แมวพันธุ์ “สก็อตทิช โฟลด์” จัดเป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศสกอตแลนด์ เป็นแมวขนาดกลาง ศีรษะกลม หูพับหรือตั้ง
บางตัวหูจะพับเพียงครึ่งเดียว พับ 2 ส่วนหรือพับ 3 ส่วน จะมีทั้งขนสั้นและขนยาว ลักษณะของหัวเพศผู้จะมีลักษณะกลมโตกว่าหัวของ
ตัวเมีย สำหรับอุปนิสัยจัดเป็นแมวที่มีความสุภาพ เรียบร้อย ไม่ซน อารมณ์ดี ขี้เล่น มีความกระตือรือร้น ชอบคลอเคลีย,
ขี้อ้อนและขี้ประจบเจ้าของ ที่สำคัญจัด เป็นแมวต่างประเทศอีกสายพันธุ์ ที่เลี้ยงง่าย คุณโชติกา ไชยสาร
ชาวจังหวัดเชียงใหม่เริ่มต้นจากการซื้อแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ หูพับมาจากสวนจตุจักร กรุงเทพมหานครมาเลี้ยง 1 ตัวเ
มื่อปี พ.ศ. 2546 เลี้ยงและชอบมากจึงได้ทำการศึกษาแมวสายพันธุ์นี้อย่าง จริงจัง เริ่มซื้อพ่อ-แม่พันธุ์มาผสมพันธุ์เอง
ปัจจุบันเลี้ยงจนเป็นอาชีพและมีจำหน่ายให้กับคนที่รักแมวสายพันธุ์นี้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วิธีการเลี้ยงดูแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ ของคุณโชติกา จะเลี้ยงอยู่ในบ้าน ไม่ปล่อยให้ออกนอกบ้านเลย
อาหารที่ใช้เลี้ยงหลัก ๆ จะเป็นอาหารเม็ดเกรดพรีเมี่ยมทั้งลูกแมวและแมวใหญ่ สำหรับแม่พันธุ์แมวช่วงที่ให้น้ำนมลูกจะเสริมด้วยไก่ต้มกับ
ไข่ต้ม อาทิตย์ละ 3-4 วัน ในช่วงที่แม่แมวกำลังตั้งท้องจะมีอาหารเสริม เช่น ไก่ต้ม ไข่ต้มและแคลเซียมเช่นกัน
น้ำที่จะให้แมวกินจะต้องเปลี่ยนทุกวัน เช้า-เย็น เป็นที่สังเกตว่าแมวที่ได้รับการฝึกมาดีจะมีการขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
ที่ฟาร์มเลี้ยงของคุณโชติกาจะมีกระบะทรายดูดกลิ่นไว้ให้แมวขับถ่ายทั้งในกรงและนอกกรง จะทำความสะอาดกระบะทราย
ทุกวันเช้า-เย็น และเก็บมูลแมววันละหลาย ๆ รอบ
หลักการสำคัญในการผสมพันธุ์แมว พันธุ์นี้ไม่ควรจะนำแมวที่มีหูพับมาผสมกับแมวหูพับเหมือนกัน
เนื่องจากลักษณะของหูพับเป็นยีนด้อย เมื่อผสมพันธุ์ไปแล้วลูกแมวที่เกิดมามีโอกาสที่จะไม่สมบูรณ์หรือไม่สมประกอบ
ควรจะนำแมวที่มีหู ตั้งมาผสมพันธุ์กับแมวที่มีหูพับเท่านั้น แมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ผสมพันธุ์กับพันธุ์บริทิช ช็อตแฮร์ (British Shorthair)
หรือผสมกับพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ (American Shorthair) ก็ได้ ใน การผสมพันธุ์แมวเพื่อผลิตลูกแมวของคุณโชติกา
จะผสมพันธุ์ปีละ 2 คอกเท่านั้น พ่อพันธุ์ที่ดีควรมีอายุอย่างน้อย 1 ปี ส่วนแม่พันธุ์จะมีอาการฮีสพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 1 ปี
แม่พันธุ์แมวจะใช้เวลาในการผสมพันธุ์ประมาณ 4-5 วันและจะตั้งท้องนานประมาณ 2 เดือน แต่ละคอกจะได้ลูกแมวเฉลี่ย 3-5 ตัว
