น้องที่เคยรู้จักกันมาขอความช่วยเหลือ (ไม่เคยคุยกันมานานมากแล้ว) โดยเค้าบอกว่า เค้ามีความทุกข์ใจโดยไม่ทราบสาเหตุ อีกอย่างเค้าเป็นชาวพุทธอยากให้ผมแนะนำหนังสือพุทธที่อ่านง่ายๆ เพราะก่อนหน้านี้เค้าเคยไปถามหลายคน บางคนก็แนะหนังสือ บางคนก็แนะให้ไปวิปัสนา เค้าเคยลองแล้วแต่มันไม่ได้ผล
เค้าคิดว่าผมเข้าใจเค้าและน่าจะช่วยแนะนำเค้าได้ เค้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจ (เค้าคงไม่รู้ว่าผมเองก็ยังโง่เง่า บางครั้งก็ครองสติไม่ได้ ปล่อยไปตามอารมณ์ เหมือนๆ เค้านั่นแหละ)
โดยส่วนตัวผม ที่เค้าพูดผมว่าก็มีส่วนถูกนะ ผมคิดว่าผมเข้าใจเค้าอยู่บ้าง (แต่ก็ไม่ทั้งหมด) อีกอย่างผมว่าปัญหาไม่ได้มาจากหนังสือหรอก ปัญหาน่าจะมาจากตัวตนของเค้าเองมากกว่า สำหรับผมศาสนาพุทธเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การเข้า"ใจ" ต้องใช้ใจที่ละเอียดอ่อนถึงจะ เข้า"ใจ" ได้ การทำให้ใจละเอียดอ่อน ก็ต้องใช้การปฏิบัติเพื่อขัดเกลาจิตใจ จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
ผมบอกเค้าว่า "เปรียบง่ายๆ เหมือนน้องอยากจะมีสุขภาพที่แข็งแรง น้องไปถามใครๆ เค้าก็แนะให้ไปออกกำลังกายโดยการวิ่งจ๊อกกิ้งทั้งนั้นแหละ น้องก็ไปวิ่งจ๊อกกิ้งกับเค้า แต่พอเริ่มวิ่ง น้องก็เจ็บเท้าและไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรดีขึ้นนอกจากเจ็บเท้า แต่พี่รู้ว่าน้องมีแผลที่เท้า น้องต้องไปรักษาแผลที่เท้าก่อน แล้วค่อยมาวิ่งจ๊อกกิ้ง"
ผมอยากช่วยเค้า แต่ผมก็มีความกังวล สุดท้ายผมจึงมีข้อเสนอว่า
1. ถ้าจะให้ผมแนะ ถ้าทำแล้วไม่ได้ผล ให้ชั่งใจคิดก่อนจะว่าอะไรผม (เค้ามีพรสวรรค์ในการใช้คำพูดเชือดเฉือนใจ และผมเคยโดนมาหลายครั้งแล้ว)
เค้าไม่กล้ารับปาก โดยบอกว่ามันเป็นนิสัยเค้า ถ้าเค้าโมโหหรือไม่พอใจต่อให้ช้างทั้งโขลงก็ฉุดไม่อยู่
2. ผมบอกว่า ถ้างั้นหากทำไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเค้าหายโมโห ก็ให้แก้ปัญหาด้วยการขอโทษผม
เค้าบอกว่า การขอโทษเป็นเรื่องที่ยากที่สุดของเค้า เค้าทำไม่ได้แน่ๆ
สุดท้ายเค้าบอกว่า งั้นผมก็ไม่ต้องช่วยเค้าหรอก เค้ากลัวผมไม่สบายใจ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้จะทำยังไงตอบตกลงเค้าไป เราจากกันด้วยดี
แต่ผ่านไปคืนนึง ผมมานั่งคิดดู ผมเองนี่แหละที่เป็นคนใจดำไปสร้างเงื่อนไข อะไรมากมาย เห็นคนตกน้ำก็ยังไม่ช่วย เลยมาขอพื้นที่ระบายความในใจ ขอบคุณครับ
ผมเป็นคนใจดำและเห็นแก่ตัว
เค้าคิดว่าผมเข้าใจเค้าและน่าจะช่วยแนะนำเค้าได้ เค้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจ (เค้าคงไม่รู้ว่าผมเองก็ยังโง่เง่า บางครั้งก็ครองสติไม่ได้ ปล่อยไปตามอารมณ์ เหมือนๆ เค้านั่นแหละ)
โดยส่วนตัวผม ที่เค้าพูดผมว่าก็มีส่วนถูกนะ ผมคิดว่าผมเข้าใจเค้าอยู่บ้าง (แต่ก็ไม่ทั้งหมด) อีกอย่างผมว่าปัญหาไม่ได้มาจากหนังสือหรอก ปัญหาน่าจะมาจากตัวตนของเค้าเองมากกว่า สำหรับผมศาสนาพุทธเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การเข้า"ใจ" ต้องใช้ใจที่ละเอียดอ่อนถึงจะ เข้า"ใจ" ได้ การทำให้ใจละเอียดอ่อน ก็ต้องใช้การปฏิบัติเพื่อขัดเกลาจิตใจ จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
ผมบอกเค้าว่า "เปรียบง่ายๆ เหมือนน้องอยากจะมีสุขภาพที่แข็งแรง น้องไปถามใครๆ เค้าก็แนะให้ไปออกกำลังกายโดยการวิ่งจ๊อกกิ้งทั้งนั้นแหละ น้องก็ไปวิ่งจ๊อกกิ้งกับเค้า แต่พอเริ่มวิ่ง น้องก็เจ็บเท้าและไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรดีขึ้นนอกจากเจ็บเท้า แต่พี่รู้ว่าน้องมีแผลที่เท้า น้องต้องไปรักษาแผลที่เท้าก่อน แล้วค่อยมาวิ่งจ๊อกกิ้ง"
ผมอยากช่วยเค้า แต่ผมก็มีความกังวล สุดท้ายผมจึงมีข้อเสนอว่า
1. ถ้าจะให้ผมแนะ ถ้าทำแล้วไม่ได้ผล ให้ชั่งใจคิดก่อนจะว่าอะไรผม (เค้ามีพรสวรรค์ในการใช้คำพูดเชือดเฉือนใจ และผมเคยโดนมาหลายครั้งแล้ว)
เค้าไม่กล้ารับปาก โดยบอกว่ามันเป็นนิสัยเค้า ถ้าเค้าโมโหหรือไม่พอใจต่อให้ช้างทั้งโขลงก็ฉุดไม่อยู่
2. ผมบอกว่า ถ้างั้นหากทำไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเค้าหายโมโห ก็ให้แก้ปัญหาด้วยการขอโทษผม
เค้าบอกว่า การขอโทษเป็นเรื่องที่ยากที่สุดของเค้า เค้าทำไม่ได้แน่ๆ
สุดท้ายเค้าบอกว่า งั้นผมก็ไม่ต้องช่วยเค้าหรอก เค้ากลัวผมไม่สบายใจ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้จะทำยังไงตอบตกลงเค้าไป เราจากกันด้วยดี
แต่ผ่านไปคืนนึง ผมมานั่งคิดดู ผมเองนี่แหละที่เป็นคนใจดำไปสร้างเงื่อนไข อะไรมากมาย เห็นคนตกน้ำก็ยังไม่ช่วย เลยมาขอพื้นที่ระบายความในใจ ขอบคุณครับ