พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ :พรรคเพื่อไทยต้องเร่งนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง

กระทู้ข่าว
รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน “โลกวันนี้วันสุข”
ฉบับวันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556

การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพวกจารีตนิยมกับฝ่ายประชาธิปไตยที่ยืดเยื้อตั้งแต่ต้นปี 2549 ถึงปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่เศรษฐกิจสังคมไทย เกิดความแตกแยกแบ่งข้างอย่างรุนแรง และที่สำคัญคือ เป็นความขัดแย้งทางการเมืองครั้งแรกของประเทศไทยที่มีประชาชนเข้าร่วมทั้งสองฝ่ายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มวลชนที่เข้าร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตย เฉพาะที่ออกมาต่อสู้บนท้องถนนทั่วประเทศก็มีจำนวนหลายแสนคน

ผู้ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากความขัดแย้งดังกล่าวก็คือ พวกกลุ่มชนชั้นนำจารีตนิยมที่ฉวยใช้มวลชนภายใต้การนำของกลุ่มอันธพาลพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยที่สามารถชนะเลือกตั้งปี 2554 ขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้ตราบปัจจุบัน

ในการระดมมวลชนออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้ ประชาชนบนท้องถนนเปรียบเสมือน “ทหารราบ” ที่ทำหน้าที่เคลื่อนไหว ประจันหน้า และปะทะกับพลังฝ่ายตรงข้าม และระหว่างมวลชนทั้งสองฝ่าย มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยที่เป็นขบวนคนเสื้อแดงได้ประสบความเสียหายมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากเหตุการณ์ “สงกรานต์เลือด” ปี 2552 และการสังหารหมู่ประชาชน เมษายน-พฤษภาคม 2553 มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายรวมกันหลายพันคน และที่ถูกจับกุมคุมขัง ทั้งคดีพรก.ฉุกเฉินและคดีอาญาต่าง ๆ มากมายหลายร้อยคน

ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรมมองดูความสูญเสียทั้งชีวิตร่างกายและอิสรภาพของพี่น้องร่วมอุดมการณ์เหล่านี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด และยิ่งกลายเป็นความคับแค้นเมื่อกระบวนการยุติธรรมปฏิบัติต่อผู้ต้องคดีทั้งสองฝ่ายอย่างไม่เท่าเทียมเป็นมาตรฐานเดียวกัน ในขณะที่คดีของแกนนำและมวลชนเสื้อเหลืองดำเนินไปอย่างเชื่องช้า มีการให้ประกันตัวเกือบทุกคดี แต่ในทางตรงข้าม คดีของแกนนำและมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยกลับดำเนินไปอย่างเฉียบขาด จับกุมคุมขังไม่ให้ประกันตัวเยี่ยงอาชญากรร้ายแรง ไปจนถึงคดีอาญาที่จบด้วยบทลงโทษรุนแรง

ผลที่เกิดขึ้น มิเพียงเป็นการสูญเสียสิทธิเสรีภาพแห่งตนเท่านั้น แต่เป็นการทำลายจิตใจและความเป็นมนุษย์ของผู้ที่ต้องคดี ไปจนถึงทำลายครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง อาชีพการงาน และสถานะทางเศรษฐกิจของพวกเขาทั้งหมด

ผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการสูญเสียชีวิต เลือดเนื้อ และอิสรภาพของคนเหล่านี้ก็คือ แกนนำพรรคเพื่อไทย และบรรดาสส.พรรคเพื่อไทย ที่ปัจจุบันได้เป็นรัฐบาล รัฐมนตรี และตำแหน่งทางการเมืองต่าง ๆ นั่งกันเต็มสภาและทำเนียบรัฐบาล คำถามคือ ที่ผ่านมา คนพวกนี้กระทำอะไรบ้างในทางประชาธิปไตยอันเป็นการแสดงว่า คุ้มค่าต่อการสูญเสียและเสียสละของมวลชนเหล่านี้?

ในการช่วยเหลือประชาชนที่สูญเสีย ก็มีเพียงการเยียวยาด้วยการจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ที่บาดเจ็บ สูญเสียชีวิตและร่างกายเฉพาะผู้ที่ไม่ต้องคดี! ส่วนการช่วยเหลือผู้ต้องคดีและถูกคุมขังนั้น ตั้งแต่หลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 พรรคเพื่อไทยมีความบกพร่องอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องการหาทนายแก้ต่าง การประกันตัว การช่วยเหลือครอบครัว เงินทุนสนับสนุนต่าง ๆ มีเสียงต่อว่ามากมายว่า ตัวแทนพรรคเพื่อไทยที่เข้ามา “ช่วยเหลือ” ผู้ต้องคดีทำงานล่าช้า บกพร่อง ไปจนถึงข้อครหาเรื่องการแสวงหาประโยชน์จากผู้ต้องคดีและข่าวลือเรื่องการเงินที่รั่วไหล

