http://www.siangtai.com/new/index2.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=1076
กรณีวีระ-ราตรี ใครพาใครไปติดคุก ใครพาใครไปตาย ใยไม่ช่วย?
บทวิเคราะห์การเมือง : อัพเดทเมื่อ จันทร์ ที่ 23 เดือน กรกฏาคม พ.ศ.2555
พลันที่นายวีระ สมความคิด พร้อมกับพลพรรคที่มีทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสถานะเป็นถึงเลขานุการรัฐมนตรีหรือผู้ช่วยรัฐมนตรี พร้อมกับแกนนำของสันติอโศก โดนจับกุมที่บริเวณเขาพระวิหาร กลายเป็นข่าวใหญ่ในขณะนั้น อันเป็นขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการบริหารประเทศ
อันเป็นขณะเดียวกันกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายใต้การนำของนายสนธิ ลิ้มทองกุล,พลตรีจำลอง ศรีเมือง,นายสมศักดิ์ โกสัยสุข,นายสุริยะใส กตศิลา กำลังเป็นใหญ่ในแผ่นดิน พลันที่รัฐบาลของนายฮุนเซ็นจับตัวได้ เกิดอาการร้อนตัวภายในรัฐบาลที่มีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นคู่กัดของนายฮุนเซ็น ถึงขนาดใช้ตำแหน่งหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เข้าไปนั่งรอเพื่อเข้าพบนายฮุนเซ็นเป็นเวลานับชั่วโมง เสมือนหนึ่งหาได้มองไม่ว่า เป็นแขกที่น่ามีเกียรติในการให้การต้อนรับขับสู้ พลันที่มีการส่งนักโทษทั้งหมดเข้าสู่เรือนจำ และต้องให้การในชั้นศาล
น่าแปลกที่นักการเมืองที่แหกปากร้องว่า แผ่นดินที่ตัวเองเข้าไปเหยียบเป็นแผ่นดินของไทย แถมยังมีตำแหน่งหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฏรของพรรครัฐบาลในขณะนั้น กลับยอมสารภาพต่อหน้าศาลกัมพูชาหน้าตาเฉยว่า บุกรุกและรุกล้ำดินแดนของกัมพูชาจริง เพื่อเอาตัวรอดกลับมาประเทศไทย โดยไร้ยางอายว่า ที่ไปกล่าวหาว่า แผ่นดินของไทยแต่ถูกเขมรปล้น กลับกลายเป็นสารภาพกลายเป็นประเด็นที่จะต้องนำเข้าประกอบในศาลโลกและ คำสารภาพของคนที่เรียกตัวเองว่า แกนนำระดับสูงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของประเทศไทยในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นเอกสารและพยานสำคัญในการยืนยันต่อศาลโลกว่า แท้ที่จริงที่คนไทยส่วนหนึ่ง กลุ่มหนึ่งไปเย้วๆ กลายเป็นว่า สารภาพว่า ที่ดินเหล่านั้นเป็นของกัมพูชา กลายเป็นความเสียเปรียบในการต่อสู้ทางการศาลในชั้นศาลโลกขึ้นมาโดยพลัน
น่าแปลก ที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและแกนนำกลุ่มสันติอโศกภายใต้การนำของพลตรีจำลอง ศรีเมืองที่สนับสนุนให้ นายวีระ สมความคิด นางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ออกมาเย้วๆ เรียกร้องในห้วงระยะที่พรรคประชาธิปัตย์ครองแผ่นดินบริหารประเทศ แต่หลังจากนั้นเมื่อข่าวคราวเกี่ยวกับนายวีระและนางสาวราตรีเงียบหายไป ไม่มีแกนนำจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแม้แต่คนเดียวที่จะเวียนว่ายเข้าไปช่วยเหลือ ไม่มีแกนนำจากพรรคประชาธิปัตย์แม้นแต่คนเดียวที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งที่คนเหล่านี้เข้าไปพร้อมกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แถมไปติดคุกในต่างประเทศ แต่ศาลรัฐธรรมนูญไทยกลับไม่ทำการวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญของไทยหรือไม่ น่าคิดยิ่งไปกว่านั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศของไทยในรัฐบาลปัจจุบันได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าไปเยี่ยมนายวีระ สมความคิดและนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ตัดงบประมาณทั้งหมดเพราะงบประมาณแผ่นดินหมด ทำให้ไม่มีใครสามารถใช้เงินหลวงที่มาจากรายได้ของภาษีประชาชนไปใช้ในการเยี่ยมนายวีระและนางสาวราตรีทุกสัปดาห์เหมือนที่ผ่านมา
