"" ""
หนังสือพิมพ์สามสี่ฉบับถูกโยนลงบนโต๊ะทำงานไม้สักเก่าคร่ำคร่าที่ถูกขัดจนเงาวับ บนโต๊ะถูกจัดวางไว้ด้วยคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และ
กองเอกสารที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ยังมิทันที่ผมจะได้แสดงความเคารพหรือกล่าวคำพูดใดๆ เพียงก้าวพ้นประตูมาเท่านั้น ก็ได้ยิน
เสียงกล่าวต่อว่าต่อขานแรงๆจากผู้ที่เพิ่งโยนหนังสือพิมพ์เหล่านั้นลงบนโต๊ะทำงาน
“ พวกลื้อทำงานกันยังไงว๊ะ สองอาทิตย์สามคดี แต่พวกลื้อยังจับไม่ได้แม้แต่แมวสักตัว หรือต้องรอให้พวกมันมายกเค้าบ้านพ่ออั้วก่อน
พวกลื้อถึงจะรีบตามดมกลิ่นได้ ”
พ.ต.ต. ศานติ กล่าวขึ้นอย่างเหลืออดเมื่อเห็นหน้าผม ก็น่าอยู่ล่ะในเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ มักจะปรากฏ
ข่าวโจรย่องเบา พวกลักเล็กขโมยน้อย หรือโจรยกเค้า ขึ้นบ่อยครั้งแม้ทุกครั้งหนังสือพิมพ์จะลงข่าวว่าพวกโจรได้ทรัพย์สินไปแต่เพียงเล็กน้อย
ก็ตาม แต่ก็เป็นที่รู้กันวงในว่าทรัพย์สินที่พวกมันได้ไปนั้นต้องไม่ใช่น้อยๆเหมือนอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน เพราะบ้านที่มันเลือกขึ้นขโมยนั้นทุก
หลังนั้นถ้าไม่ใช่ บ้านลับของนักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็ต้องเป็นบ้านญาติหรือคนสนิทของท่านทั้งหลายเหล่านั้น นั่นแปลว่าหัว
ขโมยเหล่านั้นต้องเป็นคนๆเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกัน และมีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี อย่างแน่นอน
“ ตอนนี้เราทราบตัวผู้ต้องสงสัยเป็นที่แน่นอนแล้วครับว่ามันเป็นใคร และวางกำลังซุ่มตามบ้านเป้าหมายทุกแห่งไว้อย่างแน่นหนา รับรอง
ว่าถ้ามันก่อคดีอีกครั้งๆนี้มันไม่รอดแน่นอนครับ ” ผมรีบกล่าวรายงาน
“ ใครกันว๊ะ ? ที่ลื้อคิดว่ามันเป็นไอ้ตีนแมวนั่น ” พ.ต.ต. ศานติถามสวนขึ้นมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ ผมคิดว่ามันคือไอ้ ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด ที่เคยเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มผู้ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นทุกรูปแบบ หรือ (ผ.ต.ค.) ที่ภายหลัง
จากนำมวลชนเข้าขับไล่รัฐมนตรีสกล ให้พ้นออกจากตำแหน่งและต้องถูกตรวจสอบ ด้วยวิธีการรุนแรงจนถูกจับกุม และภายหลังได้รับนิรโทษ
กรรมออกมา ก็หายเข้ากลีบเมฆไปพักใหญ่ ก่อนกลับเข้ามาสานต่ออุดมการณ์ด้วยการใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ผมได้รับข่าวกรองมาว่าไอ้ชาติ
ถูกตั้งค่าหัวไว้หลายแสนอยู่ จากกลุ่มผู้เสียหายครับ ”
พ.ต.ต. ศานติ นิ่งเงียบนั่งคิดอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนสบถรำพึงกับตัวเองดังๆ
“
ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด มันยังไม่ตายห่าไปอีกหรือไงว๊ะ อั้วจำได้ว่ามันโดนขึ้นบัญชีดำแล้วก็โดนตามเก็บลงหลุมไปแล้วนี่หว่า นี่
มันเป็นซอมบี้หรือไงว๊ะ ตายยากตายเย็นชิปหาย ”
…………………………………………………………………………………………………
พ.ต.ต. ศานติ และ ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด ได้ชื่อว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ด้วยเหตุผลว่าต่างคนต่างยืนอยู่บนเส้นทางที่
เป็นคนละขั้วกัน มีอุดมการณ์และแนวความคิด ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ครั้งหนึ่ง ชาติ เคยกล่าวปราศรัยบนเวทีและกล่าวหาว่า
“ ตำรวจไทยนั้น คือ สุนัขที่ยังไม่ตัดหางมันพร้อมจะแก่วงไกวไปทุกทิศทุกทางหากมีใครให้ของกิน ”
ในตอนนั้นทำให้เกิดการต่อต้านและฟ้องร้องกันอย่างมากมายและรุนแรงในวงการตำรวจไทย ต่อคำกล่าวปราศรัยของ ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด
และทำให้ในเวลาต่อมา พ.ต.ต. ศานติ ก็ได้รับคำสั่งให้นำกำลังบุกเข้าสลายการชุมนุมและเข้าจับกุมตัวแกนนำรวมทั้ง ชาติ รักษ์ชาติกำเนิดไว้
ได้ ในที่สุด ด้วยข้อหาก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ทำให้ชื่อของ ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด สูญหายไปไม่อยู่ในสารบบ บนแฟ้มข้อมูลลับ
ของหน่วยข่าวกรองถูกขึ้นตัวอักษรสีดำที่ถูกขีดฆ่าด้วยกากบาทสีแดง
………………………………………………………………………………………………….
