งานนี้ต้องขอบคุณเพื่อนผมที่จองจั๋วให้ไปดูกับเค้าด้วย เกิดมาเพิ่งเคยเจออาจารย์วีระ ตัวจริงมองว่าท่านหน้าตาใจดีนะ ไม่เห็นจะร้ายเลย แต่แอบสับสนบุคลิกท่านเล็กน้อย เพราะลักษณะโผงผางขนาดนี้ไม่น่าเชื่อว่าอาจารย์จะชอบโอเปร่า ชอบดนตรีคลาสสิค รอบพิเศษเมื่อวานนี้เค้าจัดที่โรงภาพยนตร์ ยูฮอลลีวู้ด ยูเนี่ยนมอลล์ ขอสารภาพว่าไปถึงก่อนเวลาตั้งแต่ยังไม่บ่าย และก็แอบงงเพราะหาโรงไม่เจอ เนื่องจากไม่ค่อยได้ไปเที่ยวห้างนี้เท่าไหร่ ไปถึงโรงเลยทราบว่ามีเสวนาก่อนชมภาพยนตร์ด้วย ดดยอาจารย์วีระดำเนินรายการ และได้เชิญอาจารย์ วิภาดา กิตติโกวิท ผู้แปลเรื่อง Les Miserables มาร่วมเสวนาด้วย โดยอาจารย์ วิภาดา กิตติโกวิท อาจจะไม่ค่อยมีคนรู็จัก แต่ในวงการนักอ่านหนังสือแปลจะทราบว่าอาจารย์วิภาดา กิตติโกวิทนี่แปลแต่ของยากทั้งนั้น ลองไปดูผลงานและรางวัลของอาจารย์ท่านนี้ได้ที่นี่ฃ
http://www.oknation.net/blog/nonglakspace/2011/05/04/entry-1
สิ่งที่ได้ทราบก่อนชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ
1.วิคเตอร์ ฮูโก้ ใช้เวลาเขียนหนังสือเรื่อง Les Miserables นี้ใช้เวลาเขียนถึง 17 ปี
2.วิคเตอร์ ฮูโก้ เป็นคนที่ศรัทธาในพระเจ้า แต่ไม่ชอบคริสต์จักร์
3.Les Miserables เคยมีคนแปลเอาไว้เมื่อตอนช่วงปี 250x อะไรสักอย่าง ผู้แปลคือ จูเลียต หรือ ชนิด สายประดิษฐ์ ตอนนั้นแปลเอาไว้เพียง 2 ตอนเท่านั้น ตั้งชื่อเรื่องว่า เหยื่ออธรรม
4.มีการแปลอีกรอบหนึ่งตั้งชื่อเรื่องว่า ตรวนชีวิต แปลโดยคณะอาจารย์ มช แต่ที่แปลมายังเป็นเหมือนแค่บทย่อ(ก็ยังร่วม 700 หน้า)
อาจารย์วิภาดาตัดสินใจเอา Les Miserables มาแปลใหม่ทั้งหมดแบบครบบริบูรณ์ มี 5 เล่ม ชุดใหญ่ แต่ละเล่มหนามาก ใครจะซื้อมาอ่าน คงจะต้องมีศรัทธาที่จะอ่านมากๆ
5.ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์เพลงที่เราชมนั้นจะเริ่มต้นเรื่องที่ ฌองวอฌอง ออกจากคุก โดยก่อนหน้านี้ที่ภาพยนตร์ไม่ได้เริ่มถึงก็คือ พระเอกหรือ ฌองวอฌอง เป็นชายหนุ่มที่ไปขโมยขนมปังแค่ก้อนเดียวเอามาให้หลานกิน แล้วโดนตัดสินจำคุก 5 ปี แต่เค้าไม่ยอมเลยหลบหนีออกจากคุกหลายรอบ จาก 5 ปีเลยกลายเป็น 19 ปี
6.สังคมฝรั่งเศส การมีลูกนอกสมรส หรือมีลูก ท้อวงไม่มีพ่อเป้นสิ่งที่สังคมยอมรับไม่ได้ ฟองตีน(แอน เฮธ) ก็เลยโดนคนประณามและต้องออกจากโรงงานมาขายผม ขายฟันและขายตัว
