......................เกษตรกรไร่กาแฟระนอง เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตออกขาย คาดราคาขยับขึ้น กก.ละ 10 บาท เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศดีเหมาะแก่การเจริญเติบโตของกาแฟ ขณะที่พื้นที่ปลูกลดลง เนื่องจากเกษตรกรส่วนหนึ่งหันไปปลูกปาล์มน้ำมันแทน
นายภิรมย์ ชินสรณ์ เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ อ.ละอุ่น จ.ระนอง เปิดเผยว่า ขณะนี้กาแฟที่ปลูกในพื้นที่ อ.ละอุ่น กำลังเร่งสุก จึงต้องเร่งเก็บกาแฟเพื่อนำมาตากแห้ง ก่อนที่จะส่งขายให้กับโรงงานที่จังหวัดชุมพร โดยปีนี้ราคาดีกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา สามารถขายกาแฟตกอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 62-65 บาทแล้วแต่คุณภาพของเมล็ดกาแฟ โดยหลายปีที่ผ่านมาราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50-55 บาทเท่านั้น สาเหตุจะมาจากที่ปีนี้ สภาพอากาศดีเหมาะแก่การเจริญเติบโตของกาแฟ ซึ่งในส่วนของตนเองเองน่าจะเก็บขายได้ไม่ต่ำกว่า 5 ตัน ขายได้ไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท เนื่องจากผลเมล็ดกาแฟติดผลมากกว่าทุกๆ ปี และทราบมาว่าบางรายอาจจะเก็บได้มากถึง 7-8 ตัน ในรายที่มีพื้นที่เพาะปลูกกาแฟจำนวนมาก
จากการสำรวจตลาดของผู้สื่อข่าวทราบว่า สาเหตุเนื่องจากราคากาแฟภาคใต้ ราคาเริ่มดีเพราะปริมาณพื้นที่ปลูกกาแฟโดยรวมน้อยลง เพราะชาวสวนกาแฟบางพื้นที่เปลี่ยนไปปลูกปาล์มน้ำมันเมื่อสามปีที่ผ่านมา ผลผลิตออกสู่ตลาดจึงน้อยลงมาก และกาแฟในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน จังหวัดชุมพรและระนอง จะเป็นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ที่ให้ปริมาณคาเฟอีน มากกว่ากาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า
ส่วนโรงงานที่รับซื้อกาแฟใหญ่ที่สุดในขณะนี้ คือบริษัทเนสเล่ย ซึ่งส่งนักวิจัยและนักวิชาการ ลงมาสำรวจปริมาณและพื้นที่ของเกษตรกรชาวสวนกาแฟก่อนหน้านี้ อีกบริษัทที่กำลังกระโจนเข้าสู่ตลาดผู้ผลิตเมล็ดกาแฟ คือ กาแฟอเมซอน ในเครือ ป.ต.ท. ที่หันมาทำธุรกิจกาแฟครบวงจร กำลังหาพื้นที่ปลูกกาแฟ เพื่อส่งเสริมการปลูกให้เป็นกาแฟออแกนนิสก์ กาแฟที่มาจากธรรมชาติ โดยไม่ใช่ปุ๋ยหรือสารเคมี และจะมีการประกันราคาให้ราคาสูงกว่าท้องตลาดรับซื้อทั่วไป
ที่มา
http://www.naewna.com/local/36469
เกษตรกรเฮรับราคากาแฟขยับ ชุมพร-ระนองเร่งเก็บผลผลิต คาดรับทรัพย์เพิ่มกก.ละ10บ.
นายภิรมย์ ชินสรณ์ เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ อ.ละอุ่น จ.ระนอง เปิดเผยว่า ขณะนี้กาแฟที่ปลูกในพื้นที่ อ.ละอุ่น กำลังเร่งสุก จึงต้องเร่งเก็บกาแฟเพื่อนำมาตากแห้ง ก่อนที่จะส่งขายให้กับโรงงานที่จังหวัดชุมพร โดยปีนี้ราคาดีกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา สามารถขายกาแฟตกอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 62-65 บาทแล้วแต่คุณภาพของเมล็ดกาแฟ โดยหลายปีที่ผ่านมาราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50-55 บาทเท่านั้น สาเหตุจะมาจากที่ปีนี้ สภาพอากาศดีเหมาะแก่การเจริญเติบโตของกาแฟ ซึ่งในส่วนของตนเองเองน่าจะเก็บขายได้ไม่ต่ำกว่า 5 ตัน ขายได้ไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท เนื่องจากผลเมล็ดกาแฟติดผลมากกว่าทุกๆ ปี และทราบมาว่าบางรายอาจจะเก็บได้มากถึง 7-8 ตัน ในรายที่มีพื้นที่เพาะปลูกกาแฟจำนวนมาก
จากการสำรวจตลาดของผู้สื่อข่าวทราบว่า สาเหตุเนื่องจากราคากาแฟภาคใต้ ราคาเริ่มดีเพราะปริมาณพื้นที่ปลูกกาแฟโดยรวมน้อยลง เพราะชาวสวนกาแฟบางพื้นที่เปลี่ยนไปปลูกปาล์มน้ำมันเมื่อสามปีที่ผ่านมา ผลผลิตออกสู่ตลาดจึงน้อยลงมาก และกาแฟในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน จังหวัดชุมพรและระนอง จะเป็นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ที่ให้ปริมาณคาเฟอีน มากกว่ากาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า
ส่วนโรงงานที่รับซื้อกาแฟใหญ่ที่สุดในขณะนี้ คือบริษัทเนสเล่ย ซึ่งส่งนักวิจัยและนักวิชาการ ลงมาสำรวจปริมาณและพื้นที่ของเกษตรกรชาวสวนกาแฟก่อนหน้านี้ อีกบริษัทที่กำลังกระโจนเข้าสู่ตลาดผู้ผลิตเมล็ดกาแฟ คือ กาแฟอเมซอน ในเครือ ป.ต.ท. ที่หันมาทำธุรกิจกาแฟครบวงจร กำลังหาพื้นที่ปลูกกาแฟ เพื่อส่งเสริมการปลูกให้เป็นกาแฟออแกนนิสก์ กาแฟที่มาจากธรรมชาติ โดยไม่ใช่ปุ๋ยหรือสารเคมี และจะมีการประกันราคาให้ราคาสูงกว่าท้องตลาดรับซื้อทั่วไป
ที่มา http://www.naewna.com/local/36469