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ข้อหาจารกรรม กลายเป็นประเด็นให้ศาลตัดสินจำคุกนายวีระ สมความคิด 8 ปีและนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ 6 ปีและถูกส่งเข้าไปในเรือนจำ 18 เดือนแล้วแทบจะเรียกว่า หมดหวังที่จะช่วยออกมา ห้ามลืมเป็นอันขาดว่า นายวีระ สมความคิด เป็นยาดำของรัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชาและยิ่งไปกว่านั้น กลายเป็นกรณีพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในการปะทะและมีการตายพร้อมการสูญเสียจนกระทั่งราษฏรในเขตพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ต้องประสบความเดือดร้อน และกลายเป็นบุคคลที่รัฐบาลหมายหัวเป็นลำดับแรก หาต้องแปลกใจแต่อย่างใดไม่ หากนายฮุนเซ็นจะยืนกรานว่า นายวีระ และนางสาวราตรีจะต้องรับโทษไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งเสียก่อนจึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ อย่าลืมเป็นอันขาดว่า กษัตริย์ของกัมพูชา เป็นเพียงแค่องค์สมมุติเทพเท่านั้น หาได้มีบทบาททางการเมืองแต่อย่างใดไม่ เป็นเพียงองค์รัฐพิธีที่จะต้องทำตามการสั่งการและบงการของนายฮุนเซ็นสถานเดียวเท่านั้น
การให้การสารภาพของเหล่านักโทษที่มาจากพรรคการเมืองของไทยกลายเป็นประเด็นที่ไทยเกิดอาการเสียเปรียบและอาจจะเสียดินแดนขึ้นในเวลาถัดจากนี้ ห้ามลืมเป็นอันขาดว่า นายวีระ สมความคิดและนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ แทบจะเรียกว่าหาคนไปเยี่ยมได้ยากเพราะกระบวนการขั้นตอนในการเข้าเยี่ยมลำบากจึงไม่แปลกหากจะมีแค่นางวิไลวรรณ สมความคิดมารดาของนายวีระเท่านั้นที่เป็นคนวิ่งเต้นเข้าเยี่ยมลูกชายในเรือนจำที่กัมพูชาสัปดาห์ละครั้ง แม้นว่ามารดาของนายวีระจะพยายามโหยหาและเรียกร้องให้ทุกรัฐบาลช่วย แต่แทบจะเรียกว่า เสียงคำอ้อนวอนขอความช่วยเหลือกลายเป็นศูนย์ น่าแปลกตรงที่มีการตั้ง กองทุนเพื่อช่วยเหลือครอบครัววีระ-ราตรีขึ้นโดยใช้บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์สาขาโรงพยาบาลหัวเฉียวเลขที่บัญชี 225-205352-6
เพื่อหวังว่าหากจะมีใครโอนเงินไป เงินทั้งหมดจะกลายเป็นกองทุนสำหรับให้มารดาของนายวีระ และญาติของนางสาวราตรีได้เข้าไปเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นมีการเปิดจดหมายของนายวีระ สมความคิดที่เขียนขึ้นมา 550 วันที่โหยหา ตามด้วยสุขภาพกาย ทรงกับทรุด กินยาประทังโรคหลายขนาน สุขภาพจิต แย่ลง บอกว่า ทนไม่ไหวแล้ว ความอ่อนแอร่างกายเดิมที่มีโรคประจำตัว สภาพจิตจากที่อยู่ที่พยายามปรับตัวให้อยู่ได้ยิ่งทำให้ต้องคิดเมื่อกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกค่าเดินทางในการเข้าไปเยี่ยมบุคคลทั้งสอง ประเด็นที่จะต้องถกกันหนักว่า