เกือบเที่ยงคืนแล้วผมยืนพิงต้นหูกวางแก่ที่เพิ่งผลัดใบไปไม่นานจนเหลือแต่กิ่งก้านแห้งโกร๋น บุหรี่ในมือเหลือเพียงก้นกรองที่พร้อมสลัด
ทิ้ง ปืน .38 สีดำ ถูกเตรียมพร้อมไว้ในซอง ผมแอบซุ่มอยู่ข้างถังขยะและกองของเก่าที่เอ่อล้นจนท่วมหัวใต้ต้นหูกวางชรา มาเกือบสองชั่วโมง
แล้ว แสงไฟสลัวจากบ้านจัดสรรหลังเก่าที่ตั้งอยู่ตัดกับหัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามยังไม่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่รอเพียงไม่นาน ก็มอง
เห็นเงาตะคุ่มๆ ระแวดระวัง ก่อนปีนรั้วที่ไม่สูงมากนักเข้าไปในบ้านจัดสรรหลังนั้น
“ มาแล้วสิน่ะไอ้ตีนแมว คราวนี้
เสร็จกรูแน่ ” ผมคิดในใจ ก่อนชักปืน .38 สีดำออกมาจากซองไว้ในท่าเตรียมพร้อมแล้วย่อตัววิ่งหลบแสง
ไฟข้างถนน ข้ามถนนไปยังอีกฝั่งกำแพงหัวมุมของบ้านหลังนั้น ปีนข้ามกำแพงต่ำๆ ตัดสวนเล็กๆ แอบเข้าตัวบ้านทางหน้าต่างห้องครัวแคบๆที่
เปิดค้างอยู่
( โปรดติดตามตอนต่อไป ... 555 X )
...........................................................
โปลิศจับขโมย .... ( ตอน ๑ ... ตีนแมว )
หนังสือพิมพ์สามสี่ฉบับถูกโยนลงบนโต๊ะทำงานไม้สักเก่าคร่ำคร่าที่ถูกขัดจนเงาวับ บนโต๊ะถูกจัดวางไว้ด้วยคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และ
กองเอกสารที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ยังมิทันที่ผมจะได้แสดงความเคารพหรือกล่าวคำพูดใดๆ เพียงก้าวพ้นประตูมาเท่านั้น ก็ได้ยิน
เสียงกล่าวต่อว่าต่อขานแรงๆจากผู้ที่เพิ่งโยนหนังสือพิมพ์เหล่านั้นลงบนโต๊ะทำงาน
“ พวกลื้อทำงานกันยังไงว๊ะ สองอาทิตย์สามคดี แต่พวกลื้อยังจับไม่ได้แม้แต่แมวสักตัว หรือต้องรอให้พวกมันมายกเค้าบ้านพ่ออั้วก่อน
พวกลื้อถึงจะรีบตามดมกลิ่นได้ ”
พ.ต.ต. ศานติ กล่าวขึ้นอย่างเหลืออดเมื่อเห็นหน้าผม ก็น่าอยู่ล่ะในเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ มักจะปรากฏ
ข่าวโจรย่องเบา พวกลักเล็กขโมยน้อย หรือโจรยกเค้า ขึ้นบ่อยครั้งแม้ทุกครั้งหนังสือพิมพ์จะลงข่าวว่าพวกโจรได้ทรัพย์สินไปแต่เพียงเล็กน้อย
ก็ตาม แต่ก็เป็นที่รู้กันวงในว่าทรัพย์สินที่พวกมันได้ไปนั้นต้องไม่ใช่น้อยๆเหมือนอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน เพราะบ้านที่มันเลือกขึ้นขโมยนั้นทุก
หลังนั้นถ้าไม่ใช่ บ้านลับของนักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็ต้องเป็นบ้านญาติหรือคนสนิทของท่านทั้งหลายเหล่านั้น นั่นแปลว่าหัว
ขโมยเหล่านั้นต้องเป็นคนๆเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกัน และมีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี อย่างแน่นอน
“ ตอนนี้เราทราบตัวผู้ต้องสงสัยเป็นที่แน่นอนแล้วครับว่ามันเป็นใคร และวางกำลังซุ่มตามบ้านเป้าหมายทุกแห่งไว้อย่างแน่นหนา รับรอง
ว่าถ้ามันก่อคดีอีกครั้งๆนี้มันไม่รอดแน่นอนครับ ” ผมรีบกล่าวรายงาน
“ ใครกันว๊ะ ? ที่ลื้อคิดว่ามันเป็นไอ้ตีนแมวนั่น ” พ.ต.ต. ศานติถามสวนขึ้นมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ ผมคิดว่ามันคือไอ้ ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด ที่เคยเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มผู้ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นทุกรูปแบบ หรือ (ผ.ต.ค.) ที่ภายหลัง
