ท้าวความก่อนครับ
สมัยก่อนผมทำงานบริษัท เป็นพนักงานทั่วไป ได้เดือนละ 950 บาท ทำได้ประมาณ 1 ปีก็ออกครับ และว่างงานอยู่ประมาณ 6 เดือน
จึงหันมาทำธุรกิจเล็กๆ เกี่ยวกับน้ำหมึกผ่าน website กำไรประมาณ 20 % ของตัวสินค้าครับ ทำแบบไม่มีหน้าร้านมาตั้งแต่ปี 49 (ทำอยู่คนเดียว)
มีรายได้พอกินพออยู่ ประมาณ 2 หมื่นบาทต่อเดือน ไม่เคยยื่นแบบ ภงด.90 เลยสักครั้งครับ เพราะเคยคิดเงิน หลังหักได้กำไรสุทธิไม่เกิน 150000 บาท/ต่อปี
โดยรับสินค้าจาก ซัพพลายเออร์ มาขายต่ออีกที โดยเปิดบิลเงินสดให้ผมทุกครั้ง
ต่อมาประมาณปี 53 แฟนผมที่ได้ทำงานประจำได้ออกจากงานแล้วมาช่วยทำทำธุกิจด้วยกัน ก็เหมือนเดิมครับทำไปวันๆ
และได้เปิดบัญชีเพิ่ม 2 บัญชีเป็นชื่อของแฟนผมทั้งหมดครับ รวมกันในเว็บ มี 3 บัญชีด้วยครับ ผม 1 ของแฟน 2 ครับ มีเงินผ่านบัญชีมาเรื่อยๆ แต่ไม่เคยยื่นอะไรให้สรรพากรทั้งสิ้น เงินส่วนมากจะผ่านบัญชีของแฟนเป็นหลักครับ เพราะเป็นที่นิยม โดย 2 bank ประมาณ 8-9 แสนบาท ส่วนตัวผมประมาณ 3 แสนครับ รวมกันแล้ว ประมาณ 1 ล้านกว่าๆ/ปี นี่คือรายได้ครับ รายได้อีกทางคือลูกค้ามารับสินค้าที่บ้าน (ไม่ได้เปิดเป็นกิจลักษณะ) แล้วเปิดบิลเงินสดให้ครับ (โดยสรรพากรไม่รู้ว่ามียอดขายตรงนี้ด้วยเพราะไม่ผ่าน bank) โดยรายได้นี้ไม่ได้หักต้นทุนอะไรทั้งสิ้น
โดยต่อมาเมื่อปี 54 ผมได้จดทะเบียนทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ชื่อผมคนเดียวเป็นเจ้าของเว็บไซต์
ที่มาของเงินที่ผ่านบัญชี (ที่สรรพากรรู้)
คือ ลูกค้าซื้อสินค้า โอนเงินผ่านธนาคารแล้วผมส่งสินค้าให้ทาง ไปรษณีย์ครับ เสร็จแล้วผมก็กดเงินนั้นออกมาหมุนในธุรกิจเป็นอย่างนี้วนไปวนมาครับ
เรื่องของเรื่องคือตอนนี้สรรพากรส่งจดหมายมาหาแฟนผม ให้ไปชี้แจงรายได้ 2 ธนาคาร ตั้งแต่ปี 53-55 (3ปี ย้อนหลัง)
โดยขอใบเสร็จ ภ.ง.ด.90 , ภ.ง.ด.91 , ภพ.30 ซึ่งแฟนผมไม่มีสักอัน
ขอขอปรึกษาทีละคำถามครับ
1.ผมจะไปชี้แจ้งด้วยดีไหมครับ เพราะผมก็ยังไม่เคยยื่นภาษีอะไรเลยเหมือนกัน กลัวโดน 2 เด้งครับ
2.บิลที่ ซัพพลายเออร์ออก ให้ผมที่เป็นราคาขายส่งนั้น เป็นชื่อผมทั้งหมด ไม่ทราบว่าแฟนผมจะถือหลักฐานชิ้นนี้ไปชี้แจงรายจ่ายได้ไหมครับ
หรือให้ ออกบิลใหม่ชื่อแฟน จะเข้าท่ากว่าครับ
3.ถ้าไม่เคยยื่น ภ.ง.ด 90 เลยโดนปรับ ยังไงบ้างครับ กี่ % หรือต้องไปคูณอะไรอีก ภายใน 3 ปีที่ไม่ได้จ่ายครับ
4. จำเป็นที่ต้องนำบิลที่ ซัพพลายเออร์ ออกให้ไปทุกใบหรือไม่ครับ เพราะต้นทุนสูงมาก บางปีหักลบแล้วติดลบครับ ยกเว้นจะพ่วงบัญชีผมไปด้วย ถึงจะไม่ติดลบ เหลือเพียงนิดหน่อย
5.ผมขายหน้าร้านบ้างบางครั้ง คือลูกค้ามาเอาของที่ร้าน แล้วเก็บเงินลูกค้าออกบิลเงินสดไป (นานๆที) ต้องพูดถึงไหมครับ ถ้าเค้าไม่ได้ถาม?