วิธีการสังเกตว่าลูกแมวตัวไหนมีหูตั้งหรือหูพับ จะสังเกตได้เมื่อมีอายุประมาณ 3-4 อาทิตย์ แม่แมวจะให้นมลูกแมวนานประมาณ 2 เดือน
ถึงหย่านมให้นำลูกแมวไปฉีดวัคซีน ถ่ายพยาธิ และ ทำประวัติ
ภาพวาดสีน้ำ พัลลภ อนุสนธิ์พรเพิ่ม
ที่มาดีดี :
http://farmthaionline.com/Article.aspx?ATID=5&AID=13
เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog) น้องหมาหูค้างคาว
ลักษณะทั่วไป
รูปร่างกลม ๆ ป้อม ๆ บวกกับขาสั้น ๆ ทำให้เวลาเดิน สะโพกของ เฟรนช์ บูลด็อก จะส่ายไปมา เมื่อรวมเข้ากับจมูกสั้น ย่น ปากกว้างที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา และใบหูอันใหญ่โตที่คล้ายกับหูค้างคาว
ความเป็นมา
ประมาณปี 1860 มีสุนัข Bulldog มากมายในประเทศอังกฤษและสุนัขชนิดนี้ไม่ค่อยนิยมเลี้ยงเท่าไร สุนัขเหล่านี้บางส่วนถูกส่งเข้าไปในประเทศฝรั่งเศส และได้ผสมกับสุนัขพันธุ์ต่างๆในฝรั่งเศส จนในที่สุดเกิดเป็นสุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก ( French Bulldog ) ขึ้นและสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยง ในประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะสุภาพสตรี ปี 1880 ปารีส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของชาวอเมริกาผู้มั่งคั่ง และเมื่อมีข่าวสุนัขพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น ต่างก็ต้องการอยากจะไปดูด้วยตาตนเอง
สิ่งที่พวกเขาได้พบคือสุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก สุนัขพันธุ์นี้มาจากอังกฤษ ความจริงอเมริกามีอิทธิพลในการเลือกเพาะพันธุ์นี้ขึ้นมาให้มีลักษณะอย่าง เฟรนช์ บูลด็อก ในปัจจุบันได้รับการยอมรับที่สามารถให้พัฒนาให้มีหัวอย่างมัสตีฟ ขากรรไกรเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลำตัวกะทัดรัดและที่สำคัญคือที่ใบหูเหมือนค้างคาวอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขพันธุ์เล็กน้ำหนักไม่เกิน 28 ปอนด์ หน้าเหมือน บูลด็อก ทั่วไป ริมฝีปากหนา จมูกหักสั้นเข้าไปด้านใน นัยน์ตาสดใส ลักษณะพิเศษคือใบหูเหมือนค้างคาว ซึ่งไม่มีสุนัขพันธุ์ใดในโลกนี้เหมือนเขาจะเห่าและขู่บ้าง แต่มีความเป็นมิตรชอบทำตัวเป็นเจ้าของบ้านมากกว่าเป็นผู้อารักขา พร้อมที่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก แมว และสัตว์อื่นๆ มีนิสัยขี้เล่น ร่าเริงรักเด็กขนาดใกล้เคียงกับ Pug และ Boston Terrier
ลักษณะนิสัย
ฉลาด กล้าหาญ ร่าเริง ชอบเล่น ชอบออกกำลังกาย และตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นมิตร เข้ากับคนและสัตว์อื่น ๆ ได้ดี เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขที่เห่าน้อย ไม่ทนต่ออากาศร้อน โดยเฉพาะตัวที่นำเข้าจากต่างประเทศ อาจจะยังปรับตัวไม่ได้ แต่สำหรับสุนัขเฟรนช์ บูลด็อก ที่เกิดในเมืองไทยจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสภาวะอากาศเท่าไรนัก
