[CR] mini review and how to travel in korea อ่านจบไปเองได้เลย

* ผมจะไม่เขียนรีวิวเรื่องสถานที่มากเพราะว่าหลายๆที่ทุกคนสามารถหาอ่านได้ที่คนอื่นๆได้เคยรีวิวไว้แล้วครับ


(พอดีเจอตอนไปเที่ยวต้นอาทิตย์นี้ครับ มายิ้มต้อนรับผมอยู่ หัวเราะ)

การเตรียมตัวไปเกาหลีครับ

- ตั๋วเครื่องบิน
คุณสามารถจองได้ทาง agent ต่างๆ [ถ้าอยากทราบ agent ที่ผมใช้งานบ่อยๆก็หลังไมค์มาถามได้] หรือการจองผ่านบริษัทเครื่องบินโดยตรงได้เลยครับ ราคาก็จะแพงตามเดือน ช่วงเย็นๆหรือหิมะตกก็จะแพงหน่อยครับ หน้าฝนจะถูกที่ถูกสุดครับ และบางทีการต่อเครื่องราคาอาจจะถูกลงอีกและใช้เวลาต่อเครื่อง 30 นาที - 1 ชั่วโมง เวลาจะห่างจากบินตรงนิดหน่อยเองครับ ลองเลือกๆดู

- passport
เกาหลีไม่ต้องใช้ visa ถิอ passportแล้วไปได้เลย ตม เขาจะใช้วิธีดูคุณจากที่คุณเขียนใบขาเข้า กับท่าทางของคุณตอนเข้าช่องแล้ว
ถ้าเขาสงสัยเขาก็จะถามคุณนิดหน่อยแบบ คุณมาจากใหน มาทำอะไร มาคนเดียวหรอ ถ้าเราตอบเขาโอเค เขาก็จะปั้มวีซ่าให้
เกิดเขาสงสัยคุณก็จะถูก เจ้าหน้าที่เชิญไปคุยอีกด้านนึง ถ้ายังตอบให้สงสัยอีกคุณก็จะโดนส่งกลับแบบไม่ใยดี ด้วยเที่ยวบินแรกที่มี
คือเอาจริงๆคนไม่ทำอะไรผิด ท่าทางมันไม่ออกหรอกครับ อย่าไปตื่นเต้นเลย  
[อาทิตย์นี้ที่ผมไปเที่ยวพักผ่อน ขากลับยังมีคนโดนส่งกลับนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่มีแล้ว มีเจ้าหน้าที่คุมตัวมาส่งถึงเครื่องบิน แต่พอได้ยินที่เขาคุยกันแล้ว เขาคิดจะหนีมาทำงานนวดจริงๆครับ แต่ไม่รู้ไปทำพิรุธท่าใหนเหมือนกัน เพราะเห็นทะเลาะกันเองอยู่]

- ยา
คุณเป็นอะไรบ่อยๆ ปวดหัว ตัวร้อน แพ้อากาศ เตรียมยาโหลดได้เลยครับ แต่ถ้ามันไม่เกิน 100มิล ก็ขนขึ้นเครื่องไป
แต่ ฉลากต้องมีครับ ไม่งั้นยาคุณโดนทิ้งขยะแน่นอน

- เรื่องไฟคงเตือนกันเรื่องเดิมๆครับ ว่าให้เอาปลั้กต่อที่เป็นหัวกลมไปด้วย เพราะเกาหลีมันหัวกลมทั้งประเทศครับ
แต่บางที่พักเขาก็จะมีเตรียมไว้ให้ในห้องแล้วครับ แต่เอาไปด้วยนั้นหละ กันไว้

- อาหาร
ถ้าคุณต้องการนำอาหารจากบ้านไปกินด้วย  ข้อสำคัญ คุณต้องแพ็กอย่างดีครับ ลงเครื่องไป ถ้าไม่งั้นกลัวเป็นบูดหรืออะไรคุณก็เอาขึ้นเครื่องไปแต่ว่าอาหารทุกประเภทที่เอาไปต้องมีฉลากกำกับและไม่ผิดข้อบังคับพวกเนื้อสัตว์ของสนามบินด้วยครับ

