สวัสดีอมยิ้มทุกท่านครับ
เมื่อสักครู่นี้เจ้าของกระทู้เพิ่งได้รับอีเมล์จากทางมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่สมัคร ป.เอก ไว้ และได้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า จขกท. ได้รับคัดเลือกให้เข้าศึกษาต่อ และมีจดหมายแนบมาอีกฉบับ แจ้งเรื่องที่ได้รับ Research Assistantship ด้วย เลยจะขอแบ่งปันประสบการณ์ไว้ที่นี่ เผื่อพี่น้องชาวไทยคนไหนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เหมือน จขกท. สนใจเรียนต่อเหมือนกัน จะได้นำไปใช้ได้ต่อไปนะครับ
ก่อนอื่นต้องชี้แจงก่อนว่า กระบวนการสมัคร ป.เอก ของผมจะใช้เวลานานกว่าคนอื่นหน่อย คือใช้เวลาตั้งแต่ตัดสินใจเรียนต่อ จนถึงวันนี้ กินเวลาประมาณ 2 ปีกว่าๆ นะครับ (เหตุเพราะขอยกเลิกใบสมัครไปรอบนึง เพื่อไปเข้าโครงการแลกเปลี่ยนดูงานในต่างประเทศครับ)
1. สาขาวิชา และเหตุผลในการเรียนต่อ
จขกท. ตัดสินใจเรียนต่อ ป.เอก ด้านระบาดวิทยา ในปี 2553 หลังจากสอบจบ ป.โท มาได้ไม่นาน เพราะรู้สึกว่าอยากไปหาประสบการณ์ข้างนอกดูบ้าง ดูว่าต่างชาติเขาทำวิจัยกันอย่างไร และด้วยความที่อยากทำงานด้าน global health เลยรู้สึกว่าควรจะไปเรียนรู้การทำงานในเรื่องนี้จากประเทศในตะวันตก ที่เป็นต้นแบบแนวคิด (และน่าจะมีโอกาสได้ทำวิจัยในประเทศที่ 3 ด้วยแล)
2. การเตรียมสอบ GRE และ TOEFL
จขกท. ก็ลงสมัครสอบ GRE ในเดือนมีนาคม 53 ใช้เวลาเตรียมตัว 3 เดือน (ยังเป็น GRE ระบบเก่าอยู่) ท่องศัพท์ 300 high-frequency words list ในหนังสือของ Barron's (ซีร็อกส์มาจากห้องสมุดของ มอ. และตัดกระดาษแข็งมาเขียนและทำ flash card เอง) และดาวน์โหลดหนังสือจากในเน็ตมาทำข้อสอบเรื่อยๆ ... สอบเดือน มิ.ย. 53 ได้คะแนนมา 600 Verbal, 790 Quantitative, 5.0 Analytical Writing ... ดีเกินคาด ... คะแนนเก็บไว้ได้ 5 ปี เลยไม่ต้องสอบใหม่ ภายหลังจากกลับมาจากการดูงานแล้ว
สอบ TOEFL: จขกท. สอบ TOEFL สองรอบ เนื่องจากได้ไปดูงานใน ตปท. อย่างไม่คาดฝัน ... สอบครั้งแรกกลางเดือน มิ.ย. 53 ได้มา 113 (ขี้เกียจเปิด section score อ่ะ) ... พอปี 55 คะแนนจากรอบแรกหมดอายุ ก็เลยไปสอบมาใหม่เดือน พ.ค. 55 ได้มา 115 ครับ (ผมแชร์ประสบการณ์ไว้ในกระทู้
http://topicstock.ppantip.com/klaibann/topicstock/2012/06/H12263085/H12263085.html นะ)
3. วิธีการเลือกมหาวิทยาลัย
ผมเริ่ม list มหาวิทยาลัย โดยอาศัย ranking ใน US News & World Report ของ School of Public Health ครับ และจากนั้นก็ google หาดูเพิ่มเติม
ผมเลือกมหาวิทยาลัยด้วยเกณฑ์ 3 ข้อครับ
1. ต้องมี tuition waiver + research assistantship ให้ นศ. ต่างชาติ (ข้อนี้สำคัญมาก เพราะทางบ้านไม่มีตังค์ส่งเสีย)
