พอดี ตอบกระทู้ เรื่อง การคิดราคาหุ้น ที่ มีกำไรพิเศษ ของเพื่อนสมาชิก ไว้ในกระทู้นี้ ว่า PE กรณี พวกมีกำไรพิเศษ อาจจะทำให้เรา ประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสม ได้ไม่ถูกต้องนัก
http://ppantip.com/topic/30061942
เลยยกตัวอย่าง บริษัทที่ผล ตรงกันข้าม คือมีการขาดทุนพิเศษ เข้ามา ก็อาจจะทำให้เราประเมิน ราคา หรือ สถานะการณ์มันผิดไปได้
เลยยกตัวอย่าง THRE หรือ ไทยรี หรือ ไทยประกันภัยต่อ มาไว้ และเห็นว่า อาจจะมี ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆสมาชิกไว้ เลยยกมารวม ไว้เป็นกระทู้นี้
ออกตัวก่อนเลยนะครับ ว่าผมถือหุ้นตัวนี้อยู่บ้าง อาจจะมี Bias โน้มเอียงมองมันในแง่ดี และข้อมูลตัวเลขบางอัน เป็นตัวเลขคร่าวๆจากงบ ผมพิมพ์ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ค้นตัวเลขละเอียด อาจจะมีคลาดเคลื่อนบ้าง ถ้าไง ตรวจสอบเพิ่ม หรือ เพื่อนท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติม ช่วยเพิ่มให้กับเพื่อนสมาชิกได้ ครับ จะได้เป็นข้อมูลประกอบกัน
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ตัวอย่างที่ หุ้นที่ ขาดทุนมากๆ จน ทำให้ PE สูงเกินจริง ไปมาก หรือประเมินไม่ได้ (NA) เนื่องจากมันมีผลขาดทุน จากการขาดทุนพิเศษ ได้แก่ THRE หรือบริษัทประกันภัยต่อ
ตัวนี้เป็นบริษัท ที่รับประกันภัยต่อ จากบริษัทประกันต่างๆ ของไทยเกือบทุกบริษัท ที่รับประกันจากลูกค้าไว้ จะต้องส่งประกันต่อให้กับ ไทยรี 5% เพื่อลดความเสี่ยงของตัวเอง
บริษัท นี้ก่อนหน้า เป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง ทำกำไรได้ดี มีปันผลสูง รวมปีล่ะ กว่า สี่สิบสตางค์ ต่อหุ้น ต่อเนื่องกันมาหลายปี
แต่ในช่วงปีกว่าๆที่ผ่านมา หลังภาวะมหาอุทกภัย น้ำท่วมเมือง ครั้งใหญ่ บริษัทประกันต่างๆโดนเคลม สินไหมทดแทนเรื่องน้ำท่วม กันหนักๆ จนหลายบริษัทต้อง เพิ่มทุน หาเงินเข้ามาจ่ายค่าสินไหม
ในส่วนของ THRE เอง จากที่รับประกันภัยต่อ มาจากบริษัทต่างๆ รวมโดนเคลมไป และเริ่มตั้งสำรองจ่ายออกไปเป็นงวดๆสะสม ตั้งแต่ในงบ ปี 2011 ต่อเนื่องมาจนถึง งบหกเดือนแรก ของ ปี 2012 รวมๆแล้วก็ตก ราวๆ หมื่นล้าน ซึ่งการตั้งสำรองการเคลมจำนวนมหาศาล ก็ส่งผลทำให้ งบดุลออกมา กลายเป็นขาดทุน ติดต่อกัน มาโดย ปี 2011 ขาดทุนไป เกือบ สองพันล้าน มา ต่อกับ ปีนี้ หกเดือนแรก ก็โดนเคลมไปอีกเยอะ และมีตัวเลขขาดทุน เพิ่มอีก เกือบๆห้าพันล้าน รวมๆแล้ว ก็โดนไปเกือบๆหมื่นล้าน (กำไรจากอย่างอื่นที่เคยทำได้ ก็ต้องเอามาหักจ่าย การเคลมนี้ไปหมด ) จน ส่งผลให้ กำไรสะสมของบริษัทหมดไป