ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นักการเมืองจะยังคงเดินหน้านโยบายประชาพินาศต่อไป จนกว่าจะสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน และประชาชนจะสิ้นไร้ไม้ตอกหมดเนื้อหมดตัวไปตามๆ กันโดยไม่ฟังเสียงคำทักท้วงหรือคัดค้านใดๆ กันอีกต่อไป
เพื่อให้การดำเนินนโยบายประชาพินาศนี้รุดหน้าต่อไปอย่างเงียบงัน ก็ต้องสร้างมายาภาพมาหลอกลวงคนไทยเป็นระยะๆ เช่นเดียวกับการสร้างมายาภาพการอภัยโทษให้แก่ นายวีระ-นางสาวราตรี เพื่อที่จะได้ยกแผ่นดินไทยให้เขมรอย่างสบายใจเฉิบ
และเพื่อให้ดำเนินนโยบายประชาพินาศสร้างความพินาศได้อย่างแนบเนียนที่สุด มายาภาพมากหลายก็ถูกสร้างขึ้น ไม่ว่าเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญก็ดี เรื่องการนิรโทษกรรมก็ดี หรือเรื่องยกเมฆ 2 ก็ดี
ก็ยกเมฆมาว่ากันเพื่อให้คนไทยลุ่มหลงงมงายอยู่กับเรื่องไม่เข้าท่าและไร้สาระ ทั้งไม่มีเนื้อหาในความเป็นจริง จะได้ไม่มีเวลาไปขัดขวางนโยบายประชาพินาศที่จะทำให้นักการเมืองสามารถล้มทุนได้หมดทั้งประเทศ และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูให้แก่นักการเมือง 2-3 ตระกูล เท่านั้น
ขอบอกกันไว้ตรงนี้ว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญกับเรื่องนิรโทษกรรมนั้น แม้ว่าประชาชนจะไม่ยินยอมโดยเด็ดขาดก็ตาม แต่นักการเมืองยังคงเล่นเกมนี้กันต่อไป เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่นักการเมืองจะใช้ฟาดฟันทำลายล้างกันเอง
พวกหนึ่งต้องการกลับบ้านอย่างเท่ กลับมาครองอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการนิรโทษกรรม เพราะถ้าทำสองอย่างนี้สำเร็จ โทษทัณฑ์ทั้งหมดก็จะหมดสิ้นไป ก็จะกลับมามีอำนาจได้ดังใจปรารถนา
แต่เมื่อกลับมามีอำนาจวันไหน คนที่มีอำนาจอยู่ในทำเนียบในปัจจุบัน รวมทั้งลิ่วล้อบริวารใหม่เก่าทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นขบวนว่าราชการหลังม่านที่ได้อำนาจวาสนาเพราะอิทธิฤทธิ์ ว.5 หรือพวกว่าราชการหน้าม่านที่ได้อำนาจวาสนาเพราะพร้อมใจกันทรยศนายเก่า ภักดีนายใหม่ ก็จะต้องเก็บของกลับบ้านเพื่อกลับเป็นไปเป็นแม่บ้าน หรือทำมาค้าขาย หรือเป็นคนขับรถ หรือเป็นคนหิ้วกระเป๋า หรือเล่นตลกต่อไป ซึ่งไม่มีใครยอม
ดังนั้นคนเหล่านี้ก็จะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้อีกพวกหนึ่งกลับบ้านอย่างเท่ หรือกลับมามีอำนาจแทนพวกตัว
ดังบทเรียนในประวัติศาสตร์ที่มีมานับพันๆ ปี จนเกิดเป็นวลีพังเพยทางการเมืองว่า ความเจ็บช้ำน้ำใจของถั่วนั้น ไม่มีเรื่องไหนเท่ากับการ “ใช้เถาถั่วต้มถั่ว”