2. ต้องมีอาจารย์ที่ทำงานวิจัยด้าน global health
3. เกณฑ์ requirements ต่างๆ ต้องใกล้เคียงกับคุณสมบัติของ จขกท. เอง (คะแนน GRE + เกรดเฉลี่ย + ประวัติการทำงาน ฯลฯ)
จากใน list ที่มีประมาณ 40 ranks ผมเริ่มตัดจากเกณฑ์ข้อ 1 ไปก่อน (เพราะถ้าไม่มีตังค์ให้ ก็ไปไม่ได้) จากนั้นเกณฑ์ข้อ 2-3 ก็ค่อยๆ ดูไป สุดท้ายเหลือราวๆ 5-6 แห่งครับ
(จริงๆ ผมดูมหาลัยในประเทศอื่นไว้ด้วย แต่ตอนนี้ยังสมัครไม่ทันแล้วเสร็จ ก็ได้ที่นี่ก่อนครับ)
จริงๆ แล้วควรเลือกมหาลัย 6 แห่ง (เป็นแบบ reach หรือต้องใช้ความพยายามมากหน่อย 2 แห่ง ... เป็นแบบ fair chance หรือมีโอกาสพอสมควร 2 แห่ง... และเป็น safety school หรือแบบที่มีโอกาสค่อนข้างมาก 2 แห่ง) ... แต่เอาจริงๆ มีแรงสมัครแค่ 4 แห่ง (reach 2 + fair chance 1 + safety school 1) ... แต่แค่นี้ก็สับรางลำบากแล้วครับ
4. การเตรียม profile ให้เหมาะสม
ด้วยความที่ทำงานด้านการประสานงานโครงการวิจัย - ผู้ช่วยวิจัย เลยเดาไปว่าทาง U ที่สหรัฐฯ คงต้องการ นศ. ป.เอก ไปทำงานในฐานะผู้ช่วยวิจัยเช่นกัน ... ดังนั้นการเตรียมตัวที่เหมาะสมที่สุด คือ พิสูจน์ตัวเองว่าเรามีทักษะมากพอที่จะไปช่วยงานเขาได้
การพิสูจน์ตัวเอง บรรลุได้ด้วย
- ประสบการณ์ทำงาน
ผมมีไม่มากครับ ราวๆ 3 ปี ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ช่วยวิจัยนี่แหละ
ผมเข้าใจว่า admission committee ที่โน่น อาจไม่ทราบถึงบริบทในการทำงาน (และการที่ผมตะลอนๆ จากกรุงเทพฯ มาลงใต้ แล้วก็ไปที่อื่นต่อ) ผมคิดว่าเขาคงดูที่ตัวเนื้อหางานที่ผมเขียนลงใน CV มากกว่า
- ผลงานวิชาการ
ผมโชคดีมาก ที่ทาง ม.มหิดล บังคับให้นักศึกษา ป.โท ตีพิมพ์ผลงานวิจัย หรือนำเสนอผลงานในงานประชุมต่างๆ และหน่วยงานของผมที่ มอ.หาดใหญ่ มีความกระตืดรือล้นเรื่องการตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ ... ผมเลยมีชื่ออยู่ในบทความวิจัยพอสมควร (ตอนนี้มี 5 เรื่อง ... เป็น first author หนึ่งเรื่อง... ที่ทำตอน ป.โท นั่นแล...เรื่องที่เหลือก็เป็น co-author ครับ) และหัวข้อการตีพิมพ์ค่อนข้างหลากหลาย
จากคุณ ฮอนโจ๊ะ
อ่านต่อ
http://ppantip.com/topic/30061197
รวมกระทู้เรียนต่อประเทศยุโรปฟรี/เรียนที่ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศสราคาประหยัด/
ทุน ในช่วงนี้ TOEFL & IELTS ขั้นตอนการสมัครเรียนต่อต่างประเทศ
http://ppantip.com/topic/30063527
อันนี้ไปเรียนต่อด้านวิศวกรรมศาสตร์/วิทยาศาสตร์ ที่เยอรมัน
ไปเรียนต่อที่เยอรมันยังไง ไม่ให้เกินงบปีละ สามแสน
จากคุณ enfahrung
http://ppantip.com/topic/30057430/
