"ประภัสร์"หวังพารฟท.ร่วมบริหารรถไฟความเร็วสูง เผยตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาความพร้อม วอนอย่าเอาผลขาดทุนรถไฟมาบั่นทอนความเชื่อมั่น
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการศึกษาความพร้อมของ รฟท.ในการบริหารจัดการรถไฟความเร็วสูง ตามที่ได้รับมอบหมายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ไปศึกษาความพร้อมของ รฟท.ในเรื่องดังกล่าวว่าขณะนี้ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาศึกษาความพร้อมเรื่องนี้คาดว่าใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 1 - 2 เดือน โดยเฉพาะ รวมทั้งได้กระตุ้นให้มีการศึกษาความรู้เรื่องของรถไฟความเร็วสูงภายในองค์กรด้วย เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงเป็นเทคโนโลยีใหม่หากในอนาคต รฟท.จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมภายในองค์กรให้ดีที่สุด
"เราหวังว่าจะมีส่วนร่วมในโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะถือว่าโครงการนี้เป็นโครงการสำคัญ ส่วนเรื่องจะได้เป็นหน่วยงานในการบริหารจัดการรถไฟความเร็วสูงหรือได้เป็นผู้รับผิดชอบในส่วนการเดินรถหรือไม่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ก็มีการเตรียมความพร้อมในองค์กรเรื่องความรู้ที่เกี่ยวข้องกับรถไฟความเร็วสูงไว้ก่อน" นายประภัสร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าในเรื่องภาพลักษณ์ของรฟท.ที่ประสบภาวะขาดทุนอย่างมาก จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนหรือไม่หาก รฟท.เป็นผู้บริหารรถไฟความเร็วสูงในอนาคต ผู้ว่าการ รฟท.กล่าวว่าอยากให้ประชาชนทำความเข้าใจว่าการขาดทุนของการรถไฟในอดีตนั้นมาจากปัจจัยใดบ้าง โดยส่วนใหญ่ก็คือการที่ไม่ได้รับการพัฒนาจากภาครัฐ รวมทั้งไม่ได้รับอนุญาติให้ปรับขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งการขาดทุนของการรถไฟมาจากการดำเนินการตามนโยบายภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ค่าโดยสารก็ไม่ได้รับการปรับราคามาเป็นระยะเวลานานมาก โดยมีการปรับราคาครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งขณะนั้นราคาน้ำมันเบนซินยังมีราคาไม่ถึงลิตรละ 10 บาท
“รถไฟเป็นองค์กรที่ตั้งมานาน แต่ลองไปดูในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯตั้งแต่ฉบับแรกจะเห็นว่ารถไฟเป็นส่วนที่ถูกละเลย พูดได้ว่าการขนส่งทางรางของประเทศถูกละเลยมานานหลายสิบปี การพัฒนาการคมนาคมของประเทศส่วนใหญ่เน้นไปที่การพัฒนาถนน จนตอนนี้ราคาเชื้อเพลิงแพงขึ้นเรื่อยๆ ก็มีการพูดถึงการคุ้มทุนในการขนส่ง ต้นทุนทางโลจิสติกส์ที่ต่ำลงจึงต้องหันกลับมาพัฒนารถไฟกันอีกครั้งซึ่งเมื่อถูกละเลยไปนานการกลับมาพัฒนาก็ต้องมีปัญหาซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ซึ่งมั่นใจว่าทำได้เพราะคนรถไฟมีศักยภาพ” นายประภัสร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้าการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงและโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยรัฐบาลมีแผนที่จะก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงใน4 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ - เชียงใหม่ กรุงเทพ - หนองคาย กรุงเทพ - ระยอง และกรุงเทพ - หิวหิน โดยนายกรัฐมนตรีได้เร่งให้โครงการรถไฟความเร็วสูงเริ่มต้นการเปิดประมูลภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมในการประมูล เช่น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รวมทั้งการวางแผนบริหารจัดการการเดินรถของโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยมีรูปแบบที่ศึกษา ได้แก่ การให้ รฟท. เป็นผู้บริหาร ตั้งบริษัทลูกของ รฟท.ขึ้นมาบริหารโดยเฉพาะโดยอาจเป็นรูปแบบรัฐวิสาหกิจ หรือตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่และให้รัฐบาลบริหารงานร่วมกับเอกชน
ข่าว
http://goo.gl/Q3BcT
ภาพ