6.แฟนผมพูดไม่เก่งครับ สมควรจะจ้างสำนักบัญชีไปชี้แจงแทนดีไหม กลัวดูมั่วเซ็นอะไรเพล้งพล้ำไป จะไปกันใหญ่โดยไม่ได้ตั้งใจ
7.ถ้าตัวผมเองจะไปยื่น ภ.ง.ด. 90 ก่อนวันนัดพบของแฟน จะสมควรหรือไม่ครับ กลัวเค้าถามกลับแล้วคุณเสียภาษีหรือเปล่า ตอบกลับไม่ถูกเลยทีนี้
8.ธุรกิจของผม เข้าข่าย ซื้อมาขายไป หัก 80 % หรือไม่ครับ
9.ลักษณะการดำเนินธุรกิจแบบนี้ (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) สรรพากรไม่มีสิทธิรวมบัญชี 3 บัญชีเป็น 1 เดียวใช่ไหมครับ โดยแต่ละบัญชีนั้น มียอดเข้ายอดออกชัดเจนครับ มาที่มาที่ไปในแต่ละบัญชี
10.มีลูกค้าบางรายต้องออก vat โดยผมได้ให้ ซัพพลายเออ ออกให้แทน (เพราะยังไม่จด ภ.พ ยอดไม่ถึง 1.8 ล้านครับ)
โดยคิดราคา vat มาในบิลเงินสดของผม และผมก็จ่าย vat ให้ แล้วก็ไปเก็บลูกค้าตามจริงต่อไป อย่างนี้ไม่ผิดใช่ไหมครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นครับ
โดนภาษีย้อนหลัง 3 ปี ไม่รู้หมู่หรือจ่า รบกวนเข้ามาตอบด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับ
สมัยก่อนผมทำงานบริษัท เป็นพนักงานทั่วไป ได้เดือนละ 950 บาท ทำได้ประมาณ 1 ปีก็ออกครับ และว่างงานอยู่ประมาณ 6 เดือน
จึงหันมาทำธุรกิจเล็กๆ เกี่ยวกับน้ำหมึกผ่าน website กำไรประมาณ 20 % ของตัวสินค้าครับ ทำแบบไม่มีหน้าร้านมาตั้งแต่ปี 49 (ทำอยู่คนเดียว)
มีรายได้พอกินพออยู่ ประมาณ 2 หมื่นบาทต่อเดือน ไม่เคยยื่นแบบ ภงด.90 เลยสักครั้งครับ เพราะเคยคิดเงิน หลังหักได้กำไรสุทธิไม่เกิน 150000 บาท/ต่อปี
โดยรับสินค้าจาก ซัพพลายเออร์ มาขายต่ออีกที โดยเปิดบิลเงินสดให้ผมทุกครั้ง
ต่อมาประมาณปี 53 แฟนผมที่ได้ทำงานประจำได้ออกจากงานแล้วมาช่วยทำทำธุกิจด้วยกัน ก็เหมือนเดิมครับทำไปวันๆ
และได้เปิดบัญชีเพิ่ม 2 บัญชีเป็นชื่อของแฟนผมทั้งหมดครับ รวมกันในเว็บ มี 3 บัญชีด้วยครับ ผม 1 ของแฟน 2 ครับ มีเงินผ่านบัญชีมาเรื่อยๆ แต่ไม่เคยยื่นอะไรให้สรรพากรทั้งสิ้น เงินส่วนมากจะผ่านบัญชีของแฟนเป็นหลักครับ เพราะเป็นที่นิยม โดย 2 bank ประมาณ 8-9 แสนบาท ส่วนตัวผมประมาณ 3 แสนครับ รวมกันแล้ว ประมาณ 1 ล้านกว่าๆ/ปี นี่คือรายได้ครับ รายได้อีกทางคือลูกค้ามารับสินค้าที่บ้าน (ไม่ได้เปิดเป็นกิจลักษณะ) แล้วเปิดบิลเงินสดให้ครับ (โดยสรรพากรไม่รู้ว่ามียอดขายตรงนี้ด้วยเพราะไม่ผ่าน bank) โดยรายได้นี้ไม่ได้หักต้นทุนอะไรทั้งสิ้น