แบ่งปันประสบการณ์ สมัครเรียนต่อ ป.เอก ที่สหรัฐฯ ด้านระบาดวิทยา
เมื่อสักครู่นี้เจ้าของกระทู้เพิ่งได้รับอีเมล์จากทางมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่สมัคร ป.เอก ไว้ และได้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า จขกท. ได้รับคัดเลือกให้เข้าศึกษาต่อ และมีจดหมายแนบมาอีกฉบับ แจ้งเรื่องที่ได้รับ Research Assistantship ด้วย เลยจะขอแบ่งปันประสบการณ์ไว้ที่นี่ เผื่อพี่น้องชาวไทยคนไหนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เหมือน จขกท. สนใจเรียนต่อเหมือนกัน จะได้นำไปใช้ได้ต่อไปนะครับ
ก่อนอื่นต้องชี้แจงก่อนว่า กระบวนการสมัคร ป.เอก ของผมจะใช้เวลานานกว่าคนอื่นหน่อย คือใช้เวลาตั้งแต่ตัดสินใจเรียนต่อ จนถึงวันนี้ กินเวลาประมาณ 2 ปีกว่าๆ นะครับ (เหตุเพราะขอยกเลิกใบสมัครไปรอบนึง เพื่อไปเข้าโครงการแลกเปลี่ยนดูงานในต่างประเทศครับ)
1. สาขาวิชา และเหตุผลในการเรียนต่อ
จขกท. ตัดสินใจเรียนต่อ ป.เอก ด้านระบาดวิทยา ในปี 2553 หลังจากสอบจบ ป.โท มาได้ไม่นาน เพราะรู้สึกว่าอยากไปหาประสบการณ์ข้างนอกดูบ้าง ดูว่าต่างชาติเขาทำวิจัยกันอย่างไร และด้วยความที่อยากทำงานด้าน global health เลยรู้สึกว่าควรจะไปเรียนรู้การทำงานในเรื่องนี้จากประเทศในตะวันตก ที่เป็นต้นแบบแนวคิด (และน่าจะมีโอกาสได้ทำวิจัยในประเทศที่ 3 ด้วยแล)
2. การเตรียมสอบ GRE และ TOEFL
จขกท. ก็ลงสมัครสอบ GRE ในเดือนมีนาคม 53 ใช้เวลาเตรียมตัว 3 เดือน (ยังเป็น GRE ระบบเก่าอยู่) ท่องศัพท์ 300 high-frequency words list ในหนังสือของ Barron's (ซีร็อกส์มาจากห้องสมุดของ มอ. และตัดกระดาษแข็งมาเขียนและทำ flash card เอง) และดาวน์โหลดหนังสือจากในเน็ตมาทำข้อสอบเรื่อยๆ ... สอบเดือน มิ.ย. 53 ได้คะแนนมา 600 Verbal, 790 Quantitative, 5.0 Analytical Writing ... ดีเกินคาด ... คะแนนเก็บไว้ได้ 5 ปี เลยไม่ต้องสอบใหม่ ภายหลังจากกลับมาจากการดูงานแล้ว
สอบ TOEFL: จขกท. สอบ TOEFL สองรอบ เนื่องจากได้ไปดูงานใน ตปท. อย่างไม่คาดฝัน ... สอบครั้งแรกกลางเดือน มิ.ย. 53 ได้มา 113 (ขี้เกียจเปิด section score อ่ะ) ... พอปี 55 คะแนนจากรอบแรกหมดอายุ ก็เลยไปสอบมาใหม่เดือน พ.ค. 55 ได้มา 115 ครับ (ผมแชร์ประสบการณ์ไว้ในกระทู้ http://topicstock.ppantip.com/klaibann/topicstock/2012/06/H12263085/H12263085.html นะ)
3. วิธีการเลือกมหาวิทยาลัย
ผมเริ่ม list มหาวิทยาลัย โดยอาศัย ranking ใน US News & World Report ของ School of Public Health ครับ และจากนั้นก็ google หาดูเพิ่มเติม
ผมเลือกมหาวิทยาลัยด้วยเกณฑ์ 3 ข้อครับ
1. ต้องมี tuition waiver + research assistantship ให้ นศ. ต่างชาติ (ข้อนี้สำคัญมาก เพราะทางบ้านไม่มีตังค์ส่งเสีย)