การดูแล
ด้วยความที่เป็นสุนัขขนสั้น เฟรนช์ บูลด็อก จึงไม่ต้องการการดูแลมาก แต่เขาจะผลัดขนในช่วงหน้าร้อน การออกำลังกายทำได้ง่าย โดยพาเขาเดินเล่นรอบๆ บ้านหรือโยนลูกบอลเล่นกับเขา เขาไม่ชอบการถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญ กับเรื่องระบบการหายใจของสุนัขด้วย หายใจทางปากถี่ขึ้นจนผิดปกติ ควรรีบนำเขาเข้าที่ร่มหรือห้องแอร์โดยเร็ว และหากมั่นใจว่าเขาอาจจะเป็นฮีทสโตรก (ชักเนื่องจากความร้อน) ควรลดอุณหภูมิร่างกายของเขาให้เร็วที่สุด เช่น เอาน้ำราด เอาน้ำแข็งไปโปะ แล้วพาไปหาหมอให้ฉีดยากันชักโดยเร็ว
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
เป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเด็กโตได้ดีเยี่ยม
ข้อควรจำ
เช่นเดียวกับสุนัขที่จมูกสั้นพันธุ์อื่นๆ ที่อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจและในช่วงฤดูร้อน ที่มีสภาพอากาศร้อนจัดอาจทำให้เขาเกิดความเครียดได้ มาตรฐานสายพันธุ์
ขนาด ชนิดเล็กมีน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ ชนิดใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 22 - 28 ปอนด์
ศรีษะ มีขนาดใหญ่คล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หัวกะโหลกระหว่างหูค่อนข้างแบน หน้าผากจะมีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเน้อชัดเจน
ฟัน -
ปาก มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากเหนียงและค่อนข้างหนา กรามแข็งแรงขณะหุบปากไม่เห็นฟันยื่นออกมา
ตา มีสีเข้ม ขนาดปานกลาง ตาค่อนข้างกลม ตาค่อนข้างห่างจากหู ตาไม่ลึกหรือโปน
หู มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ค่อนข้างยาว ปลายหูกลม โคนหูอยู่ค่อนข้างสูง
จมูก มีลักษณะสั้น รูจมูกกว้าง จมูกมีสีดำ หรือสีจาง ขึ้นอยู่กับสีของขน ดั้งจมูก มีมุมหักชัดเจนทำให้มีหลุมลึก
คอ มีลักษณะกลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือก ค่อนข้างย่น
อก กว้างและลึก
ลำตัว มีลักษณะสั้นกลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้างบริเวณเอวเล็ก
เอว -
ขาหน้า มีกระดูกใหญ่ ขาหน้าค่อนข้าสั้น ขาหน้าประกอบด้วยกล้ามเนื้อขา ขาหน้าตั้งตรงขาหน้าทั้งสองห่างกันพอสมควร เท้าหน้าขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด
ขาหลัง ประกอบด้วยกล้ามเนื้อขาหลังตรง ห่างกันพอประมาณข้อเท้าหลังอยู่ในระดับต่ำ เท้าหลังมีขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย
หาง โคนอยู่ในระดับต่ำ หางตรงหรือเป็นเกลียวได้ หางค่อนข้างสั้น
ขน ขนสั้นนุ่ม
สีขน ขนมีหลายสี เช่น น้ำตาล ขาว น้ำตาลขาว หนังค่อนข้างย่น
ภาพวาดสีน้ำ พัลลภ อนุสนธิ์พรเพิ่ม
ที่มา :
puppydogweb.com
