[SR] Review หนัง Life of Pi หลังจากดูไป 2 รอบ ... มันรอดยาก แต่ก็รอดได้นะ

กระทู้รีวิว
Life of pi

ถ้าวันหยุดอยากพักผ่อนสบายๆ ผ่อนคลายสมอง
Life of pi คือการพักผ่อนสมองที่ดีที่สุดในช่วงคริสมาสต์
ถึงตัวอย่างหนังจะบอกเนื้อเรื่องแทบทั้งหมด
แต่ก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสหนังเสียไปแม้แต่น้อย

อังลีคือผู้กำกับที่ทำหนังออกมาได้เข้าใจง่ายแต่สารพัดแฝงสัญลักษณ์ทั่วเรื่อง
ผมขอเรียบเรียงตามที่นึกออกอย่างไม่เป็นลำดับก่อน

1.ภาพสวยมาก เป็นภาพที่ไว้มองเพลินๆ พักผ่อน
ฉากกระทง ฉากรำ พระอาทิตย์ส่องแสงตอนเช้า
น้ำทะลกลางคืนที่สะท้อนจักรวาลไว้บนผิว
น้ำเรืองแสงจากแมงกระพรุนและแพลงตอน
แสงอาทิตย์แหวกฟ้าสาดลงทะเลกลางพายุ
เกาะที่เขียวขจี แอ่งน้ำใสๆ สิง สา รา สัตว์น่ารักๆ
รวม CG ปลาบินได้ ดิ่งลงใต้ทะเล วิวทิวทัศน์ ต่างๆ
ให้ไปนั่งดูแบบไม่มีซับ ไม่รู้เรื่องก็ยังฟิน

2. เนื้อเรื่องเรียบง่าย ทั้งหมดเดาได้จากตัวอย่างว่า เด็กผู้ชายขึ้นเรือ --เรือร่ม---ติดกะเสือ---ใช้ชีวิตร่วมกัน---รอดตาย---เอามาเล่า <<< มีในตัวอย่างหมดแล้ว
เนื้อเรื่องก็ตามนั้น ดูง่ายเข้าใจง่าย...
แต่ ...มันไม่ได้มีแค่นั้น
หนังแฝงสัญลักษณ์ของเรื่อง แฝงปรัชญา แฝงจุดหักเหไว้มากมาย
โดยไม่ทำให้เรื่องดูยากขึ้นหรือน่าปวดหัวเลยสักนิด
คุมโทนหนังได้เยี่ยมลำดับภาพไม่งง มีความหมายแฝงโดยจะสนหรือไม่สนก็สนุกพอๆกัน

3.เป็นหนังที่มีกลิ่นของ The Hulk 2003 ที่เฮียแกเคยกำกับอยู่เยอะลอยมาเลยครับ
the hulk เป็นหนังที่พี่แกตัดต่อได้แนวมาก เช่น
จะค่อยๆเฟด BG ออกเหลือแต่คน ละค่อยเฟดไปอีกที เหมือนกัน
ฉากมองลงใต้ทะเลเห็นทั้งจักวาล CG เหมือน The hulk ตอนกำลังจะกลายร่างหรือตกจากเครื่องบิน
เป็นการเล่า continue shot แบบใส่สัญลักษณ์ต่อเนื่องๆๆๆ
ซึ่งผมชอบมาก สวยมาก มันรวมหลายๆความรู้สึกที่พรั่งพรูมากในสมองเป็นสิบๆเรื่องพร้อมๆกัน
ระเบิดออกมานิ่งๆ เป็นน้ำตา

4.หนังฉลาดที่ยังเปิดโอกาสให้คนกลับไปคิดต่อหลังหนังจบ ไม่ยัดเยียด
จะคิดแบบไหน เชื่อแบบไหน หนังมีเหตุผลมีวัตถุดิบรองรับทั้งหมดในนั้นแล้ว หยิบมาอ้างได้หมด
จะคิดลึก คิดผิวๆก็เป็นไปได้ทั้งหมด สนุกเท่ากัน ไม่ปวดหัวไม่ต้องคิดกลับไปกลับมามากมาย