จากนำมวลชนเข้าขับไล่รัฐมนตรีสกล ให้พ้นออกจากตำแหน่งและต้องถูกตรวจสอบ ด้วยวิธีการรุนแรงจนถูกจับกุม และภายหลังได้รับนิรโทษ
กรรมออกมา ก็หายเข้ากลีบเมฆไปพักใหญ่ ก่อนกลับเข้ามาสานต่ออุดมการณ์ด้วยการใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ผมได้รับข่าวกรองมาว่าไอ้ชาติ
ถูกตั้งค่าหัวไว้หลายแสนอยู่ จากกลุ่มผู้เสียหายครับ ”
พ.ต.ต. ศานติ นิ่งเงียบนั่งคิดอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนสบถรำพึงกับตัวเองดังๆ
“ ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด มันยังไม่ตายห่าไปอีกหรือไงว๊ะ อั้วจำได้ว่ามันโดนขึ้นบัญชีดำแล้วก็โดนตามเก็บลงหลุมไปแล้วนี่หว่า นี่
มันเป็นซอมบี้หรือไงว๊ะ ตายยากตายเย็นชิปหาย ”
…………………………………………………………………………………………………
พ.ต.ต. ศานติ และ ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด ได้ชื่อว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ด้วยเหตุผลว่าต่างคนต่างยืนอยู่บนเส้นทางที่
เป็นคนละขั้วกัน มีอุดมการณ์และแนวความคิด ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ครั้งหนึ่ง ชาติ เคยกล่าวปราศรัยบนเวทีและกล่าวหาว่า
“ ตำรวจไทยนั้น คือ สุนัขที่ยังไม่ตัดหางมันพร้อมจะแก่วงไกวไปทุกทิศทุกทางหากมีใครให้ของกิน ”
ในตอนนั้นทำให้เกิดการต่อต้านและฟ้องร้องกันอย่างมากมายและรุนแรงในวงการตำรวจไทย ต่อคำกล่าวปราศรัยของ ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด
และทำให้ในเวลาต่อมา พ.ต.ต. ศานติ ก็ได้รับคำสั่งให้นำกำลังบุกเข้าสลายการชุมนุมและเข้าจับกุมตัวแกนนำรวมทั้ง ชาติ รักษ์ชาติกำเนิดไว้
ได้ ในที่สุด ด้วยข้อหาก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ทำให้ชื่อของ ชาติ รักษ์ชาติกำเนิด สูญหายไปไม่อยู่ในสารบบ บนแฟ้มข้อมูลลับ
ของหน่วยข่าวกรองถูกขึ้นตัวอักษรสีดำที่ถูกขีดฆ่าด้วยกากบาทสีแดง
………………………………………………………………………………………………….
เกือบเที่ยงคืนแล้วผมยืนพิงต้นหูกวางแก่ที่เพิ่งผลัดใบไปไม่นานจนเหลือแต่กิ่งก้านแห้งโกร๋น บุหรี่ในมือเหลือเพียงก้นกรองที่พร้อมสลัด
ทิ้ง ปืน .38 สีดำ ถูกเตรียมพร้อมไว้ในซอง ผมแอบซุ่มอยู่ข้างถังขยะและกองของเก่าที่เอ่อล้นจนท่วมหัวใต้ต้นหูกวางชรา มาเกือบสองชั่วโมง
แล้ว แสงไฟสลัวจากบ้านจัดสรรหลังเก่าที่ตั้งอยู่ตัดกับหัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามยังไม่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่รอเพียงไม่นาน ก็มอง
เห็นเงาตะคุ่มๆ ระแวดระวัง ก่อนปีนรั้วที่ไม่สูงมากนักเข้าไปในบ้านจัดสรรหลังนั้น
“ มาแล้วสิน่ะไอ้ตีนแมว คราวนี้เสร็จกรูแน่ ” ผมคิดในใจ ก่อนชักปืน .38 สีดำออกมาจากซองไว้ในท่าเตรียมพร้อมแล้วย่อตัววิ่งหลบแสง
ไฟข้างถนน ข้ามถนนไปยังอีกฝั่งกำแพงหัวมุมของบ้านหลังนั้น ปีนข้ามกำแพงต่ำๆ ตัดสวนเล็กๆ แอบเข้าตัวบ้านทางหน้าต่างห้องครัวแคบๆที่
เปิดค้างอยู่
( โปรดติดตามตอนต่อไป ... 555 X )
...........................................................