นายฮุนเซ็นจะยินยอมปล่อยให้นายวีระ สมความคิดออกจากเรือนจำอย่างง่ายดายกระนั้นหรือ เพราะก่อนหน้านั้นหลังจากการปล่อยนักการเมืองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแล้ว ปล่อยนักการเมืองสังกัดกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาแล้ว แทนที่จะเงียบเสียงกลับแหกปากด่าอีกต่างหากไยนายฮุนเซ็นจะไม่ปล่อยให้นายวีระและนางสาวราตรี ตายในคุกเล่า และวันนี้แม้นว่าจะติดคุกไปแล้ว 18 เดือนหรือ 1 ปี 6 เดือนแต่หากเป็นไปอย่างที่นายฮุนเซ็นบอกว่าจะต้องติดคุกกึ่งหนึ่งก่อนแล้วค่อยจะขอพระราชทานอภัยโทษให้ นั่นย่อมหมายถึงว่า นายวีระ สมความคิดจะต้องติดคุกอีกอย่างน้อยที่สุด 2 ปีกับ 6 เดือนและนั่นหมายถึงว่านางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์จะต้องติดคุกอีกอย่างน้อย 1 ปี 6 เดือน จึงจะหลุดพ้นออกจากสภาพเรือนจำ
น่าแปลกตรงที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีใครเป็นแกนนำในการออกค่าใช้จ่ายให้นางวิไลวรรณ สมความคิดมารดาของนายวีระเข้าไปเยี่ยมนายวีระที่เรือนจำกัมพูชา น่าแปลกตรงที่สันติอโศกที่สนับสนุนให้แกนนำของกลุ่มเข้าไปในดินแดนกัมพูชาไม่มีใครแม้นแต่คนเดียวที่จะอาสาควักเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายแม้กระทั่งไปเยี่ยมนายวีระ
บทเรียนของนายวีระ สมความคิด ในการอาสาบ้าบิ่นเพื่อเป็นนั่งร้านให้คนบางคนเหยียบขึ้นไปใหญ่ คงจะเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนายวีระที่ก้าวเดินแบบหลงผิดและหลงคำโฆษณาชวนเชื่อจนต้องถูกพาไปตาย ถูกพาไปติดคุกใครพาวีระ-ราตรีไปตาย ไปติดุก
คือประเด็นที่เราท่านทั้งหลายที่กำลังถูกหลอกให้ไปตายในการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหลายจะต้องสดับและต้องทบทวน
------------------------------
กรณีวีระ-ราตรี ใครพาใครไปติดคุก ใครพาใครไปตาย ใยไม่ช่วย?
กรณีวีระ-ราตรี ใครพาใครไปติดคุก ใครพาใครไปตาย ใยไม่ช่วย?
บทวิเคราะห์การเมือง : อัพเดทเมื่อ จันทร์ ที่ 23 เดือน กรกฏาคม พ.ศ.2555
พลันที่นายวีระ สมความคิด พร้อมกับพลพรรคที่มีทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสถานะเป็นถึงเลขานุการรัฐมนตรีหรือผู้ช่วยรัฐมนตรี พร้อมกับแกนนำของสันติอโศก โดนจับกุมที่บริเวณเขาพระวิหาร กลายเป็นข่าวใหญ่ในขณะนั้น อันเป็นขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการบริหารประเทศ
อันเป็นขณะเดียวกันกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายใต้การนำของนายสนธิ ลิ้มทองกุล,พลตรีจำลอง ศรีเมือง,นายสมศักดิ์ โกสัยสุข,นายสุริยะใส กตศิลา กำลังเป็นใหญ่ในแผ่นดิน พลันที่รัฐบาลของนายฮุนเซ็นจับตัวได้ เกิดอาการร้อนตัวภายในรัฐบาลที่มีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นคู่กัดของนายฮุนเซ็น ถึงขนาดใช้ตำแหน่งหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เข้าไปนั่งรอเพื่อเข้าพบนายฮุนเซ็นเป็นเวลานับชั่วโมง เสมือนหนึ่งหาได้มองไม่ว่า เป็นแขกที่น่ามีเกียรติในการให้การต้อนรับขับสู้ พลันที่มีการส่งนักโทษทั้งหมดเข้าสู่เรือนจำ และต้องให้การในชั้นศาล
