เมื่อวานผมอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่อง Stargazing Dog (หมาน้อยพิทักษ์ดวงดาว) ของ Takashi Murakami
ไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าวันรุ่งขึ้นจะต้องพบกับ 'ภาพชินตา' ที่น่าหดหู่ที่สุด
วันนี้ 23/1/56 15.20 น. ผมเดินไปหาอะไรกินแถว ๆ ธนิยะ ซึ่งอันที่จริงผมจะออกมาหาอะไรกินตั้งนานแล้ว แต่ว่าฝนตก (ใครที่อยู่สีลมน่าจะรู้)
พบเดินมาแล้วก็เจอกับคุณป้าคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงแบงค์ไทยพาณิชย์ สาขาธนิยะ พื้นยังเปียกอยู่ ผมเดินมายังมีขี้โคลนติดเต็มเท้า
ที่หน้าคุณป้ามีลูกสุนัข (คาดว่าไม่น่าเกินสามเดือน) น่าจะเป็นพันธุ์ ชิสุ ตัวสีขาวน้ำตาลอ่อน ท่าทางอ่อนแรงมาก ๆ กับกระป๋องน้ำอัดลม ผู้คนเดินไปมา ผ่านหน้าคุณป้า บางคนไม่ได้มอง บางคนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา บางคนมองหมาด้วยความเอ็นดู
แต่ผมโกรธอยู่คนเดียว ผมยืนอย่างโกรธ ๆ อยู่หน้าธนาคาร
ด้วยความสัตย์จริง ผมยืนดูคุณป้าคนนี้ด้วยท่าทางไร้มรรยาท กล่าวคือ ผมจ้องป้าคนนี้อยู่ในระยะหนึ่งเมตร ด้วยความที่ตั้งใจจะให้ป้ารู้สึกละอายใจบ้าง ป้าหันมาหาผมเป็นครั้งคราว แล้วก็หลบตาไป เอาล่ะ, ถัดจากนี้คือสิ่งที่ผมไม่พอใจในขณะที่จดจ้องคุณป้าอยู่นาน สามสิบนาที
1. พื้นเปียก ลูกสุนัขยังเล็ก คุณป้ารองพื้นด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นเดียว ที่เปียกเช่นกัน
2. อาหารสุนัขของคุณป้าอยู่ในชามสแตนเลสข้างตัว ผมมองเห็นไม่ค่อยชัด แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอาหารที่ดีมากนัก
**3. สิ่งที่ผมโกรธเป็นอย่างแรก ก็คือ ทุกครั้งที่มี กลุ่มคนเดินผ่านมา คุณป้าจะหยิบสุนัข (ที่หลับอยู่) ขึ้นมากอด หยิบหวีไม้มาหวีขน ลูบไปที่ตัวลูกสุนัข หอมสุนัข อุ้มสุนัข เมื่อคนเดินผ่าน ก็วางลงที่พื้นดังเดิม ผมโกรธตรงที่
ทำไมคุณป้าต้องแสร้งทำเป็นรักลูกสุนัข เพื่อหาเงินด้วย น่ารังเกียจที่สุด
**4. สิ่งที่ผมเกลียดลำดับสอง น่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนเคยเห็นเป็นเรื่องปกติ เวลาที่คุณป้าได้เงินจำนวนหนึ่ง คุณป้าก็มักจะเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อด้านซ้าย ปล่อยให้ในแก้วพลาสติกไม่มีเงินเหลือ หรือมีแค่เศษเงินไม่กี่บาท ในความคิดของผม มาเป็นขอทานแล้วยังไม่ทำตัวแฟร์อีก มันเหมือนกับต้องการจะบอกว่า 'วันนี้ยังหาเงินไมได้เลย ช่วยๆ กันหน่อย' ผมถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็น
การบิดเบือนข้อมูลของขอทาน ไม่ต่างอะไรกับนักการเมือง ผมยอมรับไม่ได้ ริจะเป็นขอทาน ไม่ได้จี้ปล้นใครกินก็จริง แต่ก็ไม่สุจริต
5. จากข้อ 4 ในช่วงเวลาสั้น ๆ คุณป้าได้แบงค์ 20 4 ใบ เป็นฝรั่ง 3 คน คนไทย (หน้าโหดแต่ใจดี) หนึ่งคน ทั้งๆ ที่ไมได้อยู่ในช่วง ไพรม์ไทม์แต่ผมประมาณว่าป้าได้เงิน ไม่ต่ำกว่า
300 บาท / ชั่วโมง
6. การจี้นิสัย ขี้สงสารของคนไทย เพื่อหากำไรให้ตัวเอง
7. อนาคตของสุนัขตัวนี้จะเป็นเช่นไร ตอนที่ผมดูอยู่ มันดูอ่อนแอมาก ๆ ท่าทางไม่ได้ฉีดวัคซีนอะไรเลย
8. น้ำจากหลังคารถไฟฟ้าหยดลงมาสม่ำเสมอ ใส่ลูกสุนัขอยู่บ่อย ๆ
9. ถ้าสุนัขตัวนี้ไม่ตายก่อนวัยอันควร โตขึ้นถ้ามันไม่น่ารัก มันก็คงโดนปล่อย กลายเป็นสุนัขจรจัดรึเปล่า?