7.สภาพการเมืองของฝรั่งเศสตอนนั้นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป้นสงครามชนชั้นระบอบกษัตริย์ กับระบอบจักรวรรดิ์ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จากเรื่องนี้เราจะเห็นตัวอย่างของการชุมนุมได้อย่างชัดเจนเลยว่า ฝรั่งเศสนี่แหละคือแม่แบบของระบบการชุมนุมของโลก รวมถึงระบบสหภาพแรงงาน ทุกวันนี้ระบบสหภาพแรงงานฝรั่งเศสเข้มแข้งมาก ไปที่นี่จะพบว่าเค้าประท้วงหยุดงานกันบ่อย
8.อาจารย์วีระกับวิทยากรแอบเผลอสปอยล์ แต่ไม่รู้สึกเสียอรรถรสอะไร เพราะผมเคยอ่านเรื่องย่อมาก่อนแล้ว
มาถึงตัวหนังบ้าง
Les Miserables เวอร์ชั่นภาพยนตร์เพลงของ Tom Hooper ถือว่าเป็นหนังที่ยิ่งใหญ่มาก มีการนำเอาความเป็นภาพยนตร์มาผสมผสานกับเพลงบรอดเวย์ได้อย่างลงตัวที่สุด เพลงเพราะจับใจจนเรียกได้ว่าทำให้ผมหลั่งน้ำตาออกมาได้หลายรอบอย่างน้อยๆก็มากกว่า 3 ครั้ง และที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้คือการแสดงของ แอน เฮธอะเวย์ ที่แม้จะออมาตอนต้นเรื่องน้อยมากกกกกก แต่อิทธิพลของแอนยังคลอบคลุมหนังอยู่ทั้งเรื่อง การแสดงของแอนเรียกได้ว่าอินเนอร์ทางการแสดงล้นมาก เธอร้องเพลงได้ดีและแลาดที่เลือกที่จะร้องแบบเค้นอารมณ์ในเพลง ไม่แสดงพาวเวอรืแบบต้นฉบับ ซึ่งเรียกว่าทำให้เพลง I Dream a dream ในเวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นที่น่าจดจำมากๆ ส่วน ฮิวจ์ แจ๊คแมน นี่ถ้าไม่ทราบว่าเป็นดาราบรอดเวบ์มาก่อน ก็คงตกใจ เพราะฮิวจืร้องเพลงได้พ่นไฟมากๆ จนตกใจ เฮ้ย ทำไมร้องเพลงเก่งและเพราะขนาดนี้ การแสดงของฮิวจ์นี่บอกเลย อดที่จะเชียร์ให้เค้าได้ออสการ์ไม่ได้ เพราะแสดงได้สุดๆมาก อีกคนนึงที่อดที่จะจดจำและไม่พูดถึงไม่ได้คือ samantha barks ในบทของ เอโพนีน ที่ร้องเพลง On My Own กลางสายฝน แบบว่าโอ้โฮ ทำไมเพลงนี้มันเพราะจับใจจนเราอดที่จะร้องไห้ไปกับเธอไม่ได้ และหลายๆครั้งที่เราอดที่จะสะเทือนใจไปกับตัวละครตัวนี้ไม่ได้
ดูจบออกมา look down Look down ก้องอยู่ในหู
Do You Here the People sing ก้องในหู
bring Him Home ก้องในหู
เต็มตื้น สะเทือนใจ ซาบซึ้ง
หนังพูดถึงความรักในหลายระดับ
แม่ผู้เป็นบุพการีที่รักลูกสาวสุดหัวใจ ฟองทีน-โคเซท
พ่อที่ดูแลลูกสาวแม้จะไม่ใช่พ่อแม้ๆแต่ก็รักสุดหัวใจ
ความรักที่พระเจ้า(ผ่านตัวแทนโดยบิชอป)มีแต่ชอง และการให้โอกาส การให้เพียงครั้งเดียว พลิกชีวิตคนที่ไม่ฒรัทธาในความดีกลายเป็นคนที่จะกลับตัว
ความรักในอุดมการณ์การปกครอง
