าหุ้นแบบที่ว่า ลงทุนนั้น หากอิงตามะบบจริง ในกฎหมายก็มีกำหนดเวลา เช่นให้ บจ ประกาศผลประกอบการทุก ไตรมาส ดังนั้น ใครบอกว่าเป็นนักลงทุนแต่ถือหุ้นน้อยกว่า 3 เดือน (ไม่สนใจราคาระหว่าง 3 เดือนที่ถือ ไปดูผลประกอบการอีก 3 เดือนค่อยตัดสินใจถือต่อหรือขายทิ้ง ตามราคาตลาดขณะนั้น ๆ ไม่ใช่มองส่วนต่างบนกระดานแล้วก็บอกว่ามีกำไร ขาย แบบนี้ก็เก็งกำไรขัดเจน)
ส่วนอีกกลุ่มก็เล่นแบบเก็งกำไร ทั้งระยะสั้นและยาว ส่วนมากอาศัยดูกราฟเป็นหลัก ก็ขึ้นกับศักยภาพตนเอง มีเงินเย็น ๆ ตั้งค่า พารามิเตอร์ ไกลนาน 200 วัน หากไม่แน่ใจตลาดก็ตั้งสั้น 50 - 25 วัน ส่วนอีกกลุ่มก็ ต๊อดกินไปเรื่อย ๆ ก็ต้องมีกลยุทธสำคัญซ่อนไว้ในใจด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการตัดสินใจเป็นเรื่องหลักมาก ๆ ของคนค้าหุ้นกลุ่มนี้ มันยากกว่า แบบพื้นฐานหรือเก็งระยะยาว เพราะการใช้เวลานาน เป็นการอาศัย ตัวเวลาเป็น ตัวละลายความเสี่ยง เป็นตัวปลอบใจ เป็นตัวช่วยประคองใจ (เวลา)
ทุกรูปแบบ ล้วนต้องมีกลยุทธเฉพาะตน ไม่ต้องมาโทษใส่กัน ไม่ต้องอวดอ้างกัน เพราะทุกกลยุทธมันจะพอดีและเหมาะสมกับแต่ละคนที่มีสถานะต่างกัน (สถานะคือ มีเงินมากน้อย ต่างกัน มีความรู้ต่างกัน มีใจสู้ใจอนุรักษ์ต่างกัน มีวัยต่างกัน มีไฟในใจต่างกัน มีสิ่งแวดล้อมต่างกันฯลฯ) เพียงแค่จะบอกให้นักค้าหุ้นทั้งหลายรู้ว่า กลยุทธนั้นสำคัญที่สุดที่จะแทรกเข้าไปในระบบค้าหุ้นของตนเอง
ตอนนี้จะฝาก ภาษิตให้ 3 ข้อ
1....กำไรตลาดเป็นผู้ให้ ขาดทุนเราทำเอง....
2....7 ส่วนฝีมือ 3 ส่วนโชคช่วย.....
3....ตลาดเป็นระบบสมดุลย์เสมอ ดังนั้น หากได้ยินมีคนกำไรรวยเละ 1 คน คือ มีคนขาดทุนให้นับพันนับหมื่น ทางกลับกันก็เช่นกัน
ขอให้โชคดี