เรื่องจริงของเพื่อนที่อยากฝากเอามาแชร์ให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวระวังกันไว้ค่ะ
ที่มา:
http://www.weddingsquare.com/forum_posts.asp?TID=169624
ปล. ปกติคนโพสต์ก็เน้นมาอ่านไม่ค่อยได้โพสต์ เลยงงๆกับการเลือกแท็กเล็กน้อยว่าควรจะต้องเลือกหมวดไหนดี
ขอเตือนเพื่อนๆ เกี่ยวกับห้องเสื้อตัดชุดแต่งงาน ใครก็ตามที่กำลังตัดสินใจหาที่ตัดชุดอยู่ควรอ่านอย่างยิ่ง ร้านนี้อยู่ย่านห้วยขวางชื่อ Mon Studio เหตุเกิดเมื่อประมาณต้นเดือนธันวาคม ผมกับแฟนกำลังหาที่ตัดชุดเจ้าสาว ตัวผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ก็เลยให้แฟนผมเป็นคนหาร้าน แฟนผมลองไปคุยกับร้านนี้ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านและเห็นเปิดมานานแล้ว เจ้าของร้านเป็นชายใจหญิงชื่อ มน แฟนผมไปสอบถามเพื่อตัดชุดเพื่อใช้ในงานหมั้น โบสถ์ และ งานเลี้ยง 3 งาน สรุปกันได้ว่า คุณมนจะตัดเช่าให้ชุดนึง ชุดนึงตัดซื้อ อีกชุดที่เป็นชุดหมั้นจะให้ยืมฟรี ทั้งหมดราคา 65,000 บาท
ผมกับแฟนเข้าไปอีกครั้งวันที่ 1 ธันวา เพื่อคุยและมัดจำ คุยแบบกันอยู่หลายชั่วโมง โดยคุณมนเขียนแบบในกระดาษ และพูดคุยเรื่องชุด แต่ผมเริ่มสังเกตุว่าพี่แกดูพูดจามึนมากๆๆ และวกไปวนมา ตอนนั้นค่อนข้างค่ำแล้วผมคิดว่าอาจจะเหนื่อยก็เลยไม่ได้อะไรมาก สรุปสุดท้ายแล้วคุณมนขอมัดจำ 70% รายการดังนี้
1. ชุดเจ้าสาว (ตัดเช่า) ชุดโบสถ์ (ตัดซื้อ) ชุดหมั้น (ยืมฟรี) เบ็ดเสร็จราคา 68,000 เพราะมีเพิ่มเติมนิดหน่อย
2. ชุดสูทชาย 6 ชิ้น มี สูท เชิ้ต กางเกง ไทด์ เสื้อกั๊ก และ ผ้าเช็ดหน้า รวม 17,000
ทั้งหมดมัดจำ 70% ซึ่งแพงมากๆ แต่ผมกับแฟนคิดว่าคงไม่มีอะไร เห็นเป็นห้องเสื้อ ร้านเปิดมานานแล้วก็เลยจ่ายไป
หลังจากจ่ายเงินแล้ว กลิ่นก็ออกทันที คุณมนไม่ยอมเขียนรายละเอียดให้ บอกว่าแค่กระดาษที่เค้าร่างแบบไว้ก็พอแล้ว ผมเริ่มรู้สึกไม่ดี เลยขอให้เค้าเขียนใบเสร็จให้มาก่อน