ภาพวาดแนววิทยาศาสตร์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม น้องหมา น้องแมว สัตว์เลี้ยงแสนรัก ผลงานงานฝีมือยามว่าง
บางตัวหูจะพับเพียงครึ่งเดียว พับ 2 ส่วนหรือพับ 3 ส่วน จะมีทั้งขนสั้นและขนยาว ลักษณะของหัวเพศผู้จะมีลักษณะกลมโตกว่าหัวของ
ตัวเมีย สำหรับอุปนิสัยจัดเป็นแมวที่มีความสุภาพ เรียบร้อย ไม่ซน อารมณ์ดี ขี้เล่น มีความกระตือรือร้น ชอบคลอเคลีย,
ขี้อ้อนและขี้ประจบเจ้าของ ที่สำคัญจัด เป็นแมวต่างประเทศอีกสายพันธุ์ ที่เลี้ยงง่าย คุณโชติกา ไชยสาร
ชาวจังหวัดเชียงใหม่เริ่มต้นจากการซื้อแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ หูพับมาจากสวนจตุจักร กรุงเทพมหานครมาเลี้ยง 1 ตัวเ
มื่อปี พ.ศ. 2546 เลี้ยงและชอบมากจึงได้ทำการศึกษาแมวสายพันธุ์นี้อย่าง จริงจัง เริ่มซื้อพ่อ-แม่พันธุ์มาผสมพันธุ์เอง
ปัจจุบันเลี้ยงจนเป็นอาชีพและมีจำหน่ายให้กับคนที่รักแมวสายพันธุ์นี้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วิธีการเลี้ยงดูแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ ของคุณโชติกา จะเลี้ยงอยู่ในบ้าน ไม่ปล่อยให้ออกนอกบ้านเลย
อาหารที่ใช้เลี้ยงหลัก ๆ จะเป็นอาหารเม็ดเกรดพรีเมี่ยมทั้งลูกแมวและแมวใหญ่ สำหรับแม่พันธุ์แมวช่วงที่ให้น้ำนมลูกจะเสริมด้วยไก่ต้มกับ
ไข่ต้ม อาทิตย์ละ 3-4 วัน ในช่วงที่แม่แมวกำลังตั้งท้องจะมีอาหารเสริม เช่น ไก่ต้ม ไข่ต้มและแคลเซียมเช่นกัน
น้ำที่จะให้แมวกินจะต้องเปลี่ยนทุกวัน เช้า-เย็น เป็นที่สังเกตว่าแมวที่ได้รับการฝึกมาดีจะมีการขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
ที่ฟาร์มเลี้ยงของคุณโชติกาจะมีกระบะทรายดูดกลิ่นไว้ให้แมวขับถ่ายทั้งในกรงและนอกกรง จะทำความสะอาดกระบะทราย
ทุกวันเช้า-เย็น และเก็บมูลแมววันละหลาย ๆ รอบ
หลักการสำคัญในการผสมพันธุ์แมว พันธุ์นี้ไม่ควรจะนำแมวที่มีหูพับมาผสมกับแมวหูพับเหมือนกัน
เนื่องจากลักษณะของหูพับเป็นยีนด้อย เมื่อผสมพันธุ์ไปแล้วลูกแมวที่เกิดมามีโอกาสที่จะไม่สมบูรณ์หรือไม่สมประกอบ
ควรจะนำแมวที่มีหู ตั้งมาผสมพันธุ์กับแมวที่มีหูพับเท่านั้น แมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ผสมพันธุ์กับพันธุ์บริทิช ช็อตแฮร์ (British Shorthair)
หรือผสมกับพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ (American Shorthair) ก็ได้ ใน การผสมพันธุ์แมวเพื่อผลิตลูกแมวของคุณโชติกา
จะผสมพันธุ์ปีละ 2 คอกเท่านั้น พ่อพันธุ์ที่ดีควรมีอายุอย่างน้อย 1 ปี ส่วนแม่พันธุ์จะมีอาการฮีสพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 1 ปี
แม่พันธุ์แมวจะใช้เวลาในการผสมพันธุ์ประมาณ 4-5 วันและจะตั้งท้องนานประมาณ 2 เดือน แต่ละคอกจะได้ลูกแมวเฉลี่ย 3-5 ตัว