- การแต่งกาย
สำหรับหน้าหนาว [หน้าร้อนก็แต่งแบบที่เราแต่งๆอยู่นี่ละ]

เสื้อ - สำหรับคนที่ไม่มีเสื้อหนาวดีๆแต่ใจรักอยากจะไปโดนหนาวๆ ไม่ต้องไปซื้อเสื้อหนาวในประเทศครับเพราะราคาอาจจะแพง
ใส่ซ้อนๆกันเท่าที่มีไปก่อนครับ แล้วไปซื้อที่เกาหลี แบบ ทงแดมุน หรือ นัมแดมุน คุณอาจจะหาเสื้อหนาวมีฮูดได้ตัวละ 20000w เท่านั้น แต่ทรงอาจจะไม่สวยแต่อุ่นชัว [ถ้าหาซื้อได้ถูกกว่านี้ก็เอาจากไทยไป ถึงจะของขึ้นร้านแบบ the north face ก็จะหาซื้อได้ราคาประมาณ 60000w-80000w หรือ 100000 w ก็ไม่เกิน3000b ซึงผมว่ายังถูกกว่าร้านไทยบางร้านอีก] ส่วนเสื้อข้างใน ผมไม่แนะนำให้เป็นที่คนเขาใส่กันเยอะๆเพราะผมไปโดนมากับตัวเองกับ - 6 เสื้อในดังๆที่ยืมเพื่อนไป มันไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย ผมเลยไปซื้อเสื้อไหมพรมจาก HM ที่เมียงดงมา
สรุป ผมใส่ เสื้อแขนสั้น 1 ตัว [เอามาจากบ้าน] เสื้อไหมพรมแขนยาว[35000w] เสื้อกันหนาวเป็นปล้องๆมีฮูด[20000w] จากดงแดมุน
สรุปอุ่นกว่า ถูกกว่า แปลกแต่จริง  [เดินไปหาซื้อในเขตสีส้มนะหรือจะเข้า ampm ก็ได้]


กางเกง  
กางเกงยีนอย่างเดียวไม่อยู่แน่นอน หาฮีทเทค หรือ ลองจอน เฉพาะกางเกงใส่ไปด้วยเพื่อไม่ให้ขาตึงเกินไป[มันจะตึงหรือขาแข็งเพราะความเย็น] หรือ กางแดงอะไรก็ได้ที่มันสามารถใส่ซ้อนกับยีนได้โดยไม่น่าเกลียดเกินไป อากาศหนาวๆมันจะทำให้ขาเราตึง อาการก็คือแบบ เวลาเราจะก้าวขึ้นบันได ขาจะเจ็บอะไรแบบนั้น   [ส่วนตัวผมใช้ถุงเท้าฟุตบอลหนาๆอะครับ ใส่แล้วเลยเข่าขึ้นมาอีกอะ ก็สบายดี ]