คุณมนเขียนใบเสร็จง่อยๆมาให้ 1 ใบ ลายมือเรียกว่าแทบเขียนหนังสือไม่ได้เลย และแต่ละคำผมต้องยืนบอกอยู่ข้างๆ! ผมกับแฟนยังคงคิดว่าเค้าอาจจะเหนื่อยมาก เพราะเค้าบ่นว่างานเยอะ มีเอาชุดออกงานเดินแฟชั่นโง้นงี้ๆๆ
คืนนั้นผมกับแฟนกลับออกมาพร้อมความเครียดอย่างมาก นอนไม่หลับเลย เพราะรู้สึกแปลกๆว่าอาจจะโดนเข้าให้แล้วก็ได้ แต่ก็ยังคิดกันว่าอาจจะคิดไปเอง สืบประวัติจากคนรู้จักก็รู้มาว่าพี่คนนี้เคยมีงานในวงการอยู่เรื่อยๆ สมัยก่อนดังอยู่ระดับนึง ผมกับแฟนก็เลยคิดกันว่าอาจจะไม่มีไร
แต่แล้ววันต่อมา คุณมนก็โทรมาหา เริ่มพูดย้ำๆเรื่องที่จะให้ยืมชุด เริ่มบอกจะให้ยืมมงกุฏ ช่อดอกไม้ปลอม รองเท้า บลาๆๆๆ จนสุดท้ายผมสงสัยก็เลยถามว่า พวกที่ยืมๆนี่ ต้องมัดจำหรือเปล่า
คำตอบทำให้ผมกลับมาเครียดอีกครั้ง นั่นคือ "พี่ขอมัดจำ 2 หมื่นพอละกัน แล้วก็ชุดคิดแค่ค่าซักแห้งก็พอ ประมาณไม่เกิน 3พันบาทต่อชุด"
สรุปคือผมมัดจำชุดไปแล้ว 60,000 บาท แต่ยังต้องมาเสียมัดจำเพื่อยืมชุดที่ตอนแรกบอกจะให้ยืมฟรีอีก 20,000 บาทและซักแห้งก็แพงมหาโหดด้วย! ผมเริ่มรู้สึกว่าที่ยัดเยียดของให้ยืมเยอะๆนี่เพราะจะมาหักมัดจำเรากินแน่ๆ ก็เลยค่อยๆปฏิเสธพวกของยืมไปจนหมด ไม่เอาอะไรเพิ่มอีกนอกจากชุดที่สั่งไปตอนแรก
ทำใจจนผ่านมาอีกประมาณอาทิตย์นึง คุณมนโทรมาหาแฟนผม เริ่มชักชวนว่าควรจะตัดชุดสูทเพิ่มให้ผมอีกชุด จะให้มีชุดใส่งานอื่นด้วย ซึ่งชุดผมตอนแรก 17,000 ก็แพงจะแย่แล้ว ก็เลยปฏิเสธไป พร้อมกับบอกว่าพวกของยืมคงจะไม่เอาเหมือนกัน ทีนี้ก็มาถึงจุดที่ผมทนไม่ไหว นั่นคือคุณมนบอกว่า สูทผมที่สั่งตัดไปน่ะ จริงๆมีแค่ 3 ชิ้น!! ผมเริ่มของขึ้นแล้ว บอกว่า พี่มน พี่เขียนให้ผมเองนะครับว่า 6 ชิ้น วันนั้นก็ตกลงกันชัดเจน (จำได้แน่ๆ วันนั้นพี่แกพูดวนไปวนมาประมาณ 20 รอบได้ ว่า6 ชิ้นนั้นมีอะไรบ้าง) คำตอบที่ผมได้รับกลับมาก็คือ "น้องคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ" และยังแสดงอาการไม่พอใจใส่ผมกับแฟนอีกด้วยก่อนจะวางหูใส่ผม สรุปคือชุดผมตอนนี้มีแค่ สูท เสื้อเชิ้ตตัวใน กางเกง กับราคา 17,000 บาท!!