โดยต่อมาเมื่อปี 54 ผมได้จดทะเบียนทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ชื่อผมคนเดียวเป็นเจ้าของเว็บไซต์
ที่มาของเงินที่ผ่านบัญชี (ที่สรรพากรรู้)
คือ ลูกค้าซื้อสินค้า โอนเงินผ่านธนาคารแล้วผมส่งสินค้าให้ทาง ไปรษณีย์ครับ เสร็จแล้วผมก็กดเงินนั้นออกมาหมุนในธุรกิจเป็นอย่างนี้วนไปวนมาครับ
เรื่องของเรื่องคือตอนนี้สรรพากรส่งจดหมายมาหาแฟนผม ให้ไปชี้แจงรายได้ 2 ธนาคาร ตั้งแต่ปี 53-55 (3ปี ย้อนหลัง)
โดยขอใบเสร็จ ภ.ง.ด.90 , ภ.ง.ด.91 , ภพ.30 ซึ่งแฟนผมไม่มีสักอัน
ขอขอปรึกษาทีละคำถามครับ
1.ผมจะไปชี้แจ้งด้วยดีไหมครับ เพราะผมก็ยังไม่เคยยื่นภาษีอะไรเลยเหมือนกัน กลัวโดน 2 เด้งครับ
2.บิลที่ ซัพพลายเออร์ออก ให้ผมที่เป็นราคาขายส่งนั้น เป็นชื่อผมทั้งหมด ไม่ทราบว่าแฟนผมจะถือหลักฐานชิ้นนี้ไปชี้แจงรายจ่ายได้ไหมครับ
หรือให้ ออกบิลใหม่ชื่อแฟน จะเข้าท่ากว่าครับ
3.ถ้าไม่เคยยื่น ภ.ง.ด 90 เลยโดนปรับ ยังไงบ้างครับ กี่ % หรือต้องไปคูณอะไรอีก ภายใน 3 ปีที่ไม่ได้จ่ายครับ
4. จำเป็นที่ต้องนำบิลที่ ซัพพลายเออร์ ออกให้ไปทุกใบหรือไม่ครับ เพราะต้นทุนสูงมาก บางปีหักลบแล้วติดลบครับ ยกเว้นจะพ่วงบัญชีผมไปด้วย ถึงจะไม่ติดลบ เหลือเพียงนิดหน่อย
5.ผมขายหน้าร้านบ้างบางครั้ง คือลูกค้ามาเอาของที่ร้าน แล้วเก็บเงินลูกค้าออกบิลเงินสดไป (นานๆที) ต้องพูดถึงไหมครับ ถ้าเค้าไม่ได้ถาม?
6.แฟนผมพูดไม่เก่งครับ สมควรจะจ้างสำนักบัญชีไปชี้แจงแทนดีไหม กลัวดูมั่วเซ็นอะไรเพล้งพล้ำไป จะไปกันใหญ่โดยไม่ได้ตั้งใจ
7.ถ้าตัวผมเองจะไปยื่น ภ.ง.ด. 90 ก่อนวันนัดพบของแฟน จะสมควรหรือไม่ครับ กลัวเค้าถามกลับแล้วคุณเสียภาษีหรือเปล่า ตอบกลับไม่ถูกเลยทีนี้
8.ธุรกิจของผม เข้าข่าย ซื้อมาขายไป หัก 80 % หรือไม่ครับ
9.ลักษณะการดำเนินธุรกิจแบบนี้ (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) สรรพากรไม่มีสิทธิรวมบัญชี 3 บัญชีเป็น 1 เดียวใช่ไหมครับ โดยแต่ละบัญชีนั้น มียอดเข้ายอดออกชัดเจนครับ มาที่มาที่ไปในแต่ละบัญชี
10.มีลูกค้าบางรายต้องออก vat โดยผมได้ให้ ซัพพลายเออ ออกให้แทน (เพราะยังไม่จด ภ.พ ยอดไม่ถึง 1.8 ล้านครับ)
โดยคิดราคา vat มาในบิลเงินสดของผม และผมก็จ่าย vat ให้ แล้วก็ไปเก็บลูกค้าตามจริงต่อไป อย่างนี้ไม่ผิดใช่ไหมครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นครับ