น่าแปลกที่นักการเมืองที่แหกปากร้องว่า แผ่นดินที่ตัวเองเข้าไปเหยียบเป็นแผ่นดินของไทย แถมยังมีตำแหน่งหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฏรของพรรครัฐบาลในขณะนั้น กลับยอมสารภาพต่อหน้าศาลกัมพูชาหน้าตาเฉยว่า บุกรุกและรุกล้ำดินแดนของกัมพูชาจริง เพื่อเอาตัวรอดกลับมาประเทศไทย โดยไร้ยางอายว่า ที่ไปกล่าวหาว่า แผ่นดินของไทยแต่ถูกเขมรปล้น กลับกลายเป็นสารภาพกลายเป็นประเด็นที่จะต้องนำเข้าประกอบในศาลโลกและ คำสารภาพของคนที่เรียกตัวเองว่า แกนนำระดับสูงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของประเทศไทยในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นเอกสารและพยานสำคัญในการยืนยันต่อศาลโลกว่า แท้ที่จริงที่คนไทยส่วนหนึ่ง กลุ่มหนึ่งไปเย้วๆ กลายเป็นว่า สารภาพว่า ที่ดินเหล่านั้นเป็นของกัมพูชา กลายเป็นความเสียเปรียบในการต่อสู้ทางการศาลในชั้นศาลโลกขึ้นมาโดยพลัน
น่าแปลก ที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและแกนนำกลุ่มสันติอโศกภายใต้การนำของพลตรีจำลอง ศรีเมืองที่สนับสนุนให้ นายวีระ สมความคิด นางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ออกมาเย้วๆ เรียกร้องในห้วงระยะที่พรรคประชาธิปัตย์ครองแผ่นดินบริหารประเทศ แต่หลังจากนั้นเมื่อข่าวคราวเกี่ยวกับนายวีระและนางสาวราตรีเงียบหายไป ไม่มีแกนนำจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแม้แต่คนเดียวที่จะเวียนว่ายเข้าไปช่วยเหลือ ไม่มีแกนนำจากพรรคประชาธิปัตย์แม้นแต่คนเดียวที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งที่คนเหล่านี้เข้าไปพร้อมกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แถมไปติดคุกในต่างประเทศ แต่ศาลรัฐธรรมนูญไทยกลับไม่ทำการวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญของไทยหรือไม่ น่าคิดยิ่งไปกว่านั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศของไทยในรัฐบาลปัจจุบันได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าไปเยี่ยมนายวีระ สมความคิดและนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ตัดงบประมาณทั้งหมดเพราะงบประมาณแผ่นดินหมด ทำให้ไม่มีใครสามารถใช้เงินหลวงที่มาจากรายได้ของภาษีประชาชนไปใช้ในการเยี่ยมนายวีระและนางสาวราตรีทุกสัปดาห์เหมือนที่ผ่านมา
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ข้อหาจารกรรม กลายเป็นประเด็นให้ศาลตัดสินจำคุกนายวีระ สมความคิด 8 ปีและนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ 6 ปีและถูกส่งเข้าไปในเรือนจำ 18 เดือนแล้วแทบจะเรียกว่า หมดหวังที่จะช่วยออกมา ห้ามลืมเป็นอันขาดว่า นายวีระ สมความคิด เป็นยาดำของรัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชาและยิ่งไปกว่านั้น กลายเป็นกรณีพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในการปะทะและมีการตายพร้อมการสูญเสียจนกระทั่งราษฏรในเขตพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ต้องประสบความเดือดร้อน และกลายเป็นบุคคลที่รัฐบาลหมายหัวเป็นลำดับแรก หาต้องแปลกใจแต่อย่างใดไม่ หากนายฮุนเซ็นจะยืนกรานว่า นายวีระ และนางสาวราตรีจะต้องรับโทษไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งเสียก่อนจึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ อย่าลืมเป็นอันขาดว่า กษัตริย์ของกัมพูชา เป็นเพียงแค่องค์สมมุติเทพเท่านั้น หาได้มีบทบาททางการเมืองแต่อย่างใดไม่ เป็นเพียงองค์รัฐพิธีที่จะต้องทำตามการสั่งการและบงการของนายฮุนเซ็นสถานเดียวเท่านั้น