กลายเป็นมีขาดทุนสะสม มาก และส่วนผู้ถือหุ้น ลกลงไปอย่างมาก ไม่เพียงพอต่อการดำเนินงาน จนต้องทำการเพิ่มทุนจดทะเบียน ไปอีก ราวๆ เกือบเจ็ดพันล้านในปีนี้ เพื่อให่้มีเงินทุนดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ดังนั้นถ้าใครไปดูตัวเลข งบกำไร ขาดทุน ของมันผ่านๆ หรือ ดู PE ก็จะเห็นว่าติดลบ งบเน่ามโหราฬ เหมือนผมเอง ตอนเพื่อนผม ที่เป็นผจก.บล.หลักทรัพย์ โทรมาแนะนำให้เข้าเก็บ เพราะบอกว่า เริ่ม จะมีรายใหญ่ และกองทุนเตรียมเข้าซื้อและราคาเริ่มขยับจากสี่บาท ขี้นมา ผมเปิดไปเปิดดูงบ ตอนแรก เห็นขาดทุนอื้อ ขนาดนั้น ก็ตกใจ มันเชียร์ได้ไง เลยค่อยๆเช็คข่าวหลายๆทาง ก็พอทราบเรื่องราว เหตุผล ในการขยับรอบนี้ของมัน
จากการเช็คข่าว ทราบว่ามันมี ข่าวที่เกี่ยวข้องสามเรื่อง หลักๆ
หนึ่ง ข่าว ที่เตรียมรับ THRE เข้า Set 100 ซึ่งทำให้ กองทุนเริ่มเข้าเก็บกันได้แล้ว (ตอนนี้ก็เข้าไปเรียบร้อยแล้ว)
สอง ข่าว ที่ว่าภายในต้นปี หรือกลางปี 2013 นี่้ อาจจะ มีการเอา ไทยประกันชีวิตต่อ บริษัทลูกเข้าตลาด และให้สิทธื์ ผู้ถือหุ้นแม่ ซื้อหุ้น IPO
และสาม ข่าว การ รับรู้การรายได้พิเศษ จากการเคลม ประกันภัยต่อที่ส่งให้ กับ บริษัทสมาชิก และ ต่างประเทศ กลับคืนมา ซึ่งตัวเลขที่แท้จริง ยังไม่มีใครทราบว่า มันจะเป็นเท่าไรกันแน่ แม้แต่ ตัวเลขที่ตั้งสำรอง ที่เคลมกันไปแล่ว ว่า จริงๆ แล้วมันเคลมไปหมดและตั้งสำรองไปครบ แล้ว หรือยัง ยังเหลือ ต้องเคลมอีกหรือไม่(แต่แว่วๆว่า น่าจะหมดแล้ว หรือเหลือน้อยมาก เพราะว่าในงบไตรมาศสาม ไม่ค่อยเห็นการตั้งสำรองมากๆอีกแล้ว)
แต่ ในทางตรงกันข้าม ตอนนี้่ที่รอ ติดตามดูกัน ก็คือ การ เรียกเคลมคืนจาก บริษัทที่รับประกันภัยต่อไปจาก ไทยรี เข้าคืนกลับมารับรู้เป็นรายได้
เพราะว่า ในความเป็นจริง การที่ไทยรีโดนเคลมไปเต็มๆ และตั้งสำรองหนี้เสียไปแล้ว ทำให้เกิดตัวเลขขาดทุนสะสมไว้มากตามที่บอกข้างบนนั้น
ในส่วนรับผิดชอบต่อการประกัน นั้น จากยอดรวมทั้งหมด ที่ไทยรี รับมาจากบริษัทต่างๆในประเทศส่งเข้ามาให้นั้นไทยรี จะรับไว้เอง ประมาณ 24% ที่เหลืออีก 76% จะส่งต่อให้กับบริษัท สมาชิก และต่างประเทศ
ดังนั้น เมื่อ ทางไทยรี จ่ายค่าเคลม แล้วลงบันทึกไว้เป็น ค่าใช้จ่าย ส่งผล ให้เกิดการขาดทุน มาแล้ว
แต่เมื่อ ทางไทยรี เรียกเก็บ ค่าเคลมจากบริษัท รับประกัน ต่อจากไทยรีไป กลับมาได้(ถ้าได้ครบก็คือ 76% ของยอดที่โดนเคลมไป) ซึ่งส่วนนี้ ก็จะกลับมาเป็นรายได้พิเศษ ทำกำไร คืนกลับมาในบัญชีของไทยรี ในเร็วๆวันนี้