อารมณ์ผมตอนนั้นคือไม่ไหวแล้ว ประสาทเสียมาก อยากจะทิ้งเงินทั้งหมดแล้วไปหาเจ้าใหม่เลย เพราะเวลาก็ไม่มีแล้ว โครงชุดยังไม่เห็นเลย ผ้าหรือวัสดุอะไรที่อ้างว่าซื้อมาแล้วก็ไม่เคยได้เห็นเลย บอกแค่ว่าจะได้ชุด2อาทิตย์ก่อนงาน ดูจากรูปการณ์แล้วเสี่ยงมากๆ ผมมีทางเลือกคือจะให้มันฟันจนหมดตัวแล้วเสี่ยงรอชุดที่ไม่รู้จะเป็นยังไง หรือทิ้งเงินมัดจำแล้วหาเจ้าใหม่
ผมบอกกับแฟนว่าตัดทิ้งเลย เลิกคุยแล้วไปหาเจ้าใหม่ แต่แฟนผมเสียดายเงิน เงิน6หมื่นบาทสำหรับบางคนแทบจะจัดงานแต่งได้ทั้งงานเลย แฟนผมยังลังเลว่าจะเอาต่อดีไม๊ แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าไม่เอาแน่ๆ ตั้งแต่จ่ายมัดจำไปไม่เคยได้อะไรเลย มีแต่ความเครียด กังวล
หลังปีใหม่ผมปรึกษากับทางบ้าน พี่สาวกับพี่เขยผมก็เลยอาสาไปคุยที่ร้านเป็นเพื่อน เพื่อตัดสินใจที่นั่นเลยว่าจะยกเลิกหรือไม่
วันที่ 6 มกรา 56 เวลา 5 โมงเย็น ไปที่ร้านเป็นครั้งที่3 ก็เห็นสิ่งผิดปกติหลายอย่างนั่นคือ
- ร้านเปิดไฟตลอดทุกครั้งที่ผ่าน แต่หันป้ายว่าปิด และล็อคประตูตลอด พี่มนอ้างทุกครั้งว่าเคยโดนปล้น
- พี่มนอยู่ร้านคนเดียวทุกครั้ง และหลบอยู่หลังร้าน ไม่มีโต๊ะหน้าร้านเพื่อรับแขก
- ทุกชุดที่โชว์หน้าร้านไม่เคยเปลี่ยน ติดป้ายแค่ว่า"จองแล้ว" แต่ไม่มีชื่อเจ้าของ
- ไม่เคยเห็นลูกค้าคนอื่นเลย
- อ้างว่ามีสาขาที่เอกมัยกับนน แต่ปิดไปแล้ว
เข้าไปปุ้บผมขอให้พี่มนสรุปมาอีกครั้ง ว่าจะมีอะไรบ้างตามที่คุยกันไว้ พร้อมกับเขียนใส่กระดาษเดี๋ยวนั้นเลย ซึ่งดูมันไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ทำ จนได้รายการตามที่ผมเขียนไว้ข้างต้น ไม่มีหมกเม็ด (หมายความว่าก่อนหน้านี้จงใจฟัน?) แต่ก็มีคือต้องเสียค่าซักแห้งชุดเช่าตัดตอนเอามาคืน 2,500 บาท
แต่พอจะเขียนเสร็จ ก็เกิดจุดเปลี่ยนขึ้นมา มันคงเห็นว่าเอาอะไรเพิ่มไม่ได้แล้ว พูดขึ้นมาว่าชุดเช่าตัดที่เสียเงินหลายหมื่นเพื่อตัด และต้องซักแห้งให้อีก 2,500 นั้น ก่อนจะเอาชุดไปใส่ ต้องวางเงินประกันชุดอีก 20,000บาท ด้วย!!!! สรุปถ้าผมจะทำต่อ ต้องเสียเงินส่วนที่เหลือ และยังต้องเสียค่าซักแห้ง บวกประกันชุด (ที่จะไม่รู้ได้คืนหรือไม่) อีกเบ็ดเสร็จเกือบ 50,000 รวมแล้วต้องจ่ายเป็นแสน ผมกับทุกคนเลยตัดสินใจบอกว่ายกเลิกทุกอย่าง ไม่ทำแล้ว