รองเท้า [เหมาะกับทุกๆหน้า]
แนะนำผู้หญิงว่าอย่าไปบ้าจี้แบบคนเกาหลีที่จะใช้รองเท้าบูท ขนเฟอรสวยๆ ครับเพราะเราไม่ชินแบบเขาครับ [ผมเห็นผู้หญิงเกาหลีหลายคนแต่งตัวสวยครับ ในอากาศ -6 แต่ก็จะบ่นหนาวๆตลอดทาง พอลมพัด มันก็จะหยุดเดินแล้วหันหลังครับ คืออารมณ์แบบ หนาวได้แต่ขาดสวยไม่ได้ อย่าไปเลียนแบบเดี่ยวเที่ยวไม่สนุก]  แนะนำให้ใช้รองเท้าผ้าใบทุกประเภท ที่สามารถช่วยเราเดินได้วิ่งได้ เพราะถ้าคุณจะเดินทางเองด้วยรถไฟฟ้า คุณจะต้องเดินมากเพราะการต่อรถ การขึ้นลงสถานีนั้นใช้การเดินมากจริงๆ บางสถานีไม่มีบันไดเลื่อนนะครับ คุณต้องเดินมากกว่า 100 ขั้น และชัน เพื่อจะขึ้นถึงทางออกด้วยซ้ำ ผู้ชายไม่น่าจะมีปัญหา เพราะน่าจะใส่ผ้าใบอยู่แล้ว ว้นแต่คุณจะไม่แคร์สายตาชาวบ้านคุณก็ขึ้นลิฟไปได้ครับ มีลิฟทุกสถานี แต่ปกติคนเกาหลีที่จะใช้ลิฟมี 2 แบบครับคือ คนพิการ และ คนแก่ครับหัวเราะ
* เว้นแต่ คุณออกไปลุยหิมะ ถ้ากลัวรองเท้าผ้าใบเสีย ค่อยใช้บูทครับ บูทถูกๆที่เอาไว้ลุยหิมะ สามารถหาซื้อได้ที่ดงแดมุน
แผนที่อยู่ข้างบนที่เคยโพสไว้ให้แล้วครับ 10000-20000w

ถุงมือ
ใส่ถุงมือหนังครับ จะมาซื้อที่เกาหลีหรือซื้อมาเลยก็ได้เพราะราคาน่าจะประมาณ 10000w หรือ ราวๆ 300 พอกัน
ที่แนะนำถุงมือหนังเพราะว่า มันจะจับโทรศัพท์ แผนที่ ของกิน เงิน จะสะดวกกว่า ถุงมือไหมพรมพอสมควรครับ
แต่ถ้าคิดว่าไม่ค่อยได้จับหรือสามารถถอดถุงมือออกมาตอนหนาวๆเพื่อหยิบเงินได้ก็แล้วแต่เลย

หมวกไหมพรม
อันนี้แล้วแต่ครับ เสื้อกันหนาวคุณมีฮูดบางทีไม่ต้องใช้หมวก แต่ใช้ฮูด +ผ้าผันคอแทนถ้าทนหนาวไม่ไหว
ถ้าไม่มีฮุด หาหมวกไหมผมใส่แทนครับ ราคาพอกันทั้งสองประเทศ แต่ดูแล้วไหมพรมเกาหลีจะค่อนข้างอุ่นกว่า
ไม่รุ้เพราะอะไรเหมือนกัน ผมซื้อจากไทยไปนอกเมืองเกาหลี หนาว - 10 ผมโยนที่ซื้อจากไทยทิ้งไปแล้วครับ เอาหมวกเพื่อนที่ไปด้วย
หยิบมาเผื่อใส่แทน

ผ้าปิดปาก
ถ้าไม่ใช้ผ้าพันคอ ใช้ผ้าปิดปากแทนได้ครับ ถ้าเสื้อกันหนาวมันคลุมได้ใกล้คอแล้ว จะได้ไม่รุงรังมาก

ผ้าพันคอ
ถ้าเสื้อหนาวคลุมไม่ถึงคอใช้ผ้าผันคอครับ ไปซื้อที่เกาหลี  ประมาณ 10000w-20000w

ทิปล่าสุดของผมเหมือนคนบ้าครับใส่มันทุกอย่าง เจอ - 6 แถมฝนตก และเสื้อหนาวที่เคยซื้อจากเกาหลีไป
มันรุ่ยๆขาด เลยต้องเอาเสื้อหนาวที่มีใส่ซ้อนๆกันไปก่อนแล้วไปหาซื้อใหม่
วันแรกที่ต้องไปนอกเมืองก่อนตึงไปหมดเลยครับไม่มีเวลาซื้อของ เพราะต้องเอาของไปส่งให้เพื่อนที่ต้องใช้งาน
ในวันต่อไปให้ทันครับ





----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หัวข้อต่อมา เราจะมาพูดถึงการสื่อสารและ อินเตอร์เน็ตครับ