ดังนั้นในวันนี้ประชาชนจึงต้องปล่อยให้คนที่อยากกลับมามีอำนาจ กับคนที่อยากอยู่ในอำนาจนานที่สุด ฟาดฟันกันไป ซึ่งคงจะแตกหักกันในปีนี้เป็นแน่แท้ และต้องมองเรื่องนี้ด้วยความรู้เท่าทัน อย่าได้หลงเลือนจนลืมเรื่องนโยบายประชาพินาศที่จะทำให้สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน และสิ้นเนื้อประดาตัวเป็นอันขาด
การดำเนินนโยบายประชาพินาศในโครงการรับจำนำข้าวได้ปรากฏผลชัดเจนแล้วว่า เป็นโครงการโคตรโกงมหาโกง ที่โกงชาติ ผลาญชาติ และทำลายระบบการค้าข้าวของชาติจนพินาศย่อยยับ
ชาวนาไม่สามารถขายข้าวได้ตามราคาประกัน เพราะเงินไปตกหล่นอยู่กับนักการเมืองและลิ่วล้อบริวาร ส่วนโรงสีก็เจ๊งหมดทั้งประเทศ เว้นแต่โรงสีของนักการเมือง คลังสินค้าสำหรับเก็บข้าวก็เจ๊งหมดทั้งประเทศ ยกเว้นคลังสินค้าของลิ่วล้อบริวารของนักการเมือง
ระบบการค้าข้าวก็พินาศวายวอดทั้งประเทศ เพราะข้าวทั้งหมดมาอยู่ในกำมือของรัฐแต่ขายไม่ออกเพราะราคาสูงกว่าตลาดโลก จนเป็นเหตุให้เวียดนามและอินเดียแย่งตลาดข้าวไทยไปทั้งหมด
เมื่อขายข้าวไม่ออก ผลขาดทุนในการเก็บรักษา ในการเสียหายก็เกิดขึ้น ที่ดิ้นรนขายได้บ้างก็ขาดทุน ซึ่งยังคงเถียงกันว่าขาดทุน 70,000 ล้าน หรือแสนล้านกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ทุกประเทศที่ถูกอ้างว่า ซื้อข้าว ได้ถูกปฏิเสธจนหมดสิ้น รวมทั้งประเทศจีนด้วย
ขณะนี้ข้าวเก่าก็เสียหาย เก็บเต็มโกดัง และเสื่อมเสียไปทุกวันๆ จนกระทั่งพื้นที่โกดังก็ไม่พอเก็บ และยังต้องหาโกดังเพื่อจะเก็บกันต่อไปอีกไม่รู้เท่าใด
เมื่อข้าวขายไม่ออก เงินที่จะมารับจำนำต่อไปก็ไม่มี จึงต้องเดินหน้ากู้เงินมารับจำนำกันต่อไป ซึ่งต้องใช้เงินกู้คราวละ 70,000 ล้านแสนล้าน และอาจจะรวมกันถึง 350,000 ล้าน เหมือนกับปีก่อน ซึ่งจะเพิ่มความ
วายวอดขึ้นอีกเท่าตัว
ความ
วายวอดของการรับจำนำข้าวเมื่อปีที่แล้ว ขณะนี้ก็ยังไม่ได้แก้ไข และยังคง
วายวอดอยู่ทุกวัน แต่ในท่ามกลางความ
วายวอดนั้นนักการเมืองได้ประโยชน์จากโครงการนี้ไปแล้วนับแสนล้านบาท
ประเทศพินาศ
วายวอด ประชาชนสิ้นเนื้อประดาตัว คือผลิตผลของโครงการประชาพินาศนี้
ดังนั้นนักการเมืองจึงไม่มีวันที่จะหยุดโครงการนี้ และจะยังคงเดินหน้าต่อไปจนกว่าความพินาศ
วายวอดจนถึงกาลสิ้นแผ่นดิน สิ้นชาตินั่นแหละ
จะให้ชาติพินาศ
วายวอด ประชาชนสิ้นไร้ไม้ตอก หรือว่าจะกวาดล้างพวกมหาโจร คนไทยทั้งประเทศก็ต้องตัดสินใจร่วมกันให้เร็วที่สุด!