หลังจากนั้นก็เป็นการต่อรองทะเลาะเอาเงินคืน พี่มนดูอารมณ์ดีมากที่ผมกับแฟนยกเลิก พร้อมกับบอกว่าดิชั้นคืนให้ครึ่งนึงคือ 30,000 บาทเท่านั้น พี่สาวผมพยายามคุยว่างานยังไม่เริ่มเลย อะไรก็ยังไม่เห็น แม้แต่วัดตัวยังไม่ได้วัดเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงคืนมัดจำไม่ได้ เงื่อนไขก็ไม่ได้เขียนไว้
ช่วงเวลานั้นคุณมนก็เริ่มพูดจาแย่ขึ้นอีก (จากที่แย่อยู่แล้ว) เริ่มเสียงดัง ตะคอก "นี่ชั้นไม่ได้ขอร้องให้มาจ่ายเงินมัดจำนะ พวกเธอน่ะมาจ่ายเงินชั้นถึงที่เอง!" "นี่ชั้นทำธุรกิจนะ ไม่ใช่การกุศล!" สภาพตอนนั้นทำให้ผมแค้นมาก กะเทยคนนี้นั่งเก้าอี้ไขว่ห้างหน้าเชิดขณะที่ผมกับคนอื่นๆยืนขอร้อง ผมบอกไปตามตรงว่า ที่ผมยกเลิกเป็นเพราะมันไม่เป็นตามที่คุยกันตอนแรก มีการบังคับจ่ายเพิ่มเติมอีกหลายหมื่นจนผมรับไม่ได้ มันก็ตะคอกกลับมาว่า "อ๋อนี่ชั้นผิดใช่ไม๊ จะบอกว่าชั้นผิดใช่ไม๊?" พี่สาวผมกลัวไม่ได้เงินคืนเลย พยายามขอร้องว่าพวกผมงบหมดแล้ว ถ้าโดนยึดมัดจำอีกคงไม่ไหว พี่สาวผมถึงขนาดจับแขนมันแล้วก้มหัว ขอร้องให้คืนมัดจำ พร้อมบอกว่าขอร้องเถอะนะคะ....ผมกับแฟนแทบทนไม่ไหวที่เห็นพี่สาวผมต้องไปทำยังงั้นกับคนแบบนี้ แต่สิ่งที่พี่มนตอบกลับมาทำให้ผมแค้นขึ้นไปอีก "อ๋อ เรื่องเงินน่ะเหรอปัญหา บอกผมมาคำเดียวก็พอ ถ้าผมแฮปปี้ผมอาจจะยกให้ไม่เก็บเงินประกันชุดก็ได้ ผมเป็นคนประเภทชอบให้อยู่แล้ว" คำพูดแต่ละคำดูถูกผมกับครอบครัวอย่างมาก และทำให้มั่นใจว่า มันทำธุรกิจโกงมัดจำแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว และยังบอกผมด้วยว่า ถ้าไม่พอใจก็ไปฟ้องเอาเอง ผมให้จนไม่รู้จะให้ยังไงแล้ว
รวมเวลาคุยอยู่ประมาณชั่วโมงครึ่ง คนคนนี้เอาแต่พูดยกยอตัวเองว่าเป็นคนดี ธรรมมะธรรมโม บอกว่า "ชั้นน่ะ ชีวิตมีแต่ให้คนอื่น เศษเงินแค่นี้ชั้นไม่โกงหรอก!" และพูดจาโอ้อวดอีกมากมายจนเล่าไม่หมด เอาของถูกไร้ราคาออกมา บอกว่าแพงชิ้นละห้าพัน หมื่นนึง แถมยังพูดแนวเป็นบุญคุณว่าที่จะทำชุดให้ก็เพราะสงสารแฟนผม และอื่นๆอีกมาก
สรุปผมทนไม่ไหวบอกว่าเอาเงินมาแล้วจบๆไป แล้วก็เดินออกมา สรุปคือผมกับแฟนเสียเงินไป 30,000 บาทโดยที่ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น ไม่มีการบริการอะไรใดๆทั้งสิ้นนอกจากกระดาษที่วาดแบบ 1 ใบ (พี่มนขีดทิ้งตอนยกเลิกงาน ผมสังเกตุเห็นว่ามีอีกหลายใบที่ขีดทิ้งแบบนี้เหมือนกัน) เวลา 1 เดือนและสุขภาพที่เสียไป
