ผมไม่ให้ link หรอกนะครับ   จะกลายเป็นสิงห์ลากลิงค์เสียปล่าวๆ    เพราะถึงแม้ว่าโดยทั่วไปจะอ่านข้อมูลพื้นฐานจาก wiki หรือ จากเว๊ปไหนๆ ก็ตาม    ถ้าไม่มีพื้นฐานความรู้ความสนใจทางด้านนั้นจริงๆ แล้ว    อ่านไปก็พอรู้แต่ไม่ได้เรื่องราวตื้นลึกหนาบางอยู่ดี   

อาจเรียกได้ว่ายุโรปเต็มตัวประเทศเดียวครับ   ยูเครนนั่นยังอยู่ในพื้นที่ยุโรปตะวันออกชัดเจน   แต่อาเซอรไบจันนั้นอยู่ตะวันออกไปอีกติดกับทะเลสาบแคสเปี้ยนถือว่าเป็นประเทศตรงกลางระหว่าง  ยุโรปตะวันออกด่านสุดท้ายกับเข้าเขตเริ่มแรกของเอเชียตะวันตก

ทั้ง 2 ประเทศเหมือนกันตรงที่ว่าแยกเป็นอิสระออกมาจากรัสเซียทั้งคู่    แต่สำหรับศาสนาแล้วต่างกันสิ้นเชิง   ยูเครนมีประชากรส่วนใหญ่นับถือ
คริสเตียนออโธดอกซ์ เช่นเดียวกับรัสเซีย    แต่อาเซอร์ไบจันมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายชิอะห์   เนื่องจากเคยอยู่ภายใต้การปกครองของอิหร่านมาเป็นระยะเวลานาน    เมื่อสมัยยังอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเสียประชาชนถูกบังคับให้ต้องยกเลิกการปฏิบัติกิจทางศาสนาอิสลาม   หลังจากเป็นอิสระจากรัสเซียผู้คนเริ่มกลับมาเคร่งครัดปฏิบัติกิจศาสนากันใหม่   นอกจากนั้นยังมีจำนวนประชากรที่เปลี่ยนมาเข้ารีดนับถืออิสลามมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

ที่บอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อของ 2 ประเทศนี้มากนักนั้น   ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ที่ไหนครับ     สำหรับเอเชียหรืออเมริกาแล้วอาจเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหู    แต่สำหรับยุโรปแล้ว    2 ประเทศนี้ถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญใกล้ชิดทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง   

รวมทั้ง โคโซโว  ด้วยนะครับ    ถ้าไม่ใช่เพราะ UN และ NATO เข้าไปช่วยเหลือทางการด้านเมืองและการทหารแล้ว   อีกทั้งสหภาพยุโรปเข้าไปกดดันรัฐบาลเซอร์เบียเป็นเงื่อนไขที่จะได้รับพิจารณาเข้าเป็นสมาชิกอียู    ไม่มีวันที่โคโซโวจะได้แยกตัวเป็นอิสระจากเซอร์เบียแน่นอน   แม้ว่าเซอร์เบียจะยังไม่ยอมรับเป็นทางการอยู่ก็ตาม

อาเซอร์ไบจันนั้นมีเมืองหลวงชื่อ บาคู   เคยเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันสำคัญในสมัยแรกๆ  ที่ต้องส่งให้รัสเซีย   ปัจจุบันหมดแหล่งน้ำมันไปแล้วเหลือแต่สภาพรกร้างซากปรักหักพังของเครื่องมือขุดน้ำมัน      ออกโฆษณาด้านท่องเที่ยวของประเทศให้เห็นทางทีวีอยู่บ่อยๆ    และเมื่อปี  2012  ยังได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันร้องเพลงนานาชาติของยุโรปด้วยที่เรียกกันว่า   Eurovision Song Contest   และเป็นข่าวออกไปทั่วโลกเมื่อประชาชนออกมาเดินขบวนเรียกร้องความสนใจจากนานาชาติในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงของรัฐบาล    โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปิดกั้นสิทธิของสื่อมวลชน (ทำตัวอย่างเดียวกับลูกพี่เก่ารัสเซีย)

มีประเทศที่แยกตัวเป็นอิสระจากรัสเซียหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี  1991  และตั้งองค์กรเครือรัฐเอกราชขึ้นมาใหม่ประกอบด้วย 9 ประเทศ (CIS)   ซึ่งเมื่อเริ่มแรกๆ ก็ยังทำตัวเป็นผู้จงรักภักดีรัสเซียกันดีอยู่   แต่ยิ่งนานเข้าหลายประเทศก็เริ่มตีตัวออกห่างและแสดงทีท่าขอเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปมากขึ้นเรื่อยๆ   จากการประชุมสุดยอดของ EU ณ กรุงปรากเมื่อปี 2009  มีสมาชิกจากประเทศ CIS ถึง 6  ประเทศที่แจ้งความประสงค์จะขอเข้าร่วมสหภาพยุโรป  ได้แก่   อาร์เมเนีย,  อาเซอร์ไบจัน,  จอร์เจีย,  ยูเครน, เบลารุส  และ มอนดาเวีย    ซึ่งรัสเซียได้แสดงการประท้วงอย่างเป็นทางการทันที

จากสภาพเงื่อนไขการปกครองและสภาพการเมืองของประเทศทั้ง 6 นี้    โอกาสที่จะได้รับเข้าสู่การเป็นสมาชิกสหภาพอียูยังอยู่ห่างไกลจนมองไม่เห็นอนาคต

ยูเครนนั้นมีชื่อเสียงไม่เป็นทางการเรื่องหนึ่งคือ  โสเภณี  ที่เธอๆ เหล่านี้ใช้เป็นหนทางพยายามที่จะหนีสภาพชีวิตที่ยากลำบากออกนอกประเทศ   และไปทำมาหากินอยู่ทั่วโลก    แต่ที่กำลังเป็นข่าวดังอย่างเป็นทางการในขณะนี้คือเรื่องการเมือง   ที่ผู้นำหญิงคนเก่า  Julija Timoschenkos   ที่ประกาศตัวชัดเจนว่าฝักไฝ่ยุโรปแพ้การเลือกตั้งและถูกจับขังคุกอยู่ในขณะนี้   เธอมีอาการเจ็บป่วยและไม่ยอมให้แพทย์ของยูเครนรักษาแต่ขอร้องให้แพทย์เยอรมันไปทำการรักษาให้     มีลูกสาวคนเดียวและเรียนจบกฏหมายจากอังกฤษซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างสู้ยิบตาและเป็นทูตส่งข่าวสารของมารดาออกสู่ทั่วโลกอยู่ทุกวันนี้