http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2009/06/22/7658d7h96g86j59fgcake.jpg
'ประภัสร์'หวังรฟท. ร่วมบริหารไฮสปรีดเทรน
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการศึกษาความพร้อมของ รฟท.ในการบริหารจัดการรถไฟความเร็วสูง ตามที่ได้รับมอบหมายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ไปศึกษาความพร้อมของ รฟท.ในเรื่องดังกล่าวว่าขณะนี้ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาศึกษาความพร้อมเรื่องนี้คาดว่าใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 1 - 2 เดือน โดยเฉพาะ รวมทั้งได้กระตุ้นให้มีการศึกษาความรู้เรื่องของรถไฟความเร็วสูงภายในองค์กรด้วย เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงเป็นเทคโนโลยีใหม่หากในอนาคต รฟท.จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมภายในองค์กรให้ดีที่สุด
"เราหวังว่าจะมีส่วนร่วมในโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะถือว่าโครงการนี้เป็นโครงการสำคัญ ส่วนเรื่องจะได้เป็นหน่วยงานในการบริหารจัดการรถไฟความเร็วสูงหรือได้เป็นผู้รับผิดชอบในส่วนการเดินรถหรือไม่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ก็มีการเตรียมความพร้อมในองค์กรเรื่องความรู้ที่เกี่ยวข้องกับรถไฟความเร็วสูงไว้ก่อน" นายประภัสร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าในเรื่องภาพลักษณ์ของรฟท.ที่ประสบภาวะขาดทุนอย่างมาก จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนหรือไม่หาก รฟท.เป็นผู้บริหารรถไฟความเร็วสูงในอนาคต ผู้ว่าการ รฟท.กล่าวว่าอยากให้ประชาชนทำความเข้าใจว่าการขาดทุนของการรถไฟในอดีตนั้นมาจากปัจจัยใดบ้าง โดยส่วนใหญ่ก็คือการที่ไม่ได้รับการพัฒนาจากภาครัฐ รวมทั้งไม่ได้รับอนุญาติให้ปรับขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งการขาดทุนของการรถไฟมาจากการดำเนินการตามนโยบายภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ค่าโดยสารก็ไม่ได้รับการปรับราคามาเป็นระยะเวลานานมาก โดยมีการปรับราคาครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งขณะนั้นราคาน้ำมันเบนซินยังมีราคาไม่ถึงลิตรละ 10 บาท
“รถไฟเป็นองค์กรที่ตั้งมานาน แต่ลองไปดูในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯตั้งแต่ฉบับแรกจะเห็นว่ารถไฟเป็นส่วนที่ถูกละเลย พูดได้ว่าการขนส่งทางรางของประเทศถูกละเลยมานานหลายสิบปี การพัฒนาการคมนาคมของประเทศส่วนใหญ่เน้นไปที่การพัฒนาถนน จนตอนนี้ราคาเชื้อเพลิงแพงขึ้นเรื่อยๆ ก็มีการพูดถึงการคุ้มทุนในการขนส่ง ต้นทุนทางโลจิสติกส์ที่ต่ำลงจึงต้องหันกลับมาพัฒนารถไฟกันอีกครั้งซึ่งเมื่อถูกละเลยไปนานการกลับมาพัฒนาก็ต้องมีปัญหาซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ซึ่งมั่นใจว่าทำได้เพราะคนรถไฟมีศักยภาพ” นายประภัสร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้าการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงและโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยรัฐบาลมีแผนที่จะก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงใน4 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ - เชียงใหม่ กรุงเทพ - หนองคาย กรุงเทพ - ระยอง และกรุงเทพ - หิวหิน โดยนายกรัฐมนตรีได้เร่งให้โครงการรถไฟความเร็วสูงเริ่มต้นการเปิดประมูลภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมในการประมูล เช่น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รวมทั้งการวางแผนบริหารจัดการการเดินรถของโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยมีรูปแบบที่ศึกษา ได้แก่ การให้ รฟท. เป็นผู้บริหาร ตั้งบริษัทลูกของ รฟท.ขึ้นมาบริหารโดยเฉพาะโดยอาจเป็นรูปแบบรัฐวิสาหกิจ หรือตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่และให้รัฐบาลบริหารงานร่วมกับเอกชน
ข่าว http://goo.gl/Q3BcT
ภาพ http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2009/06/22/7658d7h96g86j59fgcake.jpg