ตอนนี้ได้ชุดจากที่ร้าน Fullrichbride แล้ว ที่ร้านมืออาชีพมากและมีสัญญาอย่างละเอียดพร้อมรูปถ่ายชุดเรียบร้อย ขอเตือนทุกๆคนก่อนจะจ่ายเงิน ต้องเห็นสัญญาก่อน และเป็นไปได้ให้คุยหลายๆรอบ ดูข้อมูลจากที่อื่นด้วยก่อนจะตัดสินใจ เพราะมีคนจ้องทำตัวเป็นมิจฉาชีพมาหลอกเงินจากคนที่ตั้งใจเก็บไว้เพื่องานใหญ่ที่สุดของชีวิตแบบนี้เต็มไปหมดครับ
แนบหลักฐานมาประกอบครับ ผมยังคิดอยู่ว่าจะจัดการต่อยังไงดี แต่คงพอก่อนแค่นี้ก็เสียสุขภาพจิตพอแล้ว
รูปหน้าร้านวันที่ไปคุยครั้งสุดท้าย
ก้อปปี้ใบเสร็จ ถูกฉีกทิ้งหลังจากตกลงเอามัดจำคืนครึ่งเดียว แต่ขอคืนมาได้
นามบัตร
เขียนรายละเอียดให้แบบนี้
เตือนภัยห้องเสื้อ 18 มงกุฏ Mon Studio ห้วยขวาง
ที่มา: http://www.weddingsquare.com/forum_posts.asp?TID=169624
ปล. ปกติคนโพสต์ก็เน้นมาอ่านไม่ค่อยได้โพสต์ เลยงงๆกับการเลือกแท็กเล็กน้อยว่าควรจะต้องเลือกหมวดไหนดี
ขอเตือนเพื่อนๆ เกี่ยวกับห้องเสื้อตัดชุดแต่งงาน ใครก็ตามที่กำลังตัดสินใจหาที่ตัดชุดอยู่ควรอ่านอย่างยิ่ง ร้านนี้อยู่ย่านห้วยขวางชื่อ Mon Studio เหตุเกิดเมื่อประมาณต้นเดือนธันวาคม ผมกับแฟนกำลังหาที่ตัดชุดเจ้าสาว ตัวผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ก็เลยให้แฟนผมเป็นคนหาร้าน แฟนผมลองไปคุยกับร้านนี้ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านและเห็นเปิดมานานแล้ว เจ้าของร้านเป็นชายใจหญิงชื่อ มน แฟนผมไปสอบถามเพื่อตัดชุดเพื่อใช้ในงานหมั้น โบสถ์ และ งานเลี้ยง 3 งาน สรุปกันได้ว่า คุณมนจะตัดเช่าให้ชุดนึง ชุดนึงตัดซื้อ อีกชุดที่เป็นชุดหมั้นจะให้ยืมฟรี ทั้งหมดราคา 65,000 บาท
ผมกับแฟนเข้าไปอีกครั้งวันที่ 1 ธันวา เพื่อคุยและมัดจำ คุยแบบกันอยู่หลายชั่วโมง โดยคุณมนเขียนแบบในกระดาษ และพูดคุยเรื่องชุด แต่ผมเริ่มสังเกตุว่าพี่แกดูพูดจามึนมากๆๆ และวกไปวนมา ตอนนั้นค่อนข้างค่ำแล้วผมคิดว่าอาจจะเหนื่อยก็เลยไม่ได้อะไรมาก สรุปสุดท้ายแล้วคุณมนขอมัดจำ 70% รายการดังนี้
1. ชุดเจ้าสาว (ตัดเช่า) ชุดโบสถ์ (ตัดซื้อ) ชุดหมั้น (ยืมฟรี) เบ็ดเสร็จราคา 68,000 เพราะมีเพิ่มเติมนิดหน่อย
2. ชุดสูทชาย 6 ชิ้น มี สูท เชิ้ต กางเกง ไทด์ เสื้อกั๊ก และ ผ้าเช็ดหน้า รวม 17,000
ทั้งหมดมัดจำ 70% ซึ่งแพงมากๆ แต่ผมกับแฟนคิดว่าคงไม่มีอะไร เห็นเป็นห้องเสื้อ ร้านเปิดมานานแล้วก็เลยจ่ายไป
