ขอเอาประสบการณ์ส่วนตัวเลยนะครับ
ได้สัมผัสภาษาอังกฤษตอนแรกก็อยู่ ม.1 แล้ว (ปี 2528) สมัยนั้นไม่มีการเรียนการสอนในระดับประถม พอจบ ม. 3 มาก็รู้แค่งูๆ ปลาๆ เพราะเรียนแค่สามปีเอง
หลังจากนั้นก็ทิ้งการเรียนหลายปี แล้วก็มาเรียน กศน. ม.ปลาย มีวิชาภาษาอังกฤษด้วยแฮะ ตอนนั้นเริ่มอยากเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง
แต่พอมาจับหนังสือภาษาอังกฤษที่เรียนปรากฎว่าไม่รู้เรื่องเลย อ่านไม่ออก ก็เลยซื้อดิกชันนารีมาหนึ่งเล่ม เพื่อแปลคำศัพท์ แต่พระเจ้าช่วย คำศัพท์แปลได้ทุกตัว แต่พอเอามารวมเป็นประโยคทำไมเราแปลไม่ออก เช่น
There is a cat in my room.
ที่นั่น คือ หนึ่ง แมว ใน ของฉัน ห้อง เอามาเรียงประโยคใหม่เป็น ที่นั่นคือแมวของฉันหนึ่งตัว
เอ๊ ทำไมมันแปลกๆว้า ก็เลยให้จดโน๊ตให้นักเรียนระดับมัธยมเอาไปให้ครูแปลให้หน่อย คุณครูเขาเขียนมาว่าThere is แปลว่า มี เอ้าที่เราแปลมามันก็ผิดนะสิ งั้นควรทำไงดีละ ควรเริ่มตรงไหน ก็ฝากนักเรียนไปถามครูอีก
คุณครูก็ให้คำตอบมาว่า ให้ไปซื้อไวยากรณ์ระดับประถมมาอ่านควบคู่ไปด้วย ซึ่งมีเรื่องของ Tense ซึ่งเป็นหัวใจของการเรียนภาษาอังกฤษอยู่ด้วย หลังจากนั้นก็อ่านเรื่อง Tense ควบคู่ไปด้วยพร้อมกับแปล ซึ่งจากการได้ศึกษาไวยากรณ์ทำให้ได้รู้ว่า รูปแบบประโยคของภาษาอังกฤษมันไม่เหมือนกันอย่างนี้เอง มิน่าละ ถึงแม้จะมี ดิกชั่นนารีแปลคำศัพท์ได้ แต่ถ้าไม่รู้จักโครงสร้างของประโยค (Tense) มันก็แปลไม่ได้อยู่ดี
จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลังจากที่ได้ศึกษามาพอสมควรแล้ว ก็ได้เข้าใจว่า ถ้าเรารู้จักโครงสร้างของประโยค และรู้คำศัพท์พันต้นๆ ก็สามารถอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจได้แล้ว
และวันนี้ก็ได้มาสร้างเนื้อหาเพื่อแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษบนโลกออนไลน์ให้กับผู้ที่สนใจ ตอนแรกก็แค่่จะเขียนเล่นๆ แต่ปรากฏว่ามีคนที่สนใจกลุ่มหนึ่งเข้าไปเรียนรู้ ซึ่งรู้สึกภูมิใจเล็กๆ ที่เนื้อหาของเราเป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนหนึ่ง
พบกันที่ : www.ภาษาอังกฤษออนไลน์.com
ตั้งใจจะทำเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ที่มีเวลาศึกษาด้วยตนเองนะครับ เข้าไปแล้วคงไม่ผิดหวังนะครับ แบบว่าบรรจงสร้างมากเลยครับ
เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ก็เก่งได้ มาดูวิธีกัน
ได้สัมผัสภาษาอังกฤษตอนแรกก็อยู่ ม.1 แล้ว (ปี 2528) สมัยนั้นไม่มีการเรียนการสอนในระดับประถม พอจบ ม. 3 มาก็รู้แค่งูๆ ปลาๆ เพราะเรียนแค่สามปีเอง
หลังจากนั้นก็ทิ้งการเรียนหลายปี แล้วก็มาเรียน กศน. ม.ปลาย มีวิชาภาษาอังกฤษด้วยแฮะ ตอนนั้นเริ่มอยากเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง
แต่พอมาจับหนังสือภาษาอังกฤษที่เรียนปรากฎว่าไม่รู้เรื่องเลย อ่านไม่ออก ก็เลยซื้อดิกชันนารีมาหนึ่งเล่ม เพื่อแปลคำศัพท์ แต่พระเจ้าช่วย คำศัพท์แปลได้ทุกตัว แต่พอเอามารวมเป็นประโยคทำไมเราแปลไม่ออก เช่น
There is a cat in my room.
ที่นั่น คือ หนึ่ง แมว ใน ของฉัน ห้อง เอามาเรียงประโยคใหม่เป็น ที่นั่นคือแมวของฉันหนึ่งตัว
เอ๊ ทำไมมันแปลกๆว้า ก็เลยให้จดโน๊ตให้นักเรียนระดับมัธยมเอาไปให้ครูแปลให้หน่อย คุณครูเขาเขียนมาว่าThere is แปลว่า มี เอ้าที่เราแปลมามันก็ผิดนะสิ งั้นควรทำไงดีละ ควรเริ่มตรงไหน ก็ฝากนักเรียนไปถามครูอีก
คุณครูก็ให้คำตอบมาว่า ให้ไปซื้อไวยากรณ์ระดับประถมมาอ่านควบคู่ไปด้วย ซึ่งมีเรื่องของ Tense ซึ่งเป็นหัวใจของการเรียนภาษาอังกฤษอยู่ด้วย หลังจากนั้นก็อ่านเรื่อง Tense ควบคู่ไปด้วยพร้อมกับแปล ซึ่งจากการได้ศึกษาไวยากรณ์ทำให้ได้รู้ว่า รูปแบบประโยคของภาษาอังกฤษมันไม่เหมือนกันอย่างนี้เอง มิน่าละ ถึงแม้จะมี ดิกชั่นนารีแปลคำศัพท์ได้ แต่ถ้าไม่รู้จักโครงสร้างของประโยค (Tense) มันก็แปลไม่ได้อยู่ดี
จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลังจากที่ได้ศึกษามาพอสมควรแล้ว ก็ได้เข้าใจว่า ถ้าเรารู้จักโครงสร้างของประโยค และรู้คำศัพท์พันต้นๆ ก็สามารถอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจได้แล้ว
และวันนี้ก็ได้มาสร้างเนื้อหาเพื่อแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษบนโลกออนไลน์ให้กับผู้ที่สนใจ ตอนแรกก็แค่่จะเขียนเล่นๆ แต่ปรากฏว่ามีคนที่สนใจกลุ่มหนึ่งเข้าไปเรียนรู้ ซึ่งรู้สึกภูมิใจเล็กๆ ที่เนื้อหาของเราเป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนหนึ่ง
พบกันที่ : www.ภาษาอังกฤษออนไลน์.com
ตั้งใจจะทำเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ที่มีเวลาศึกษาด้วยตนเองนะครับ เข้าไปแล้วคงไม่ผิดหวังนะครับ แบบว่าบรรจงสร้างมากเลยครับ