ดังนั้น การที่ ไทยรี ราคาขยับขึ้นมา จากสี่บาทกว่า จนมาอยู่แถว เกือบห้าบาท ไม่ใช่ขึ้นมา แบบไม่มีเหตผล เพียงแต่ เราโดนภาพลวงตา ขาดทุนสะสมมันหลอกเอาไว้
(หมายเหตุ )การเพิ่มทุน ครั้งนั้น จากหุ้นเดิมที่มี 1187 ล้านหุ้น ทำการ ขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม0.75 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ รวม 1583 ล้านหุ้น ราคาหุ้นล่ะ 3 บาท
และขายแบบ PP (ขายให้กับบุคคลในวงจำกัด อีก 742 ล้านหุ้น) ในราคาหุ้นล่ะ 3 บาท เช่นกัน
รวมหุ้นเพิ่มทุนที่ ขายในรอบนี้ ปริมาณ 2325 ล้านหุ้น ได้เงินเข้าบริษัทเกือบเจ็ดพันล้าน และส่งผลให้มีหุ้นปัจจุบัน รวมเป็น 3512 ล้านหุ้น )
เผื่อใคร จะเอาตัวเลข จำนวนหุ้น ไว้คำนวน ผลตอบแทนเฉลี่ยจาก รายได้พิเศษ ที่จะเคลมกลับมารอบนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเลขการเคลมทั้ง หมด คนวงนอกไม่ทราบแน่ชัด ได้แต่คาดการณ์จากงบ ออกมาที่เห็นและกฏเกณฑ์ ของการประกันภัยที่ทราบๆกัน ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเลขการเคลม ที่ยังไม่ชัดเจน นี่หรือป่าว ที่ทำให้ทางผุ้สอบบัญชี ตั้งเงื่อนไขกับ งบดุลของไทยรี ที่ผ่านมา แต่แว่วๆว่า ดูเหมือนจะลงตัว และพร้อมรับรองงบแล้ว ไงติดตามข่าวกันต่อครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง ตรึกตรองเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข่าว จะได้ตาม กันรู้เรื่องครับ
=== เก็บรวมรวม มาฝาก THRE ตัวอย่างหุ้น ที่มีการขาดทุน พิเศษ เฉพาะกาล ===
http://ppantip.com/topic/30061942
เลยยกตัวอย่าง บริษัทที่ผล ตรงกันข้าม คือมีการขาดทุนพิเศษ เข้ามา ก็อาจจะทำให้เราประเมิน ราคา หรือ สถานะการณ์มันผิดไปได้
เลยยกตัวอย่าง THRE หรือ ไทยรี หรือ ไทยประกันภัยต่อ มาไว้ และเห็นว่า อาจจะมี ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆสมาชิกไว้ เลยยกมารวม ไว้เป็นกระทู้นี้
ออกตัวก่อนเลยนะครับ ว่าผมถือหุ้นตัวนี้อยู่บ้าง อาจจะมี Bias โน้มเอียงมองมันในแง่ดี และข้อมูลตัวเลขบางอัน เป็นตัวเลขคร่าวๆจากงบ ผมพิมพ์ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ค้นตัวเลขละเอียด อาจจะมีคลาดเคลื่อนบ้าง ถ้าไง ตรวจสอบเพิ่ม หรือ เพื่อนท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติม ช่วยเพิ่มให้กับเพื่อนสมาชิกได้ ครับ จะได้เป็นข้อมูลประกอบกัน
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ตัวอย่างที่ หุ้นที่ ขาดทุนมากๆ จน ทำให้ PE สูงเกินจริง ไปมาก หรือประเมินไม่ได้ (NA) เนื่องจากมันมีผลขาดทุน จากการขาดทุนพิเศษ ได้แก่ THRE หรือบริษัทประกันภัยต่อ