- โทรศํพท์
ในเกาหลี ที่สนามบินจะมีโทรศัพท์ให้เช่าครับ จะมี 3 ค่ายหลักๆ แต่วิธีก็จะเหมือนกันหมดครับ คือ เอาบัตรไปรูดประกันเครื่องไว้
แล้วเอาโทรศัพท์ไปใช้ เสร็จแล้วตอนเอามาคืนก็จะคิดเงินตามที่คุณได้โทรไปกับค่าเช่านะครับเพราะฉะนั้นใช้ยามจำเป็นเหอะ แต่เอาจริงๆเปิดโรมมิ่งจากไทยไปเหอะครับแล้วโทรยามจำเป็นจริงๆนั้นละ แต่ไม่ต้องเปิด data ไปนะ [  คนเกาหลีออกนอกประเทศส่วนมากเปิดโรมมิ่งกันทั้งงั้นครับ ผมไม่รู้ว่าถูกหรือยังไง คนข้างๆผมตอนขากลับไทยแลนดิ้งปุ้ป พวกเล่น line ปั้ป ] แล้วพอจะคืนนะจะจ่ายด้วยเงินสดหรือรูดบัตรก็ได้
แต่ตอนประกันเครื่องใช้เงินสดไม่ได้ ใช้บัตรเท่านั้นนะครับ   ส่วนตัวผมใช้ sim2fly / โรมมิ่ง  และ บัตรโทรศัพท์เท่านั้นครับ
[ แม่โทรมาเครื่องหลัก misscall อย่างเดียว  -- > โทรกลับด้วย sim2fly  หรือ บัตรโทรศัพท์เท่านั้น ประหยัดดี]

ถ้าถามว่ามีซิมขายใหม ผมตอบได้ว่า มี แต่มันจะไม่สามารถซื้อได้ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว 90 วันครับ และยุ่งยากในการซื้อและเติมเงิน เพราะฉะนั้นไม่พูดถึงมันจะดีกว่า และผมก็ไม่แน่ใจว่ายังมีขายอยู่อีกใหมด้วย ถ้ามีวีซ่าทำงาน สู้ซื้อโทรศัพท์ใหม่เลยดีกว่าเครื่องก็แทบจะให้ฟรี แต่ติดสัญญาเท่านั้นเอง

- internet

ในประเทศเกาหลี สมัยนี้หาฟรียากมากแล้วครับ นอกจากจะอยู่ในร้านอาหารหรือใกล้ๆร้านที่เขาจะปล่อยwifi Free จริงๆ
หรือจะมีในที่พัก ถ้าเอาจริงๆจะมีให้เลือก 3 แบบครับ ดังนี้

-  ที่เกาหลี มีผู้ให้บริการที่ชื่อ Olleh [เจ้านี้เคยให้บริการ WiBro EGG เอาจริงๆผมก็ไม่รู้แฮะว่าตอนนี้ WiBro EGG ยังให้บริการอยู่รึเปล่า ไม่ได้สังเกตุจริงๆ ] แล้วเราสามารถเจอสัญญาณได้เกือบทั้งโซล นอกเมืองก็ได้แต่ผมไม่รู้ได้หมดรึเปล่านะ โดยค่าบริการต่อวันและรายละเอียด สามารถเข้าไปชม http://first.wifi.olleh.com/en/prepaid_guide.html  สามารถซื้อจากหลายร้านมาก จริงๆผมใช้การปริ้นไปเลยอะ เพราะไม่อยากเสียเวลาไปอธิบายกับคนเกาหลีนาน
ผมวัดได้ประมาณเนี่ยนะ แต่บางจุดก็วัดได้เป็น 2000+