วิธีการสังเกตว่าลูกแมวตัวไหนมีหูตั้งหรือหูพับ จะสังเกตได้เมื่อมีอายุประมาณ 3-4 อาทิตย์ แม่แมวจะให้นมลูกแมวนานประมาณ 2 เดือน
ถึงหย่านมให้นำลูกแมวไปฉีดวัคซีน ถ่ายพยาธิ และ ทำประวัติ
ภาพวาดสีน้ำ พัลลภ อนุสนธิ์พรเพิ่ม
ที่มาดีดี : http://farmthaionline.com/Article.aspx?ATID=5&AID=13
เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog) น้องหมาหูค้างคาว
ลักษณะทั่วไป
รูปร่างกลม ๆ ป้อม ๆ บวกกับขาสั้น ๆ ทำให้เวลาเดิน สะโพกของ เฟรนช์ บูลด็อก จะส่ายไปมา เมื่อรวมเข้ากับจมูกสั้น ย่น ปากกว้างที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา และใบหูอันใหญ่โตที่คล้ายกับหูค้างคาว
ความเป็นมา
ประมาณปี 1860 มีสุนัข Bulldog มากมายในประเทศอังกฤษและสุนัขชนิดนี้ไม่ค่อยนิยมเลี้ยงเท่าไร สุนัขเหล่านี้บางส่วนถูกส่งเข้าไปในประเทศฝรั่งเศส และได้ผสมกับสุนัขพันธุ์ต่างๆในฝรั่งเศส จนในที่สุดเกิดเป็นสุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก ( French Bulldog ) ขึ้นและสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยง ในประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะสุภาพสตรี ปี 1880 ปารีส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของชาวอเมริกาผู้มั่งคั่ง และเมื่อมีข่าวสุนัขพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น ต่างก็ต้องการอยากจะไปดูด้วยตาตนเอง
สิ่งที่พวกเขาได้พบคือสุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก สุนัขพันธุ์นี้มาจากอังกฤษ ความจริงอเมริกามีอิทธิพลในการเลือกเพาะพันธุ์นี้ขึ้นมาให้มีลักษณะอย่าง เฟรนช์ บูลด็อก ในปัจจุบันได้รับการยอมรับที่สามารถให้พัฒนาให้มีหัวอย่างมัสตีฟ ขากรรไกรเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลำตัวกะทัดรัดและที่สำคัญคือที่ใบหูเหมือนค้างคาวอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขพันธุ์เล็กน้ำหนักไม่เกิน 28 ปอนด์ หน้าเหมือน บูลด็อก ทั่วไป ริมฝีปากหนา จมูกหักสั้นเข้าไปด้านใน นัยน์ตาสดใส ลักษณะพิเศษคือใบหูเหมือนค้างคาว ซึ่งไม่มีสุนัขพันธุ์ใดในโลกนี้เหมือนเขาจะเห่าและขู่บ้าง แต่มีความเป็นมิตรชอบทำตัวเป็นเจ้าของบ้านมากกว่าเป็นผู้อารักขา พร้อมที่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก แมว และสัตว์อื่นๆ มีนิสัยขี้เล่น ร่าเริงรักเด็กขนาดใกล้เคียงกับ Pug และ Boston Terrier
ลักษณะนิสัย
ฉลาด กล้าหาญ ร่าเริง ชอบเล่น ชอบออกกำลังกาย และตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นมิตร เข้ากับคนและสัตว์อื่น ๆ ได้ดี เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขที่เห่าน้อย ไม่ทนต่ออากาศร้อน โดยเฉพาะตัวที่นำเข้าจากต่างประเทศ อาจจะยังปรับตัวไม่ได้ แต่สำหรับสุนัขเฟรนช์ บูลด็อก ที่เกิดในเมืองไทยจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสภาวะอากาศเท่าไรนัก