หลังจากจ่ายเงินแล้ว กลิ่นก็ออกทันที คุณมนไม่ยอมเขียนรายละเอียดให้ บอกว่าแค่กระดาษที่เค้าร่างแบบไว้ก็พอแล้ว ผมเริ่มรู้สึกไม่ดี เลยขอให้เค้าเขียนใบเสร็จให้มาก่อน
คุณมนเขียนใบเสร็จง่อยๆมาให้ 1 ใบ ลายมือเรียกว่าแทบเขียนหนังสือไม่ได้เลย และแต่ละคำผมต้องยืนบอกอยู่ข้างๆ! ผมกับแฟนยังคงคิดว่าเค้าอาจจะเหนื่อยมาก เพราะเค้าบ่นว่างานเยอะ มีเอาชุดออกงานเดินแฟชั่นโง้นงี้ๆๆ
คืนนั้นผมกับแฟนกลับออกมาพร้อมความเครียดอย่างมาก นอนไม่หลับเลย เพราะรู้สึกแปลกๆว่าอาจจะโดนเข้าให้แล้วก็ได้ แต่ก็ยังคิดกันว่าอาจจะคิดไปเอง สืบประวัติจากคนรู้จักก็รู้มาว่าพี่คนนี้เคยมีงานในวงการอยู่เรื่อยๆ สมัยก่อนดังอยู่ระดับนึง ผมกับแฟนก็เลยคิดกันว่าอาจจะไม่มีไร
แต่แล้ววันต่อมา คุณมนก็โทรมาหา เริ่มพูดย้ำๆเรื่องที่จะให้ยืมชุด เริ่มบอกจะให้ยืมมงกุฏ ช่อดอกไม้ปลอม รองเท้า บลาๆๆๆ จนสุดท้ายผมสงสัยก็เลยถามว่า พวกที่ยืมๆนี่ ต้องมัดจำหรือเปล่า
คำตอบทำให้ผมกลับมาเครียดอีกครั้ง นั่นคือ "พี่ขอมัดจำ 2 หมื่นพอละกัน แล้วก็ชุดคิดแค่ค่าซักแห้งก็พอ ประมาณไม่เกิน 3พันบาทต่อชุด"
สรุปคือผมมัดจำชุดไปแล้ว 60,000 บาท แต่ยังต้องมาเสียมัดจำเพื่อยืมชุดที่ตอนแรกบอกจะให้ยืมฟรีอีก 20,000 บาทและซักแห้งก็แพงมหาโหดด้วย! ผมเริ่มรู้สึกว่าที่ยัดเยียดของให้ยืมเยอะๆนี่เพราะจะมาหักมัดจำเรากินแน่ๆ ก็เลยค่อยๆปฏิเสธพวกของยืมไปจนหมด ไม่เอาอะไรเพิ่มอีกนอกจากชุดที่สั่งไปตอนแรก
ทำใจจนผ่านมาอีกประมาณอาทิตย์นึง คุณมนโทรมาหาแฟนผม เริ่มชักชวนว่าควรจะตัดชุดสูทเพิ่มให้ผมอีกชุด จะให้มีชุดใส่งานอื่นด้วย ซึ่งชุดผมตอนแรก 17,000 ก็แพงจะแย่แล้ว ก็เลยปฏิเสธไป พร้อมกับบอกว่าพวกของยืมคงจะไม่เอาเหมือนกัน ทีนี้ก็มาถึงจุดที่ผมทนไม่ไหว นั่นคือคุณมนบอกว่า สูทผมที่สั่งตัดไปน่ะ จริงๆมีแค่ 3 ชิ้น!! ผมเริ่มของขึ้นแล้ว บอกว่า พี่มน พี่เขียนให้ผมเองนะครับว่า 6 ชิ้น วันนั้นก็ตกลงกันชัดเจน (จำได้แน่ๆ วันนั้นพี่แกพูดวนไปวนมาประมาณ 20 รอบได้ ว่า6 ชิ้นนั้นมีอะไรบ้าง) คำตอบที่ผมได้รับกลับมาก็คือ "น้องคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ" และยังแสดงอาการไม่พอใจใส่ผมกับแฟนอีกด้วยก่อนจะวางหูใส่ผม สรุปคือชุดผมตอนนี้มีแค่ สูท เสื้อเชิ้ตตัวใน กางเกง กับราคา 17,000 บาท!!