ตัวนี้เป็นบริษัท ที่รับประกันภัยต่อ จากบริษัทประกันต่างๆ ของไทยเกือบทุกบริษัท ที่รับประกันจากลูกค้าไว้ จะต้องส่งประกันต่อให้กับ ไทยรี 5% เพื่อลดความเสี่ยงของตัวเอง
บริษัท นี้ก่อนหน้า เป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง ทำกำไรได้ดี มีปันผลสูง รวมปีล่ะ กว่า สี่สิบสตางค์ ต่อหุ้น ต่อเนื่องกันมาหลายปี
แต่ในช่วงปีกว่าๆที่ผ่านมา หลังภาวะมหาอุทกภัย น้ำท่วมเมือง ครั้งใหญ่ บริษัทประกันต่างๆโดนเคลม สินไหมทดแทนเรื่องน้ำท่วม กันหนักๆ จนหลายบริษัทต้อง เพิ่มทุน หาเงินเข้ามาจ่ายค่าสินไหม
ในส่วนของ THRE เอง จากที่รับประกันภัยต่อ มาจากบริษัทต่างๆ รวมโดนเคลมไป และเริ่มตั้งสำรองจ่ายออกไปเป็นงวดๆสะสม ตั้งแต่ในงบ ปี 2011 ต่อเนื่องมาจนถึง งบหกเดือนแรก ของ ปี 2012 รวมๆแล้วก็ตก ราวๆ หมื่นล้าน ซึ่งการตั้งสำรองการเคลมจำนวนมหาศาล ก็ส่งผลทำให้ งบดุลออกมา กลายเป็นขาดทุน ติดต่อกัน มาโดย ปี 2011 ขาดทุนไป เกือบ สองพันล้าน มา ต่อกับ ปีนี้ หกเดือนแรก ก็โดนเคลมไปอีกเยอะ และมีตัวเลขขาดทุน เพิ่มอีก เกือบๆห้าพันล้าน รวมๆแล้ว ก็โดนไปเกือบๆหมื่นล้าน (กำไรจากอย่างอื่นที่เคยทำได้ ก็ต้องเอามาหักจ่าย การเคลมนี้ไปหมด ) จน ส่งผลให้ กำไรสะสมของบริษัทหมดไป กลายเป็นมีขาดทุนสะสม มาก และส่วนผู้ถือหุ้น ลกลงไปอย่างมาก ไม่เพียงพอต่อการดำเนินงาน จนต้องทำการเพิ่มทุนจดทะเบียน ไปอีก ราวๆ เกือบเจ็ดพันล้านในปีนี้ เพื่อให่้มีเงินทุนดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ดังนั้นถ้าใครไปดูตัวเลข งบกำไร ขาดทุน ของมันผ่านๆ หรือ ดู PE ก็จะเห็นว่าติดลบ งบเน่ามโหราฬ เหมือนผมเอง ตอนเพื่อนผม ที่เป็นผจก.บล.หลักทรัพย์ โทรมาแนะนำให้เข้าเก็บ เพราะบอกว่า เริ่ม จะมีรายใหญ่ และกองทุนเตรียมเข้าซื้อและราคาเริ่มขยับจากสี่บาท ขี้นมา ผมเปิดไปเปิดดูงบ ตอนแรก เห็นขาดทุนอื้อ ขนาดนั้น ก็ตกใจ มันเชียร์ได้ไง เลยค่อยๆเช็คข่าวหลายๆทาง ก็พอทราบเรื่องราว เหตุผล ในการขยับรอบนี้ของมัน
จากการเช็คข่าว ทราบว่ามันมี ข่าวที่เกี่ยวข้องสามเรื่อง หลักๆ
หนึ่ง ข่าว ที่เตรียมรับ THRE เข้า Set 100 ซึ่งทำให้ กองทุนเริ่มเข้าเก็บกันได้แล้ว (ตอนนี้ก็เข้าไปเรียบร้อยแล้ว)
สอง ข่าว ที่ว่าภายในต้นปี หรือกลางปี 2013 นี่้ อาจจะ มีการเอา ไทยประกันชีวิตต่อ บริษัทลูกเข้าตลาด และให้สิทธื์ ผู้ถือหุ้นแม่ ซื้อหุ้น IPO
และสาม ข่าว การ รับรู้การรายได้พิเศษ จากการเคลม ประกันภัยต่อที่ส่งให้ กับ บริษัทสมาชิก และ ต่างประเทศ กลับคืนมา ซึ่งตัวเลขที่แท้จริง ยังไม่มีใครทราบว่า มันจะเป็นเท่าไรกันแน่ แม้แต่ ตัวเลขที่ตั้งสำรอง ที่เคลมกันไปแล่ว ว่า จริงๆ แล้วมันเคลมไปหมดและตั้งสำรองไปครบ แล้ว หรือยัง ยังเหลือ ต้องเคลมอีกหรือไม่(แต่แว่วๆว่า น่าจะหมดแล้ว หรือเหลือน้อยมาก เพราะว่าในงบไตรมาศสาม ไม่ค่อยเห็นการตั้งสำรองมากๆอีกแล้ว)