5.หลายๆอย่างที่ดูแล้วไม่มีเหตุผลในหนัง ซึ่งสามารถหาเอาได้หากเชื่ออีกเรื่องของ PI
แต่ระหว่างนั่งดูหนังก็ไม่ติดขัดในส่วนนี้เลย ลื่นไหลตลอดเรื่อง
ผมลองกลับหัวตลบหลังคิดแล้วคิดอีกทั้งแบบที่ 1 และแบบที่ 2 มันเป็นไปได้ หมดเลย
--------------------------------------------

สปอยแล้วนะ

ชอบมากในนาทีที่ PI ถามนักเขียนว่า ชอบเรื่องไหน...
คำถามเดียวแมร่ง...ยาวเลย ประเด็นของหนังอยู่นี่เลย
กลายเป็นว่าโยนภาระให้คนรับเลย

ในหนัง มองว่าเรื่องแรกคือเรื่องจริง...ก็ได้
เพราะเล่ามาให้เห็นภาพทั้งเรื่อง มีแต่ความมหัสจรรย์
จบนะ ไม่มีไรมาก

ถ้ามองว่าเรื่องที่สองคือเรื่องจริงก็ได้
เพราะสัญลักษณ์ของสัตว์ต่างๆ แทนคนที่รอด เหตุการณ์ สัญชาติญาณ เหตุผล มากมาย
ที่ PI เล่าไว้ในตอนแรกหมดแล้ว

เพราะไม่ว่าเราจะเชื่อเรื่องไหน PI สูญเสียครอบครัวและทุกสิ่ง อยู่กลางทะเลตามลำพังอย่างทนทุกข์
สมควรที่เขาจะร้องไห้และเสียใจ

LIFE oF PI
สอนให้เรารู้ว่า
ความกลัว...สอนให้เรารู้คุณค่าของชีวิต
ความกลัว...สอนให้เรารักษาชีวิตและหาทางรอด
ความกลัวทำให้เราต้องดิ้นรนทำทุกวิถีทาง...เพื่อเดินไปข้างหน้า
คนต้องมีความกลัว...ถึงจะมีความกล้า

PI บอกเราว่า  
แม้เสือเป็นอุปสรรคใหญ่ของการใช้ชีวิตรอด แต่ถ้าไม่มีเสือ พายเองก็คงไม่มีแรงกระตุ้นให้ชีวิตอยู่รอดมาได้
ตราบใดที่ยังมีชีวิต เราจะพบเรื่องมหัสจรรย์ไม่จบไม่สิ้น
เรื่องเหลือเชื่อใดๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงเป็นสำคัญ
ความมหัสจรรย์ของมันขึ้นอยู่กับ ความเชื่อของเรา

เวลาคนอื่นเล่าเรื่องเหลือเชื่อให้ฟัง
ทำให้เรากลับมาย้อนดูตัวเรานะครับ
ไม่ว่าเราจะเชื่อหรือไม่เชื่อ...ลองตั้งสติคิดดีๆว่า
เราตัดสินจากแค่มุมมองหรือความต้องการเราเท่านั้นหรือไม่
เพราะไม่ว่าจะยังไง ความจริงที่ว่า
"โลกนี้มีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นมากมาย"
กับ
"การเปิดใจจะทำให้เราพบเรื่องเหลือเชื่อที่อัศจรรย์"
เป็นเรื่องจริง
---------------------------------------------------
quote of PI

"All of life is an act of letting go but what hurts the most is not taking a moment to say goodbye."


เรารู้ว่าสุดท้ายแล้วทุกชีวิตต้องปล่อยวาง...และจากลา
แต่ความเจ็บปวดยิ่งกว่าก็คือ...การไม่ได้รับโอกาสในการบอกลากัน







ชื่อสินค้า:   จะบอกให้ life of pi เป็นยังไง
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่