- เช่า lg u+ lte  [3g/4g]
http://www.upluslte.co.kr/main.asp ลองเข้าไปดูสัญลักษณ์นะครับ เพราะสีมันค่อนข้างเด่นเป็นสง่ามากๆ เวลาเครื่องเราลงแล้ว
ราคาก็จะแพงกว่านิดหน่อยครับ ค่าเช่า5500 w ต่อวัน ค่าเช่าเครื่อง 3000w ต่อวัน แต่ถ้าเช่าเกิน5 วันเขาจะไม่คิดค่าเช่าเครื่องครับ
แต่ยังไงคุณก็ต้องใช้ตัดบัตรเครดิตเพื่อประกันการเช่าเครื่องครับ

วิธีอื่นๆอาจจะมีแต่ผมไม่ทราบครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

การเดินทางในประเทศเกาหลี

การเดินทางหลักๆของเกาหลี  มี 4 แบบ

- เดิน  อันนี้แน่นอน
- รถแท็กซี่  ไม่เหมาะกับนักเดินทางแบบผม แต่ใช้ได้เมื่อยามจำเป็น
- รถเมล์  ไม่เหมาะกับนักเดินทางแบบผม แต่ใช้ได้เมื่อยามจำเป็น
- รถไฟฟ้า เหมาะกับเรามากที่สุด
** ควรจะจดแผนที่ ที่พักของเราไว้ด้วยเพื่อยื่นให้แท็กซี่สีขาว(จะถูกสุดแต่จะโดนชาตเพิ่มถ้าดึก)เพื่อพาเรากลับบ้านถ้าหลงหรือรถไฟหมด

การท่องเที่ยวด้วยรถไฟฟ้า สิ่งสำคัญที่สุดคือ แผนที่รถไฟฟ้าครับ คุณสามารถหยินแผ่นพับดังภาพ


หน้าหลังสุดจะมีแผนที่รถไฟฟ้าซึ่งจะช่วยให้เราเดินทางได้อย่างไม่หลง สามารถหยิบได้ตามสถานีรถไฟฟ้าทุกๆที่ หรือ ตู้ที่มีตัว i [infromation] มันจะสอดอยู่ข้างๆนั้นละ
หรือปริ้นไปเอง แต่คงต้องปริ้นเท่าๆกับวันที่เราจะไปนะ เพราะเราต้องหยิบมาดูบ่อยๆแน่ๆ เดี่ยวขาดเดี่ยวยุ่งหาได้ตามเน็ตเลย
หรือ
โปรแกรมที่มีชื่อว่า Visit Korea
http://english.visitkorea.or.kr/enu/FU/FU_EN_15.jsp?cid=1697323
ซึ่งเวลาเราไม่ต่อเน็ต เราจะสามารถเลือกที่ Local - subway - subway map และ มันจะมีแผนขึ้นสายรถไฟมาให้เราดูได้ด้วยนะ
และการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ทุกๆทางออก ทางขึ้น มันจะมีแผนที่บอกทางเราตลอดๆครับ ดูตัวอย่างกันก่อน

และบนหัวเราก็จะมีป้ายบอกทางเช่นกันครับ
]


* ทิป ในการขึ้นรถไฟ สังเกตุดูนะครับ ว่า ถ้า 1 สถานี บางทีมันไม่ได้ไกลมากนะครับ สามารถเดินได้อาจจะแค่ 1-2 แยก ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น  ระหว่าง อินซาดง กับ วังเคียง บก เดินออกมาจากซอย อินซาดง คุณก็เห็นกำแพงวังแล้วด้วยซ้ำ แล้วเดินข้ามถนนไปอีกไม่กี่ซอยก็จะถึงหน้าวังแล้วละครับ

* ทิป 2 ในการขึ้นรถไฟฟ้า ไม่ว่ารถไฟฟ้าใหนๆ จะมีเบาะพิเศษที่สีอาจจะต่างจากชาวบ้านหรือแยะออกมา 3 เบาะ ช่วยดูภาพบนเก้าอี้ด้วยนะครับ มันเป็นเบาะสำหรับคนสูงอายุ นั้งเท่านั้นครับ คนหนุ่มสาวแบบเราๆไปนั้ง คุณจะได้เป็นเป้าสายตาเลยละ


เดี่ยวต่อ part 2 เลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่