ที่มา:
http://www.naewna.com/politic/columnist/4940
ปล.เมื่อไหร่รัฐบาล จะออกมาเปิดเผยความจริง..ซักทีครับ...เอิ๊ก ๆ ๆ
เราจะรับจำนำข้าวกันต่อไปจนกว่าจะสิ้นชาติ!
เพื่อให้การดำเนินนโยบายประชาพินาศนี้รุดหน้าต่อไปอย่างเงียบงัน ก็ต้องสร้างมายาภาพมาหลอกลวงคนไทยเป็นระยะๆ เช่นเดียวกับการสร้างมายาภาพการอภัยโทษให้แก่ นายวีระ-นางสาวราตรี เพื่อที่จะได้ยกแผ่นดินไทยให้เขมรอย่างสบายใจเฉิบ
และเพื่อให้ดำเนินนโยบายประชาพินาศสร้างความพินาศได้อย่างแนบเนียนที่สุด มายาภาพมากหลายก็ถูกสร้างขึ้น ไม่ว่าเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญก็ดี เรื่องการนิรโทษกรรมก็ดี หรือเรื่องยกเมฆ 2 ก็ดี
ก็ยกเมฆมาว่ากันเพื่อให้คนไทยลุ่มหลงงมงายอยู่กับเรื่องไม่เข้าท่าและไร้สาระ ทั้งไม่มีเนื้อหาในความเป็นจริง จะได้ไม่มีเวลาไปขัดขวางนโยบายประชาพินาศที่จะทำให้นักการเมืองสามารถล้มทุนได้หมดทั้งประเทศ และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูให้แก่นักการเมือง 2-3 ตระกูล เท่านั้น
ขอบอกกันไว้ตรงนี้ว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญกับเรื่องนิรโทษกรรมนั้น แม้ว่าประชาชนจะไม่ยินยอมโดยเด็ดขาดก็ตาม แต่นักการเมืองยังคงเล่นเกมนี้กันต่อไป เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่นักการเมืองจะใช้ฟาดฟันทำลายล้างกันเอง
พวกหนึ่งต้องการกลับบ้านอย่างเท่ กลับมาครองอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการนิรโทษกรรม เพราะถ้าทำสองอย่างนี้สำเร็จ โทษทัณฑ์ทั้งหมดก็จะหมดสิ้นไป ก็จะกลับมามีอำนาจได้ดังใจปรารถนา
แต่เมื่อกลับมามีอำนาจวันไหน คนที่มีอำนาจอยู่ในทำเนียบในปัจจุบัน รวมทั้งลิ่วล้อบริวารใหม่เก่าทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นขบวนว่าราชการหลังม่านที่ได้อำนาจวาสนาเพราะอิทธิฤทธิ์ ว.5 หรือพวกว่าราชการหน้าม่านที่ได้อำนาจวาสนาเพราะพร้อมใจกันทรยศนายเก่า ภักดีนายใหม่ ก็จะต้องเก็บของกลับบ้านเพื่อกลับเป็นไปเป็นแม่บ้าน หรือทำมาค้าขาย หรือเป็นคนขับรถ หรือเป็นคนหิ้วกระเป๋า หรือเล่นตลกต่อไป ซึ่งไม่มีใครยอม
ดังนั้นคนเหล่านี้ก็จะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้อีกพวกหนึ่งกลับบ้านอย่างเท่ หรือกลับมามีอำนาจแทนพวกตัว
ดังบทเรียนในประวัติศาสตร์ที่มีมานับพันๆ ปี จนเกิดเป็นวลีพังเพยทางการเมืองว่า ความเจ็บช้ำน้ำใจของถั่วนั้น ไม่มีเรื่องไหนเท่ากับการ “ใช้เถาถั่วต้มถั่ว”