2. ต้องมีอาจารย์ที่ทำงานวิจัยด้าน global health
3. เกณฑ์ requirements ต่างๆ ต้องใกล้เคียงกับคุณสมบัติของ จขกท. เอง (คะแนน GRE + เกรดเฉลี่ย + ประวัติการทำงาน ฯลฯ)
จากใน list ที่มีประมาณ 40 ranks ผมเริ่มตัดจากเกณฑ์ข้อ 1 ไปก่อน (เพราะถ้าไม่มีตังค์ให้ ก็ไปไม่ได้) จากนั้นเกณฑ์ข้อ 2-3 ก็ค่อยๆ ดูไป สุดท้ายเหลือราวๆ 5-6 แห่งครับ
(จริงๆ ผมดูมหาลัยในประเทศอื่นไว้ด้วย แต่ตอนนี้ยังสมัครไม่ทันแล้วเสร็จ ก็ได้ที่นี่ก่อนครับ)
จริงๆ แล้วควรเลือกมหาลัย 6 แห่ง (เป็นแบบ reach หรือต้องใช้ความพยายามมากหน่อย 2 แห่ง ... เป็นแบบ fair chance หรือมีโอกาสพอสมควร 2 แห่ง... และเป็น safety school หรือแบบที่มีโอกาสค่อนข้างมาก 2 แห่ง) ... แต่เอาจริงๆ มีแรงสมัครแค่ 4 แห่ง (reach 2 + fair chance 1 + safety school 1) ... แต่แค่นี้ก็สับรางลำบากแล้วครับ
4. การเตรียม profile ให้เหมาะสม
ด้วยความที่ทำงานด้านการประสานงานโครงการวิจัย - ผู้ช่วยวิจัย เลยเดาไปว่าทาง U ที่สหรัฐฯ คงต้องการ นศ. ป.เอก ไปทำงานในฐานะผู้ช่วยวิจัยเช่นกัน ... ดังนั้นการเตรียมตัวที่เหมาะสมที่สุด คือ พิสูจน์ตัวเองว่าเรามีทักษะมากพอที่จะไปช่วยงานเขาได้
การพิสูจน์ตัวเอง บรรลุได้ด้วย
- ประสบการณ์ทำงาน
ผมมีไม่มากครับ ราวๆ 3 ปี ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ช่วยวิจัยนี่แหละ
ผมเข้าใจว่า admission committee ที่โน่น อาจไม่ทราบถึงบริบทในการทำงาน (และการที่ผมตะลอนๆ จากกรุงเทพฯ มาลงใต้ แล้วก็ไปที่อื่นต่อ) ผมคิดว่าเขาคงดูที่ตัวเนื้อหางานที่ผมเขียนลงใน CV มากกว่า
- ผลงานวิชาการ
ผมโชคดีมาก ที่ทาง ม.มหิดล บังคับให้นักศึกษา ป.โท ตีพิมพ์ผลงานวิจัย หรือนำเสนอผลงานในงานประชุมต่างๆ และหน่วยงานของผมที่ มอ.หาดใหญ่ มีความกระตืดรือล้นเรื่องการตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ ... ผมเลยมีชื่ออยู่ในบทความวิจัยพอสมควร (ตอนนี้มี 5 เรื่อง ... เป็น first author หนึ่งเรื่อง... ที่ทำตอน ป.โท นั่นแล...เรื่องที่เหลือก็เป็น co-author ครับ) และหัวข้อการตีพิมพ์ค่อนข้างหลากหลาย
จากคุณ ฮอนโจ๊ะ
อ่านต่อ
http://ppantip.com/topic/30061197
รวมกระทู้เรียนต่อประเทศยุโรปฟรี/เรียนที่ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศสราคาประหยัด/
ทุน ในช่วงนี้ TOEFL & IELTS ขั้นตอนการสมัครเรียนต่อต่างประเทศ
http://ppantip.com/topic/30063527
อันนี้ไปเรียนต่อด้านวิศวกรรมศาสตร์/วิทยาศาสตร์ ที่เยอรมัน
ไปเรียนต่อที่เยอรมันยังไง ไม่ให้เกินงบปีละ สามแสน
จากคุณ enfahrung
http://ppantip.com/topic/30057430/