ผมเข้าตลาดได้ประมาณ 3 - 4 ปี ช่วงนั้นเป็นช่วงกระทิง จิ้มไปตัวไหนก็ได้กำไร รู้สึกมันมือ ใจพองโต และ ด้วยความโลถ ลงทุนเพิ่มอีก ได้กำไรเพิ่มอีก จนกระทั่งพอร์ตโตจาก 1 - 2 ล้านบาทเป็น 7 ล้านบาท
แต่....หุ้นใช่จะขึ้นตลอดกาลไม่ ระหว่างที่ซื้อเพลินอยู่ ช่วงหมีมาเยือน หุ้นลงเร็วและแรงมากๆ ผมแทบหน้ามืด พอร์ตในมือขาดทุนไปหนึ่งล้านสองแสนบาท อันเนื่องมาจากความงก ความเสียดาย cut loss ก็ไม่เป็น เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงเป็นบทเรียนที่แสนแพงของผมในการลงทุนหุ้น เสียทั้งเงินและโอกาส
ทุกวันนี้ หมั่นเตือนตนเองอยู่เสมอว่า หุ้นมีขึ้นย่อมมีลง ลงทุนต้องรอบคอบ มีวินัย อย่าโลภ อย่างก อย่าเสียดาย มีกำไรเกินเป้าต้องขาย ยกเว้นหุ้นปันผลสูงและต้นทุนต่ำเช่น CSL (ซึ่งผมถืออยู่ขณะนี้ 2 แสนหุ้นที่ต้นทุนเฉลี่ย 7.82 บาท)ซึ่งตั้งใจจะถือยาว แต่ เมื่อถึงคราวเสีย ต้องกล้าเสีย คิดว่า เสียดายดีกว่าเสียใจ
ผมจึงนำบทเรียนที่แสนแพงในการลงทุนของผมมาเสนอ เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆและน้องๆที่เพิ่งเข้าตลากมาไม่นาน ครับ
ประโยคที่ว่า เล่นหุ้น ต้องกล้า กล้าเสีย และ เสียดายดีกว่าเสียใจ
แต่....หุ้นใช่จะขึ้นตลอดกาลไม่ ระหว่างที่ซื้อเพลินอยู่ ช่วงหมีมาเยือน หุ้นลงเร็วและแรงมากๆ ผมแทบหน้ามืด พอร์ตในมือขาดทุนไปหนึ่งล้านสองแสนบาท อันเนื่องมาจากความงก ความเสียดาย cut loss ก็ไม่เป็น เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงเป็นบทเรียนที่แสนแพงของผมในการลงทุนหุ้น เสียทั้งเงินและโอกาส
ทุกวันนี้ หมั่นเตือนตนเองอยู่เสมอว่า หุ้นมีขึ้นย่อมมีลง ลงทุนต้องรอบคอบ มีวินัย อย่าโลภ อย่างก อย่าเสียดาย มีกำไรเกินเป้าต้องขาย ยกเว้นหุ้นปันผลสูงและต้นทุนต่ำเช่น CSL (ซึ่งผมถืออยู่ขณะนี้ 2 แสนหุ้นที่ต้นทุนเฉลี่ย 7.82 บาท)ซึ่งตั้งใจจะถือยาว แต่ เมื่อถึงคราวเสีย ต้องกล้าเสีย คิดว่า เสียดายดีกว่าเสียใจ
ผมจึงนำบทเรียนที่แสนแพงในการลงทุนของผมมาเสนอ เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆและน้องๆที่เพิ่งเข้าตลากมาไม่นาน ครับ