ในท้ายสุด ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ต้องจัดตั้งกันเอง รวบรวมเงินทุนบริจาค ลงแรงกันเองร่วมกับทนายอาสาสมัคร หาทางช่วยเหลือผู้ต้องคดีทั่วประเทศ ตั้งแต่การเข้าเยี่ยม การเงิน สุขภาพ ปัญหาครอบครัว ทำกันอย่างอนาถา ตามมีตามเกิด และอาจโชคดีบ้างเมื่อสส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่บางคนที่ยังมีมนุษยธรรม ให้การหนุนช่วยเท่าที่จะทำได้

เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล ในระยะแรกก็มีความพยายามที่จะช่วยเหลือผู้ต้องคดีให้ได้ประกันตัวผ่านกรมคุ้มครองสิทธิ์เสรีภาพ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นผลด้วยอุปสรรคทางฝ่ายอัยการและศาล จนกระทั่งหลายคดีได้ทะยอยพิพากษาจำคุกไป ความพยายามของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็จางหายไปพร้อมกับข้ออ้างว่า ไม่สามารถแทรกแซงอัยการและศาลได้

ที่แย่ที่สุดคือ พรรคเพื่อไทยได้เสนอพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติเข้าสู่สภาเมื่อกลางปี 2555 แต่กลับเป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงเพราะเป็นการมุ่ง “นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง” ให้กับทุกคนทุกฝ่ายโดยไม่แยกแยะถูกผิด พรบ.ปรองดองฉบับพรรคเพื่อไทยนี้มีลักษณะสองประการคือ เลวร้ายและเห็นแก่ตัว ที่ว่าเลวร้ายนั้น เพราะเอาการนิรโทษกรรมประชาชนไปผูกกับการนิรโทษกรรมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ประชาชน ส่วนที่ว่า “เห็นแก่ตัว” ก็คือ เอาการนิรโทษกรรมประชาชนไปผูกกับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและนักการเมืองพรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน

พรบ.ปรองดองฉบับนี้ก็คือการเอาประชาชนที่ต้องคดีคุมขังอยู่เป็นตัวประกัน เสมือนต่อรองกับประชาชนว่า ถ้าอยากออกจากที่คุมขังและปลอดคดี ก็ต้องกล้ำกลืนเลือด ยอมรับการนิรโทษกรรมผู้ที่สังหารประชาชนด้วย แกนนำพรรคเพื่อไทยยังทำให้การนิรโทษกรรมประชาชนยิ่งยุ่งยากมากขึ้นด้วยการพ่วงเอาการนิรโทษกรรมคดีการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและนักการเมืองพรรคไทยรักไทย-พลังประชาชนเข้าไปด้วย เสมือนบอกกับประชาชนว่า ถ้าอยากออกจากคุก ก็ต้องให้พวกตนได้ประโยชน์ด้วย ที่สำคัญคือ การรวมคดีการเมืองเข้ามายังทำให้พรบ.ปรองดองถูกต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายตรงข้าม จนไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

ในระยะสองปีมานี้ ความเคียดแค้นที่ประชาชนมีต่อพวกจารีตนิยมและกลุ่มทหารที่สังหารประชาชนได้ค่อย ๆ ขยายไปเป็นความไม่พอใจต่อพรรคเพื่อไทย จนถึงวันนี้ พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศมาได้เกือบสองปีแล้ว พวกเขาก็ยังคงแบกรับคดีร้ายแรงต่าง ๆ และถูกจำคุกอยู่เหมือนเดิม ความไม่พอใจของประชาชนได้เพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นความโกรธและคับแค้นที่มีต่อรัฐบาล รัฐมนตรี สส. และแกนนำพรรคเพื่อไทยโดยรวม

พรรคเพื่อไทยจะต้องตระหนักให้ชัดเจนว่า พวกท่านเป็นหนี้ประชาชนที่ออกมาต่อสู้ล้มตาย บาดเจ็บ พิการ และถูกจำคุกจนทุกวันนี้ ท่านเป็นหนี้คนพวกนี้ทั้งทางการเมืองและทางจริยธรรม การช่วยเหลือพวกเขาให้ถึงที่สุดไม่ใช่การให้ความเมตตาหรือให้ทาน แต่เป็น “การใช้หนี้” บัดนี้ โอกาสสำคัญได้มาถึงแล้ว นั่นคือ ได้มีข้อเสนอทั้งจากนักวิชาการและนปช.ให้เร่งนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทั้งสองฝ่ายที่ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นการแยกเอาประชาชนเหล่านี้ออกมาจากความขัดแย้งระหว่างพวกจารีตนิยมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อไปอีกไม่ได้

พฤษภาคม 2556 นี้ พวกเขาก็จะถูกจำคุกมาครบสามปี ตำแหน่งลาภยศที่พวกท่านมีในวันนี้ ก็คืออานิสงส์จากความทุกข์ทรมาณของพวกเขา พวกท่านทั้งหลายในทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาไม่รู้สึกบ้างหรือว่า พวกเขาติดคุกนานเกินไปแล้ว

จาก ไทยอีนิวส์
.....................................................................................................................................................................

หวังว่าท่านทักษิณ นายกยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย จะมีใครได้อ่านบทความนี้
แล้วแสดงความจริงใจด้วยการเร่งดำเนินการนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง
อย่าให้พวกเขา ที่ออกไปต่อสู้จนพวกคุณมีวันนี้ได้
ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในคุกนานไปกว่านี้อีกเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่