การดูแล
ด้วยความที่เป็นสุนัขขนสั้น เฟรนช์ บูลด็อก จึงไม่ต้องการการดูแลมาก แต่เขาจะผลัดขนในช่วงหน้าร้อน การออกำลังกายทำได้ง่าย โดยพาเขาเดินเล่นรอบๆ บ้านหรือโยนลูกบอลเล่นกับเขา เขาไม่ชอบการถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญ กับเรื่องระบบการหายใจของสุนัขด้วย หายใจทางปากถี่ขึ้นจนผิดปกติ ควรรีบนำเขาเข้าที่ร่มหรือห้องแอร์โดยเร็ว และหากมั่นใจว่าเขาอาจจะเป็นฮีทสโตรก (ชักเนื่องจากความร้อน) ควรลดอุณหภูมิร่างกายของเขาให้เร็วที่สุด เช่น เอาน้ำราด เอาน้ำแข็งไปโปะ แล้วพาไปหาหมอให้ฉีดยากันชักโดยเร็ว
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
เป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเด็กโตได้ดีเยี่ยม
ข้อควรจำ
เช่นเดียวกับสุนัขที่จมูกสั้นพันธุ์อื่นๆ ที่อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจและในช่วงฤดูร้อน ที่มีสภาพอากาศร้อนจัดอาจทำให้เขาเกิดความเครียดได้ มาตรฐานสายพันธุ์
ขนาด ชนิดเล็กมีน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ ชนิดใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 22 - 28 ปอนด์
ศรีษะ มีขนาดใหญ่คล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หัวกะโหลกระหว่างหูค่อนข้างแบน หน้าผากจะมีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเน้อชัดเจน
ฟัน -
ปาก มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากเหนียงและค่อนข้างหนา กรามแข็งแรงขณะหุบปากไม่เห็นฟันยื่นออกมา
ตา มีสีเข้ม ขนาดปานกลาง ตาค่อนข้างกลม ตาค่อนข้างห่างจากหู ตาไม่ลึกหรือโปน
หู มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ค่อนข้างยาว ปลายหูกลม โคนหูอยู่ค่อนข้างสูง
จมูก มีลักษณะสั้น รูจมูกกว้าง จมูกมีสีดำ หรือสีจาง ขึ้นอยู่กับสีของขน ดั้งจมูก มีมุมหักชัดเจนทำให้มีหลุมลึก
คอ มีลักษณะกลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือก ค่อนข้างย่น
อก กว้างและลึก
ลำตัว มีลักษณะสั้นกลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้างบริเวณเอวเล็ก
เอว -
ขาหน้า มีกระดูกใหญ่ ขาหน้าค่อนข้าสั้น ขาหน้าประกอบด้วยกล้ามเนื้อขา ขาหน้าตั้งตรงขาหน้าทั้งสองห่างกันพอสมควร เท้าหน้าขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด
ขาหลัง ประกอบด้วยกล้ามเนื้อขาหลังตรง ห่างกันพอประมาณข้อเท้าหลังอยู่ในระดับต่ำ เท้าหลังมีขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย
หาง โคนอยู่ในระดับต่ำ หางตรงหรือเป็นเกลียวได้ หางค่อนข้างสั้น
ขน ขนสั้นนุ่ม
สีขน ขนมีหลายสี เช่น น้ำตาล ขาว น้ำตาลขาว หนังค่อนข้างย่น
ภาพวาดสีน้ำ พัลลภ อนุสนธิ์พรเพิ่ม
ที่มา :
puppydogweb.com