10. คนเราเป็นสัตว์ประเสริฐ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิด มีมือมีเท้า ผึ้งีท่ทำรังได้สวยที่สุด ก็ยังสู้สถาปนิกที่ห่วยที่สุดไม่ได้ แต่ทำไมต้องใช้สัตว์ที่ไม่รู้เรื่องอะไร บังคับฝืนใจ มันให้หาเงินให้ แล้วตัวเองนั่งสบาย ๆ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ
เมื่อผมยืนจ้องอยู่ครบ สามสิบนาที คุณป้าคงรู้สึกได้ เลยลุกขึ้น นำหมาเข้าไปในตะกร้าใส่ลูกหมา สีฟ้า ขนาดเล็กๆ เดินไปที่ป้ายรถเมล์ ผมเดินตามไป คุณป้าหันกลับมามองผม แล้วก็เดินหนีเข้าไปในตึก
ในตอนนั้นผมอยากจะบอกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาว่า ถ้าสงสารสุนัข อย่าให้เงินกับป้าแกเลย ทำแบบนี้มันไม่มีวันจบสิ้น
เมื่อสุนัขตัวนี้ตายลง ก็อาจจะมีลุกสุนัขตัวอื่นมาทดแทน ไม่จบไม่สิ้น หรือไม่ก็เดินเข้าไปถามคุณป้า ว่าทำแบบนี้มันไม่ดีนะ ทำไมป้าไม่ไปทำงานอย่างอื่น
แน่นอน, ผมไม่ได้พูดหรอก ได้แต่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ผมไม่ใช่คนที่มีความกล้าอะไรขนาดนั้้นอยู่แล้ว แต่ก็เก็บเรื่องนี้มาคิดๆๆๆๆ อยู่ในใจตลอด
กระทู้แบบนี้น่าจะเคยมีในพันทิปบ่อยครั้ง โผล่เข้ามา แล้วก็หายไป ไม่นานผู้คนก็จะลืมเลือน...
ถ้าเช่นนั้น เมื่อไหร่ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องเล็กๆ อันน่าหดหู่นี้เสียที? ผมอยากรู้จริง ๆ
คิดยังไงกับขอทานที่นำลูกสุนัขมาขอเงิน
ไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าวันรุ่งขึ้นจะต้องพบกับ 'ภาพชินตา' ที่น่าหดหู่ที่สุด
วันนี้ 23/1/56 15.20 น. ผมเดินไปหาอะไรกินแถว ๆ ธนิยะ ซึ่งอันที่จริงผมจะออกมาหาอะไรกินตั้งนานแล้ว แต่ว่าฝนตก (ใครที่อยู่สีลมน่าจะรู้)
พบเดินมาแล้วก็เจอกับคุณป้าคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงแบงค์ไทยพาณิชย์ สาขาธนิยะ พื้นยังเปียกอยู่ ผมเดินมายังมีขี้โคลนติดเต็มเท้า
ที่หน้าคุณป้ามีลูกสุนัข (คาดว่าไม่น่าเกินสามเดือน) น่าจะเป็นพันธุ์ ชิสุ ตัวสีขาวน้ำตาลอ่อน ท่าทางอ่อนแรงมาก ๆ กับกระป๋องน้ำอัดลม ผู้คนเดินไปมา ผ่านหน้าคุณป้า บางคนไม่ได้มอง บางคนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา บางคนมองหมาด้วยความเอ็นดู
แต่ผมโกรธอยู่คนเดียว ผมยืนอย่างโกรธ ๆ อยู่หน้าธนาคาร
ด้วยความสัตย์จริง ผมยืนดูคุณป้าคนนี้ด้วยท่าทางไร้มรรยาท กล่าวคือ ผมจ้องป้าคนนี้อยู่ในระยะหนึ่งเมตร ด้วยความที่ตั้งใจจะให้ป้ารู้สึกละอายใจบ้าง ป้าหันมาหาผมเป็นครั้งคราว แล้วก็หลบตาไป เอาล่ะ, ถัดจากนี้คือสิ่งที่ผมไม่พอใจในขณะที่จดจ้องคุณป้าอยู่นาน สามสิบนาที
1. พื้นเปียก ลูกสุนัขยังเล็ก คุณป้ารองพื้นด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นเดียว ที่เปียกเช่นกัน
2. อาหารสุนัขของคุณป้าอยู่ในชามสแตนเลสข้างตัว ผมมองเห็นไม่ค่อยชัด แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอาหารที่ดีมากนัก