การให้การสารภาพของเหล่านักโทษที่มาจากพรรคการเมืองของไทยกลายเป็นประเด็นที่ไทยเกิดอาการเสียเปรียบและอาจจะเสียดินแดนขึ้นในเวลาถัดจากนี้ ห้ามลืมเป็นอันขาดว่า นายวีระ สมความคิดและนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ แทบจะเรียกว่าหาคนไปเยี่ยมได้ยากเพราะกระบวนการขั้นตอนในการเข้าเยี่ยมลำบากจึงไม่แปลกหากจะมีแค่นางวิไลวรรณ สมความคิดมารดาของนายวีระเท่านั้นที่เป็นคนวิ่งเต้นเข้าเยี่ยมลูกชายในเรือนจำที่กัมพูชาสัปดาห์ละครั้ง แม้นว่ามารดาของนายวีระจะพยายามโหยหาและเรียกร้องให้ทุกรัฐบาลช่วย แต่แทบจะเรียกว่า เสียงคำอ้อนวอนขอความช่วยเหลือกลายเป็นศูนย์ น่าแปลกตรงที่มีการตั้ง กองทุนเพื่อช่วยเหลือครอบครัววีระ-ราตรีขึ้นโดยใช้บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์สาขาโรงพยาบาลหัวเฉียวเลขที่บัญชี 225-205352-6
เพื่อหวังว่าหากจะมีใครโอนเงินไป เงินทั้งหมดจะกลายเป็นกองทุนสำหรับให้มารดาของนายวีระ และญาติของนางสาวราตรีได้เข้าไปเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นมีการเปิดจดหมายของนายวีระ สมความคิดที่เขียนขึ้นมา 550 วันที่โหยหา ตามด้วยสุขภาพกาย ทรงกับทรุด กินยาประทังโรคหลายขนาน สุขภาพจิต แย่ลง บอกว่า ทนไม่ไหวแล้ว ความอ่อนแอร่างกายเดิมที่มีโรคประจำตัว สภาพจิตจากที่อยู่ที่พยายามปรับตัวให้อยู่ได้ยิ่งทำให้ต้องคิดเมื่อกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกค่าเดินทางในการเข้าไปเยี่ยมบุคคลทั้งสอง ประเด็นที่จะต้องถกกันหนักว่า
นายฮุนเซ็นจะยินยอมปล่อยให้นายวีระ สมความคิดออกจากเรือนจำอย่างง่ายดายกระนั้นหรือ เพราะก่อนหน้านั้นหลังจากการปล่อยนักการเมืองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแล้ว ปล่อยนักการเมืองสังกัดกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาแล้ว แทนที่จะเงียบเสียงกลับแหกปากด่าอีกต่างหากไยนายฮุนเซ็นจะไม่ปล่อยให้นายวีระและนางสาวราตรี ตายในคุกเล่า และวันนี้แม้นว่าจะติดคุกไปแล้ว 18 เดือนหรือ 1 ปี 6 เดือนแต่หากเป็นไปอย่างที่นายฮุนเซ็นบอกว่าจะต้องติดคุกกึ่งหนึ่งก่อนแล้วค่อยจะขอพระราชทานอภัยโทษให้ นั่นย่อมหมายถึงว่า นายวีระ สมความคิดจะต้องติดคุกอีกอย่างน้อยที่สุด 2 ปีกับ 6 เดือนและนั่นหมายถึงว่านางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์จะต้องติดคุกอีกอย่างน้อย 1 ปี 6 เดือน จึงจะหลุดพ้นออกจากสภาพเรือนจำ
น่าแปลกตรงที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีใครเป็นแกนนำในการออกค่าใช้จ่ายให้นางวิไลวรรณ สมความคิดมารดาของนายวีระเข้าไปเยี่ยมนายวีระที่เรือนจำกัมพูชา น่าแปลกตรงที่สันติอโศกที่สนับสนุนให้แกนนำของกลุ่มเข้าไปในดินแดนกัมพูชาไม่มีใครแม้นแต่คนเดียวที่จะอาสาควักเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายแม้กระทั่งไปเยี่ยมนายวีระ
บทเรียนของนายวีระ สมความคิด ในการอาสาบ้าบิ่นเพื่อเป็นนั่งร้านให้คนบางคนเหยียบขึ้นไปใหญ่ คงจะเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนายวีระที่ก้าวเดินแบบหลงผิดและหลงคำโฆษณาชวนเชื่อจนต้องถูกพาไปตาย ถูกพาไปติดคุกใครพาวีระ-ราตรีไปตาย ไปติดุก
คือประเด็นที่เราท่านทั้งหลายที่กำลังถูกหลอกให้ไปตายในการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหลายจะต้องสดับและต้องทบทวน
------------------------------