ตามที่ นายสุรศักดิ์ ส่งวรกุลพันธ์ เลขาธิการสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ได้ออกมาให้ข่าวว่า บดินทร์ อิสสระ นักแบดมินตันทีมชาติไทยมืออันดับ 8 ของโลกในประเภทคู่ จะขอเลิกเล่นแบดมินตัน เนื่องจากเจ็บเรื้อรังที่หัวเข่า และอยากกลับไปดูแลแม่ที่ จ.อุตรดิตถ์ และต่อมามีรายงานข่าวว่า บดินทร์ไม่ได้เลิกเล่นแบดมินตันตามข่าวที่ออกมา โดยได้ขอออกจากค่ายฝึกซ้อมทีมชาติที่สวนลุมพินีและไปซ้อมอยู่ที่ค่ายแบริ่ง ตามที่ “สปอร์ต คลาสสิค” ได้นำเสนอข่าวไปตามลำดับนั้น
“อาร์ต” บดินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์ “สปอร์ต คลาสสิค” เมื่อตอนสายของวันที่ 23 ม.ค.ว่า ตนไม่ได้เลิกเล่นทีมชาติอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด และไม่เคยแจ้งสมาคมแบดมินตันว่า จะขอเลิกเล่นทีมชาติ เพียงแต่แจ้งว่า จะไม่ขอฝึกซ้อมที่ค่ายสวนลุมพินีอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากมีปัญหาหลายอย่างและรู้สึกอึดอัดในการเก็บตัวอยู่ที่สวนลุมพินีมาเป็นระยะเวลานานแล้ว และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจออกจากค่ายก็คือ หลังถูกสมาคมตัดไม่ให้ไปเล่นอาชีพที่อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 2-9 ก.พ.นี้ โดยสมาคมเอา นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร ไปเล่นคู่ “เอ” มณีพงศ์ จงจิตร แทน
“ก่อนหน้านี้ผมถูกโค้ชด่าในที่ประชุมด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมมาตลอด ผมก็ทนเอา แต่พอมาโดนตัดไม่ให้ไปอินโดนีเซียโดยโค้ชให้เหตุผลว่า กลัวผมมีอาการบาดเจ็บอีก ทั้งๆ ที่ผมหายดีและกลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว ซึ่งการไปอินโดนีเซียเล่นแค่ 4 วัน แต่ได้เงินค่าจ้างถึง 2 แสนบาท ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมโค้ชทำแบบนี้ ผมคิดว่าผมอยู่ไม่ได้แล้วรู้สึกอึดอัดมาก ผมยอมทิ้งเงินเดือนที่นี่เดือนละ 1.2 แสนบาท เพื่อออกมาต่อสู้ตามลำพังข้างนอกดีกว่า ทั้งๆ ที่มีครอบครัวมีลูกแล้วด้วย ผมไม่ไหวแล้ว อยู่ที่นี่ไม่มีความสุขครับ”
บดินทร์ อิสสระ นักแบดทีมชาติให้สัมภาษณ์
“อาร์ต” บดินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์ “สปอร์ต คลาสสิค” เมื่อตอนสายของวันที่ 23 ม.ค.ว่า ตนไม่ได้เลิกเล่นทีมชาติอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด และไม่เคยแจ้งสมาคมแบดมินตันว่า จะขอเลิกเล่นทีมชาติ เพียงแต่แจ้งว่า จะไม่ขอฝึกซ้อมที่ค่ายสวนลุมพินีอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากมีปัญหาหลายอย่างและรู้สึกอึดอัดในการเก็บตัวอยู่ที่สวนลุมพินีมาเป็นระยะเวลานานแล้ว และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจออกจากค่ายก็คือ หลังถูกสมาคมตัดไม่ให้ไปเล่นอาชีพที่อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 2-9 ก.พ.นี้ โดยสมาคมเอา นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร ไปเล่นคู่ “เอ” มณีพงศ์ จงจิตร แทน
“ก่อนหน้านี้ผมถูกโค้ชด่าในที่ประชุมด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมมาตลอด ผมก็ทนเอา แต่พอมาโดนตัดไม่ให้ไปอินโดนีเซียโดยโค้ชให้เหตุผลว่า กลัวผมมีอาการบาดเจ็บอีก ทั้งๆ ที่ผมหายดีและกลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว ซึ่งการไปอินโดนีเซียเล่นแค่ 4 วัน แต่ได้เงินค่าจ้างถึง 2 แสนบาท ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมโค้ชทำแบบนี้ ผมคิดว่าผมอยู่ไม่ได้แล้วรู้สึกอึดอัดมาก ผมยอมทิ้งเงินเดือนที่นี่เดือนละ 1.2 แสนบาท เพื่อออกมาต่อสู้ตามลำพังข้างนอกดีกว่า ทั้งๆ ที่มีครอบครัวมีลูกแล้วด้วย ผมไม่ไหวแล้ว อยู่ที่นี่ไม่มีความสุขครับ”