ความศรัทธาในหน้าที่(โลกของชาแวร์นายคตำรวจมีแต่ขาวกับดำ)
กลไกของบทประพันธ์เรื่องนี้แหลมคมมากในความคิดผม และคาดว่าถ้าหนังเรื่องนี้ฉายจริงๆ ก็อาจจะตีตั๋วไปชมอีกอย่างน้อยมีอีก 2 รอบขึ้นไปแน่ๆ ไปทอดตัวนอนฟังเพลงในโรงก็มีความสุขแล้วครับ ถ้าพารากอนเอาลงโรงเบาะหนัง คงนอนฟังเพลงอย่างมีความสุข นอนสูดกลิ่นหนังไปด้วย มันแฮปปี้มากๆเลยนะครับ
รีวิว Les Miserables รอบพิเศษกับอาจารย์วีระ(ได้ความรู้จากผู้แปลด้วย) ขอบอกว่านี่คือภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่มาก
http://www.oknation.net/blog/nonglakspace/2011/05/04/entry-1
สิ่งที่ได้ทราบก่อนชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ
1.วิคเตอร์ ฮูโก้ ใช้เวลาเขียนหนังสือเรื่อง Les Miserables นี้ใช้เวลาเขียนถึง 17 ปี
2.วิคเตอร์ ฮูโก้ เป็นคนที่ศรัทธาในพระเจ้า แต่ไม่ชอบคริสต์จักร์
3.Les Miserables เคยมีคนแปลเอาไว้เมื่อตอนช่วงปี 250x อะไรสักอย่าง ผู้แปลคือ จูเลียต หรือ ชนิด สายประดิษฐ์ ตอนนั้นแปลเอาไว้เพียง 2 ตอนเท่านั้น ตั้งชื่อเรื่องว่า เหยื่ออธรรม
4.มีการแปลอีกรอบหนึ่งตั้งชื่อเรื่องว่า ตรวนชีวิต แปลโดยคณะอาจารย์ มช แต่ที่แปลมายังเป็นเหมือนแค่บทย่อ(ก็ยังร่วม 700 หน้า)
อาจารย์วิภาดาตัดสินใจเอา Les Miserables มาแปลใหม่ทั้งหมดแบบครบบริบูรณ์ มี 5 เล่ม ชุดใหญ่ แต่ละเล่มหนามาก ใครจะซื้อมาอ่าน คงจะต้องมีศรัทธาที่จะอ่านมากๆ
5.ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์เพลงที่เราชมนั้นจะเริ่มต้นเรื่องที่ ฌองวอฌอง ออกจากคุก โดยก่อนหน้านี้ที่ภาพยนตร์ไม่ได้เริ่มถึงก็คือ พระเอกหรือ ฌองวอฌอง เป็นชายหนุ่มที่ไปขโมยขนมปังแค่ก้อนเดียวเอามาให้หลานกิน แล้วโดนตัดสินจำคุก 5 ปี แต่เค้าไม่ยอมเลยหลบหนีออกจากคุกหลายรอบ จาก 5 ปีเลยกลายเป็น 19 ปี
6.สังคมฝรั่งเศส การมีลูกนอกสมรส หรือมีลูก ท้อวงไม่มีพ่อเป้นสิ่งที่สังคมยอมรับไม่ได้ ฟองตีน(แอน เฮธ) ก็เลยโดนคนประณามและต้องออกจากโรงงานมาขายผม ขายฟันและขายตัว
7.สภาพการเมืองของฝรั่งเศสตอนนั้นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป้นสงครามชนชั้นระบอบกษัตริย์ กับระบอบจักรวรรดิ์ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จากเรื่องนี้เราจะเห็นตัวอย่างของการชุมนุมได้อย่างชัดเจนเลยว่า ฝรั่งเศสนี่แหละคือแม่แบบของระบบการชุมนุมของโลก รวมถึงระบบสหภาพแรงงาน ทุกวันนี้ระบบสหภาพแรงงานฝรั่งเศสเข้มแข้งมาก ไปที่นี่จะพบว่าเค้าประท้วงหยุดงานกันบ่อย