แต่ ในทางตรงกันข้าม ตอนนี้่ที่รอ ติดตามดูกัน ก็คือ การ เรียกเคลมคืนจาก บริษัทที่รับประกันภัยต่อไปจาก ไทยรี เข้าคืนกลับมารับรู้เป็นรายได้
เพราะว่า ในความเป็นจริง การที่ไทยรีโดนเคลมไปเต็มๆ และตั้งสำรองหนี้เสียไปแล้ว ทำให้เกิดตัวเลขขาดทุนสะสมไว้มากตามที่บอกข้างบนนั้น
ในส่วนรับผิดชอบต่อการประกัน นั้น จากยอดรวมทั้งหมด ที่ไทยรี รับมาจากบริษัทต่างๆในประเทศส่งเข้ามาให้นั้นไทยรี จะรับไว้เอง ประมาณ 24% ที่เหลืออีก 76% จะส่งต่อให้กับบริษัท สมาชิก และต่างประเทศ
ดังนั้น เมื่อ ทางไทยรี จ่ายค่าเคลม แล้วลงบันทึกไว้เป็น ค่าใช้จ่าย ส่งผล ให้เกิดการขาดทุน มาแล้ว
แต่เมื่อ ทางไทยรี เรียกเก็บ ค่าเคลมจากบริษัท รับประกัน ต่อจากไทยรีไป กลับมาได้(ถ้าได้ครบก็คือ 76% ของยอดที่โดนเคลมไป) ซึ่งส่วนนี้ ก็จะกลับมาเป็นรายได้พิเศษ ทำกำไร คืนกลับมาในบัญชีของไทยรี ในเร็วๆวันนี้
ดังนั้น การที่ ไทยรี ราคาขยับขึ้นมา จากสี่บาทกว่า จนมาอยู่แถว เกือบห้าบาท ไม่ใช่ขึ้นมา แบบไม่มีเหตผล เพียงแต่ เราโดนภาพลวงตา ขาดทุนสะสมมันหลอกเอาไว้
(หมายเหตุ )การเพิ่มทุน ครั้งนั้น จากหุ้นเดิมที่มี 1187 ล้านหุ้น ทำการ ขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม0.75 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ รวม 1583 ล้านหุ้น ราคาหุ้นล่ะ 3 บาท
และขายแบบ PP (ขายให้กับบุคคลในวงจำกัด อีก 742 ล้านหุ้น) ในราคาหุ้นล่ะ 3 บาท เช่นกัน
รวมหุ้นเพิ่มทุนที่ ขายในรอบนี้ ปริมาณ 2325 ล้านหุ้น ได้เงินเข้าบริษัทเกือบเจ็ดพันล้าน และส่งผลให้มีหุ้นปัจจุบัน รวมเป็น 3512 ล้านหุ้น )
เผื่อใคร จะเอาตัวเลข จำนวนหุ้น ไว้คำนวน ผลตอบแทนเฉลี่ยจาก รายได้พิเศษ ที่จะเคลมกลับมารอบนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเลขการเคลมทั้ง หมด คนวงนอกไม่ทราบแน่ชัด ได้แต่คาดการณ์จากงบ ออกมาที่เห็นและกฏเกณฑ์ ของการประกันภัยที่ทราบๆกัน ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเลขการเคลม ที่ยังไม่ชัดเจน นี่หรือป่าว ที่ทำให้ทางผุ้สอบบัญชี ตั้งเงื่อนไขกับ งบดุลของไทยรี ที่ผ่านมา แต่แว่วๆว่า ดูเหมือนจะลงตัว และพร้อมรับรองงบแล้ว ไงติดตามข่าวกันต่อครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง ตรึกตรองเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข่าว จะได้ตาม กันรู้เรื่องครับ