อารมณ์ผมตอนนั้นคือไม่ไหวแล้ว ประสาทเสียมาก อยากจะทิ้งเงินทั้งหมดแล้วไปหาเจ้าใหม่เลย เพราะเวลาก็ไม่มีแล้ว โครงชุดยังไม่เห็นเลย ผ้าหรือวัสดุอะไรที่อ้างว่าซื้อมาแล้วก็ไม่เคยได้เห็นเลย บอกแค่ว่าจะได้ชุด2อาทิตย์ก่อนงาน ดูจากรูปการณ์แล้วเสี่ยงมากๆ ผมมีทางเลือกคือจะให้มันฟันจนหมดตัวแล้วเสี่ยงรอชุดที่ไม่รู้จะเป็นยังไง หรือทิ้งเงินมัดจำแล้วหาเจ้าใหม่
ผมบอกกับแฟนว่าตัดทิ้งเลย เลิกคุยแล้วไปหาเจ้าใหม่ แต่แฟนผมเสียดายเงิน เงิน6หมื่นบาทสำหรับบางคนแทบจะจัดงานแต่งได้ทั้งงานเลย แฟนผมยังลังเลว่าจะเอาต่อดีไม๊ แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าไม่เอาแน่ๆ ตั้งแต่จ่ายมัดจำไปไม่เคยได้อะไรเลย มีแต่ความเครียด กังวล
หลังปีใหม่ผมปรึกษากับทางบ้าน พี่สาวกับพี่เขยผมก็เลยอาสาไปคุยที่ร้านเป็นเพื่อน เพื่อตัดสินใจที่นั่นเลยว่าจะยกเลิกหรือไม่
วันที่ 6 มกรา 56 เวลา 5 โมงเย็น ไปที่ร้านเป็นครั้งที่3 ก็เห็นสิ่งผิดปกติหลายอย่างนั่นคือ
- ร้านเปิดไฟตลอดทุกครั้งที่ผ่าน แต่หันป้ายว่าปิด และล็อคประตูตลอด พี่มนอ้างทุกครั้งว่าเคยโดนปล้น
- พี่มนอยู่ร้านคนเดียวทุกครั้ง และหลบอยู่หลังร้าน ไม่มีโต๊ะหน้าร้านเพื่อรับแขก
- ทุกชุดที่โชว์หน้าร้านไม่เคยเปลี่ยน ติดป้ายแค่ว่า"จองแล้ว" แต่ไม่มีชื่อเจ้าของ
- ไม่เคยเห็นลูกค้าคนอื่นเลย
- อ้างว่ามีสาขาที่เอกมัยกับนน แต่ปิดไปแล้ว
เข้าไปปุ้บผมขอให้พี่มนสรุปมาอีกครั้ง ว่าจะมีอะไรบ้างตามที่คุยกันไว้ พร้อมกับเขียนใส่กระดาษเดี๋ยวนั้นเลย ซึ่งดูมันไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ทำ จนได้รายการตามที่ผมเขียนไว้ข้างต้น ไม่มีหมกเม็ด (หมายความว่าก่อนหน้านี้จงใจฟัน?) แต่ก็มีคือต้องเสียค่าซักแห้งชุดเช่าตัดตอนเอามาคืน 2,500 บาท
แต่พอจะเขียนเสร็จ ก็เกิดจุดเปลี่ยนขึ้นมา มันคงเห็นว่าเอาอะไรเพิ่มไม่ได้แล้ว พูดขึ้นมาว่าชุดเช่าตัดที่เสียเงินหลายหมื่นเพื่อตัด และต้องซักแห้งให้อีก 2,500 นั้น ก่อนจะเอาชุดไปใส่ ต้องวางเงินประกันชุดอีก 20,000บาท ด้วย!!!! สรุปถ้าผมจะทำต่อ ต้องเสียเงินส่วนที่เหลือ และยังต้องเสียค่าซักแห้ง บวกประกันชุด (ที่จะไม่รู้ได้คืนหรือไม่) อีกเบ็ดเสร็จเกือบ 50,000 รวมแล้วต้องจ่ายเป็นแสน ผมกับทุกคนเลยตัดสินใจบอกว่ายกเลิกทุกอย่าง ไม่ทำแล้ว
หลังจากนั้นก็เป็นการต่อรองทะเลาะเอาเงินคืน พี่มนดูอารมณ์ดีมากที่ผมกับแฟนยกเลิก พร้อมกับบอกว่าดิชั้นคืนให้ครึ่งนึงคือ 30,000 บาทเท่านั้น พี่สาวผมพยายามคุยว่างานยังไม่เริ่มเลย อะไรก็ยังไม่เห็น แม้แต่วัดตัวยังไม่ได้วัดเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงคืนมัดจำไม่ได้ เงื่อนไขก็ไม่ได้เขียนไว้