8.อาจารย์วีระกับวิทยากรแอบเผลอสปอยล์ แต่ไม่รู้สึกเสียอรรถรสอะไร เพราะผมเคยอ่านเรื่องย่อมาก่อนแล้ว
มาถึงตัวหนังบ้าง
Les Miserables เวอร์ชั่นภาพยนตร์เพลงของ Tom Hooper ถือว่าเป็นหนังที่ยิ่งใหญ่มาก มีการนำเอาความเป็นภาพยนตร์มาผสมผสานกับเพลงบรอดเวย์ได้อย่างลงตัวที่สุด เพลงเพราะจับใจจนเรียกได้ว่าทำให้ผมหลั่งน้ำตาออกมาได้หลายรอบอย่างน้อยๆก็มากกว่า 3 ครั้ง และที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้คือการแสดงของ แอน เฮธอะเวย์ ที่แม้จะออมาตอนต้นเรื่องน้อยมากกกกกก แต่อิทธิพลของแอนยังคลอบคลุมหนังอยู่ทั้งเรื่อง การแสดงของแอนเรียกได้ว่าอินเนอร์ทางการแสดงล้นมาก เธอร้องเพลงได้ดีและแลาดที่เลือกที่จะร้องแบบเค้นอารมณ์ในเพลง ไม่แสดงพาวเวอรืแบบต้นฉบับ ซึ่งเรียกว่าทำให้เพลง I Dream a dream ในเวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นที่น่าจดจำมากๆ ส่วน ฮิวจ์ แจ๊คแมน นี่ถ้าไม่ทราบว่าเป็นดาราบรอดเวบ์มาก่อน ก็คงตกใจ เพราะฮิวจืร้องเพลงได้พ่นไฟมากๆ จนตกใจ เฮ้ย ทำไมร้องเพลงเก่งและเพราะขนาดนี้ การแสดงของฮิวจ์นี่บอกเลย อดที่จะเชียร์ให้เค้าได้ออสการ์ไม่ได้ เพราะแสดงได้สุดๆมาก อีกคนนึงที่อดที่จะจดจำและไม่พูดถึงไม่ได้คือ samantha barks ในบทของ เอโพนีน ที่ร้องเพลง On My Own กลางสายฝน แบบว่าโอ้โฮ ทำไมเพลงนี้มันเพราะจับใจจนเราอดที่จะร้องไห้ไปกับเธอไม่ได้ และหลายๆครั้งที่เราอดที่จะสะเทือนใจไปกับตัวละครตัวนี้ไม่ได้
ดูจบออกมา look down Look down ก้องอยู่ในหู
Do You Here the People sing ก้องในหู
bring Him Home ก้องในหู
เต็มตื้น สะเทือนใจ ซาบซึ้ง
หนังพูดถึงความรักในหลายระดับ
แม่ผู้เป็นบุพการีที่รักลูกสาวสุดหัวใจ ฟองทีน-โคเซท
พ่อที่ดูแลลูกสาวแม้จะไม่ใช่พ่อแม้ๆแต่ก็รักสุดหัวใจ
ความรักที่พระเจ้า(ผ่านตัวแทนโดยบิชอป)มีแต่ชอง และการให้โอกาส การให้เพียงครั้งเดียว พลิกชีวิตคนที่ไม่ฒรัทธาในความดีกลายเป็นคนที่จะกลับตัว
ความรักในอุดมการณ์การปกครอง
ความศรัทธาในหน้าที่(โลกของชาแวร์นายคตำรวจมีแต่ขาวกับดำ)
กลไกของบทประพันธ์เรื่องนี้แหลมคมมากในความคิดผม และคาดว่าถ้าหนังเรื่องนี้ฉายจริงๆ ก็อาจจะตีตั๋วไปชมอีกอย่างน้อยมีอีก 2 รอบขึ้นไปแน่ๆ ไปทอดตัวนอนฟังเพลงในโรงก็มีความสุขแล้วครับ ถ้าพารากอนเอาลงโรงเบาะหนัง คงนอนฟังเพลงอย่างมีความสุข นอนสูดกลิ่นหนังไปด้วย มันแฮปปี้มากๆเลยนะครับ