**3. สิ่งที่ผมโกรธเป็นอย่างแรก ก็คือ ทุกครั้งที่มี กลุ่มคนเดินผ่านมา คุณป้าจะหยิบสุนัข (ที่หลับอยู่) ขึ้นมากอด หยิบหวีไม้มาหวีขน ลูบไปที่ตัวลูกสุนัข หอมสุนัข อุ้มสุนัข เมื่อคนเดินผ่าน ก็วางลงที่พื้นดังเดิม ผมโกรธตรงที่ ทำไมคุณป้าต้องแสร้งทำเป็นรักลูกสุนัข เพื่อหาเงินด้วย น่ารังเกียจที่สุด
**4. สิ่งที่ผมเกลียดลำดับสอง น่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนเคยเห็นเป็นเรื่องปกติ เวลาที่คุณป้าได้เงินจำนวนหนึ่ง คุณป้าก็มักจะเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อด้านซ้าย ปล่อยให้ในแก้วพลาสติกไม่มีเงินเหลือ หรือมีแค่เศษเงินไม่กี่บาท ในความคิดของผม มาเป็นขอทานแล้วยังไม่ทำตัวแฟร์อีก มันเหมือนกับต้องการจะบอกว่า 'วันนี้ยังหาเงินไมได้เลย ช่วยๆ กันหน่อย' ผมถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการบิดเบือนข้อมูลของขอทาน ไม่ต่างอะไรกับนักการเมือง ผมยอมรับไม่ได้ ริจะเป็นขอทาน ไม่ได้จี้ปล้นใครกินก็จริง แต่ก็ไม่สุจริต
5. จากข้อ 4 ในช่วงเวลาสั้น ๆ คุณป้าได้แบงค์ 20 4 ใบ เป็นฝรั่ง 3 คน คนไทย (หน้าโหดแต่ใจดี) หนึ่งคน ทั้งๆ ที่ไมได้อยู่ในช่วง ไพรม์ไทม์แต่ผมประมาณว่าป้าได้เงิน ไม่ต่ำกว่า 300 บาท / ชั่วโมง
6. การจี้นิสัย ขี้สงสารของคนไทย เพื่อหากำไรให้ตัวเอง
7. อนาคตของสุนัขตัวนี้จะเป็นเช่นไร ตอนที่ผมดูอยู่ มันดูอ่อนแอมาก ๆ ท่าทางไม่ได้ฉีดวัคซีนอะไรเลย
8. น้ำจากหลังคารถไฟฟ้าหยดลงมาสม่ำเสมอ ใส่ลูกสุนัขอยู่บ่อย ๆ
9. ถ้าสุนัขตัวนี้ไม่ตายก่อนวัยอันควร โตขึ้นถ้ามันไม่น่ารัก มันก็คงโดนปล่อย กลายเป็นสุนัขจรจัดรึเปล่า?
10. คนเราเป็นสัตว์ประเสริฐ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิด มีมือมีเท้า ผึ้งีท่ทำรังได้สวยที่สุด ก็ยังสู้สถาปนิกที่ห่วยที่สุดไม่ได้ แต่ทำไมต้องใช้สัตว์ที่ไม่รู้เรื่องอะไร บังคับฝืนใจ มันให้หาเงินให้ แล้วตัวเองนั่งสบาย ๆ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ
เมื่อผมยืนจ้องอยู่ครบ สามสิบนาที คุณป้าคงรู้สึกได้ เลยลุกขึ้น นำหมาเข้าไปในตะกร้าใส่ลูกหมา สีฟ้า ขนาดเล็กๆ เดินไปที่ป้ายรถเมล์ ผมเดินตามไป คุณป้าหันกลับมามองผม แล้วก็เดินหนีเข้าไปในตึก
ในตอนนั้นผมอยากจะบอกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาว่า ถ้าสงสารสุนัข อย่าให้เงินกับป้าแกเลย ทำแบบนี้มันไม่มีวันจบสิ้น
เมื่อสุนัขตัวนี้ตายลง ก็อาจจะมีลุกสุนัขตัวอื่นมาทดแทน ไม่จบไม่สิ้น หรือไม่ก็เดินเข้าไปถามคุณป้า ว่าทำแบบนี้มันไม่ดีนะ ทำไมป้าไม่ไปทำงานอย่างอื่น
แน่นอน, ผมไม่ได้พูดหรอก ได้แต่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ผมไม่ใช่คนที่มีความกล้าอะไรขนาดนั้้นอยู่แล้ว แต่ก็เก็บเรื่องนี้มาคิดๆๆๆๆ อยู่ในใจตลอด
กระทู้แบบนี้น่าจะเคยมีในพันทิปบ่อยครั้ง โผล่เข้ามา แล้วก็หายไป ไม่นานผู้คนก็จะลืมเลือน...
ถ้าเช่นนั้น เมื่อไหร่ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องเล็กๆ อันน่าหดหู่นี้เสียที? ผมอยากรู้จริง ๆ