ช่วงเวลานั้นคุณมนก็เริ่มพูดจาแย่ขึ้นอีก (จากที่แย่อยู่แล้ว) เริ่มเสียงดัง ตะคอก "นี่ชั้นไม่ได้ขอร้องให้มาจ่ายเงินมัดจำนะ พวกเธอน่ะมาจ่ายเงินชั้นถึงที่เอง!" "นี่ชั้นทำธุรกิจนะ ไม่ใช่การกุศล!" สภาพตอนนั้นทำให้ผมแค้นมาก กะเทยคนนี้นั่งเก้าอี้ไขว่ห้างหน้าเชิดขณะที่ผมกับคนอื่นๆยืนขอร้อง ผมบอกไปตามตรงว่า ที่ผมยกเลิกเป็นเพราะมันไม่เป็นตามที่คุยกันตอนแรก มีการบังคับจ่ายเพิ่มเติมอีกหลายหมื่นจนผมรับไม่ได้ มันก็ตะคอกกลับมาว่า "อ๋อนี่ชั้นผิดใช่ไม๊ จะบอกว่าชั้นผิดใช่ไม๊?" พี่สาวผมกลัวไม่ได้เงินคืนเลย พยายามขอร้องว่าพวกผมงบหมดแล้ว ถ้าโดนยึดมัดจำอีกคงไม่ไหว พี่สาวผมถึงขนาดจับแขนมันแล้วก้มหัว ขอร้องให้คืนมัดจำ พร้อมบอกว่าขอร้องเถอะนะคะ....ผมกับแฟนแทบทนไม่ไหวที่เห็นพี่สาวผมต้องไปทำยังงั้นกับคนแบบนี้ แต่สิ่งที่พี่มนตอบกลับมาทำให้ผมแค้นขึ้นไปอีก "อ๋อ เรื่องเงินน่ะเหรอปัญหา บอกผมมาคำเดียวก็พอ ถ้าผมแฮปปี้ผมอาจจะยกให้ไม่เก็บเงินประกันชุดก็ได้ ผมเป็นคนประเภทชอบให้อยู่แล้ว" คำพูดแต่ละคำดูถูกผมกับครอบครัวอย่างมาก และทำให้มั่นใจว่า มันทำธุรกิจโกงมัดจำแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว และยังบอกผมด้วยว่า ถ้าไม่พอใจก็ไปฟ้องเอาเอง ผมให้จนไม่รู้จะให้ยังไงแล้ว
รวมเวลาคุยอยู่ประมาณชั่วโมงครึ่ง คนคนนี้เอาแต่พูดยกยอตัวเองว่าเป็นคนดี ธรรมมะธรรมโม บอกว่า "ชั้นน่ะ ชีวิตมีแต่ให้คนอื่น เศษเงินแค่นี้ชั้นไม่โกงหรอก!" และพูดจาโอ้อวดอีกมากมายจนเล่าไม่หมด เอาของถูกไร้ราคาออกมา บอกว่าแพงชิ้นละห้าพัน หมื่นนึง แถมยังพูดแนวเป็นบุญคุณว่าที่จะทำชุดให้ก็เพราะสงสารแฟนผม และอื่นๆอีกมาก
สรุปผมทนไม่ไหวบอกว่าเอาเงินมาแล้วจบๆไป แล้วก็เดินออกมา สรุปคือผมกับแฟนเสียเงินไป 30,000 บาทโดยที่ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น ไม่มีการบริการอะไรใดๆทั้งสิ้นนอกจากกระดาษที่วาดแบบ 1 ใบ (พี่มนขีดทิ้งตอนยกเลิกงาน ผมสังเกตุเห็นว่ามีอีกหลายใบที่ขีดทิ้งแบบนี้เหมือนกัน) เวลา 1 เดือนและสุขภาพที่เสียไป
ตอนนี้ได้ชุดจากที่ร้าน Fullrichbride แล้ว ที่ร้านมืออาชีพมากและมีสัญญาอย่างละเอียดพร้อมรูปถ่ายชุดเรียบร้อย ขอเตือนทุกๆคนก่อนจะจ่ายเงิน ต้องเห็นสัญญาก่อน และเป็นไปได้ให้คุยหลายๆรอบ ดูข้อมูลจากที่อื่นด้วยก่อนจะตัดสินใจ เพราะมีคนจ้องทำตัวเป็นมิจฉาชีพมาหลอกเงินจากคนที่ตั้งใจเก็บไว้เพื่องานใหญ่ที่สุดของชีวิตแบบนี้เต็มไปหมดครับ
แนบหลักฐานมาประกอบครับ ผมยังคิดอยู่ว่าจะจัดการต่อยังไงดี แต่คงพอก่อนแค่นี้ก็เสียสุขภาพจิตพอแล้ว
รูปหน้าร้านวันที่ไปคุยครั้งสุดท้าย
ก้อปปี้ใบเสร็จ ถูกฉีกทิ้งหลังจากตกลงเอามัดจำคืนครึ่งเดียว แต่ขอคืนมาได้
นามบัตร
เขียนรายละเอียดให้แบบนี้