ดังนั้นในวันนี้ประชาชนจึงต้องปล่อยให้คนที่อยากกลับมามีอำนาจ กับคนที่อยากอยู่ในอำนาจนานที่สุด ฟาดฟันกันไป ซึ่งคงจะแตกหักกันในปีนี้เป็นแน่แท้ และต้องมองเรื่องนี้ด้วยความรู้เท่าทัน อย่าได้หลงเลือนจนลืมเรื่องนโยบายประชาพินาศที่จะทำให้สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน และสิ้นเนื้อประดาตัวเป็นอันขาด
การดำเนินนโยบายประชาพินาศในโครงการรับจำนำข้าวได้ปรากฏผลชัดเจนแล้วว่า เป็นโครงการโคตรโกงมหาโกง ที่โกงชาติ ผลาญชาติ และทำลายระบบการค้าข้าวของชาติจนพินาศย่อยยับ
ชาวนาไม่สามารถขายข้าวได้ตามราคาประกัน เพราะเงินไปตกหล่นอยู่กับนักการเมืองและลิ่วล้อบริวาร ส่วนโรงสีก็เจ๊งหมดทั้งประเทศ เว้นแต่โรงสีของนักการเมือง คลังสินค้าสำหรับเก็บข้าวก็เจ๊งหมดทั้งประเทศ ยกเว้นคลังสินค้าของลิ่วล้อบริวารของนักการเมือง
ระบบการค้าข้าวก็พินาศวายวอดทั้งประเทศ เพราะข้าวทั้งหมดมาอยู่ในกำมือของรัฐแต่ขายไม่ออกเพราะราคาสูงกว่าตลาดโลก จนเป็นเหตุให้เวียดนามและอินเดียแย่งตลาดข้าวไทยไปทั้งหมด
เมื่อขายข้าวไม่ออก ผลขาดทุนในการเก็บรักษา ในการเสียหายก็เกิดขึ้น ที่ดิ้นรนขายได้บ้างก็ขาดทุน ซึ่งยังคงเถียงกันว่าขาดทุน 70,000 ล้าน หรือแสนล้านกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ทุกประเทศที่ถูกอ้างว่า ซื้อข้าว ได้ถูกปฏิเสธจนหมดสิ้น รวมทั้งประเทศจีนด้วย
ขณะนี้ข้าวเก่าก็เสียหาย เก็บเต็มโกดัง และเสื่อมเสียไปทุกวันๆ จนกระทั่งพื้นที่โกดังก็ไม่พอเก็บ และยังต้องหาโกดังเพื่อจะเก็บกันต่อไปอีกไม่รู้เท่าใด
เมื่อข้าวขายไม่ออก เงินที่จะมารับจำนำต่อไปก็ไม่มี จึงต้องเดินหน้ากู้เงินมารับจำนำกันต่อไป ซึ่งต้องใช้เงินกู้คราวละ 70,000 ล้านแสนล้าน และอาจจะรวมกันถึง 350,000 ล้าน เหมือนกับปีก่อน ซึ่งจะเพิ่มความวายวอดขึ้นอีกเท่าตัว
ความวายวอดของการรับจำนำข้าวเมื่อปีที่แล้ว ขณะนี้ก็ยังไม่ได้แก้ไข และยังคงวายวอดอยู่ทุกวัน แต่ในท่ามกลางความวายวอดนั้นนักการเมืองได้ประโยชน์จากโครงการนี้ไปแล้วนับแสนล้านบาท
ประเทศพินาศวายวอด ประชาชนสิ้นเนื้อประดาตัว คือผลิตผลของโครงการประชาพินาศนี้
ดังนั้นนักการเมืองจึงไม่มีวันที่จะหยุดโครงการนี้ และจะยังคงเดินหน้าต่อไปจนกว่าความพินาศวายวอดจนถึงกาลสิ้นแผ่นดิน สิ้นชาตินั่นแหละ
จะให้ชาติพินาศวายวอด ประชาชนสิ้นไร้ไม้ตอก หรือว่าจะกวาดล้างพวกมหาโจร คนไทยทั้งประเทศก็ต้องตัดสินใจร่วมกันให้เร็วที่สุด!
ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/4940
ปล.เมื่อไหร่รัฐบาล จะออกมาเปิดเผยความจริง..ซักทีครับ...เอิ๊ก ๆ ๆ