กรณีนายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาเปิดเผยว่า บรรดาผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ชอบมีภรรยาน้อย บางรายมีมากถึง 3 - 4 คน จนต้องมีการโยกย้ายคนที่มีปัญหาดังกล่าวให้กลับไปอยู่กับครอบครัว เพื่อไม่ให้เกิดครอบครัวตามมานั้น เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 56 นายโชติ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีภรรยาของ ผอ.ทสจ.มาร้องเรียนพอสมควร เพราะสามีไม่กลับบ้าน ไม่ดูแลครอบครัว อ้างว่าอยู่ต่างจังหวัดต้องทำงาน ทั้งที่ข้อเท็จจริงในพื้นที่จะมีงานอย่างที่อ้างกับภรรยาหรือไม่ ตนไม่รู้ เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่อย่างไรก็ตาม การมีภรรยาหลายคนหรือมีภรรยาน้อยของข้าราชการระดับสูง ถือว่ามีความผิดทางวินัย และมีการลงโทษหนักถึงขั้นให้ออกจากราชการ แต่ก็ไม่มีใครเกรงกลัว ทั้งๆ ที่ตนได้กล่าวเตือนบรรดาข้าราชการในกระทรวงตลอดเวลา
ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญตนเคยให้ภรรยาของบรรดา ผอ.ทสจ.หรือข้าราชการรายอื่นๆ ที่มาร้องเรียนให้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการ พร้อมหลักฐานที่ไประบุว่าสามีไปมีภรรยาน้อย หรือมีบ้านหลายหลังมาถึงตน ตนจะได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัยให้หลาบจำ แต่ปรากฏว่าไม่มีภรรยารายใดที่มาร้องเรียน ทำหนังสือและนำหลักฐานมาให้ ก็เลยลงโทษไม่ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าน่าเห็นใจ เพราะภรรยาก็ไม่ต้องการให้สามีโดนลงโทษทางวินัย กลัวสามีถูกไล่ออก
ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยเรียกบรรดาข้าราชการที่มีพฤติกรรมดังกล่าวมาตักเตือนหรือไม่ นายโชติ กล่าวว่า เคยเตือนในที่ประชุมวงกว้าง เพราะตนไม่มีอะไร ไม่กลัว เพราะมีบ้านเดียว เป็นแฟมิลี่แมน แต่ไม่เคยเรียกมาเป็นการส่วนตัว เพราะเรื่องการมีภรรยาหลายคนถือเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นการสมยอมกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง เรื่องการมีภรรยาหลายคนหรือมีหลายบ้าน ต้องไปถามพวกป่าไม้รู้ดีที่สุด โดยเฉพาะอดีตผู้บริหารระดับสูง ทั้งของกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯ
นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เรื่องปัญหาเมียหลวงเมียน้อย เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ในระดับหัวหน้าอุทยานฯ ส่วนใหญ่ไม่มีเรื่องนี้ เมื่อถามว่านายโชติระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงในกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ รู้เรื่องนี้ดีที่สุด นายมโนพัศ หัวเราะก่อนกล่าวว่า คิดว่าหัวหน้าอุทยานฯ ส่วนใหญ่ไม่มีเมียน้อย แต่บางส่วนความเป็นหัวหน้าอุทยานฯ ทำให้มีคนมาชอบเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องของเขา แต่ต้องไม่ให้เมียเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการภายในอุทยานฯ ทั้งเมียหลวงและเมียน้อย เพราะเมียจะกลายเป็นหัวหน้าอุทยานฯ เสียเอง และมีผลต่อการบริหารจัดการในหน่วยงาน ถ้ามีปัญหานี้เกิดขึ้นและมีการร้องเรียนเข้ามา ตนยืนยันว่าจะต้องมีการปรับย้ายแน่นอน
ด้านนายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า สมัยตน มีปัญหาเรื่องเมียน้อยเมียหลวงในระดับหัวหน้าอุทยานฯ มาตบตีกันในหน่วย เพราะว่าสามีไม่ยอมกลับบ้านนานผิดปกติ จนภรรยาหลวงสงสัย จึงตามมาดูที่หน่วย พบว่าสามีของตนอยู่กับภรรยาน้อย จึงมีการตบตีกันในหน่วย จนแขกในอุทยานฯ โทร.มาร้องเรียน ตนจึงมีคำสั่งห้ามว่า ห้ามเอาทั้งเมียหลวงและเมียน้อยเข้าไปอยู่ในอุทยานฯ ให้ไปเช่าบ้านอยู่นอกหน่วย ก็ยังอุตส่าห์มีคนมาต่อรองว่า หากขับรถเครื่องเข้าไปหาตอนกลางวันได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ส่วนใหญ่เจ้าชู้จริงหรือไม่ นายดำรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีอยู่ทุกวงการ อยู่ที่นิสัยของคนแต่จะเกิดเรื่องทำนองนี้หรือไม่ อยู่ที่การจัดการ ใครมีศิลปะแยบยลก็ควบคุมได้ ใครไม่มีก็ไม่มีเรื่อง เป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครเปิดเผยกัน
"บางคนเป็นระดับผู้บริหารกรมฯ มีภรรยาถึง 7 คน ตื่นขึ้นมาไม่รู้ตัวว่าอยู่บ้านไหน ส่วนที่มีการพูดกันว่าป่าไม้เจ้าชู้ อาจจะเป็นเพราะถูกบรรจุอยู่ในที่ห่างไกล ในป่าเขา อาจจะดื่มสุราแล้วเกิดอาการเปล่าเปลี่ยว ว้าเหว่ เลยปล่อยเลยตามเลย หลายคู่ก็แต่งงานกันไปขณะอยู่ในป่า หรือหลายคู่ก็ไปมีภรรยาอีกคน ขณะอยู่ในป่าเหมือนกัน พอออกมาจากป่าก็เจอแสงสี เจอสาวที่งามกว่าก็มามีใหม่ แต่การที่มาร้องเรียนในกระทรวงก็ถือเป็นเรื่องรุนแรง อย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้ยืนยันว่า อยู่ที่ตัวบุคคลไม่ได้เป็นกันทุกคน" นายดำรงค์ กล่าว.
http://www.thairath.co.th/content/edu/318082
เป็นเมืองนอกเมียที่จดทะเบียนสมรสฟ้องหย่าเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรกับผัวแทบหมดตัว
'ดำรงค์'แฉผู้บริหารบางคนมีเมียถึง 7 คน ชี้ป่าไม้เจ้าชู้เพราะอยู่ป่าแล้วเหงา"
ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญตนเคยให้ภรรยาของบรรดา ผอ.ทสจ.หรือข้าราชการรายอื่นๆ ที่มาร้องเรียนให้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการ พร้อมหลักฐานที่ไประบุว่าสามีไปมีภรรยาน้อย หรือมีบ้านหลายหลังมาถึงตน ตนจะได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัยให้หลาบจำ แต่ปรากฏว่าไม่มีภรรยารายใดที่มาร้องเรียน ทำหนังสือและนำหลักฐานมาให้ ก็เลยลงโทษไม่ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าน่าเห็นใจ เพราะภรรยาก็ไม่ต้องการให้สามีโดนลงโทษทางวินัย กลัวสามีถูกไล่ออก
ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยเรียกบรรดาข้าราชการที่มีพฤติกรรมดังกล่าวมาตักเตือนหรือไม่ นายโชติ กล่าวว่า เคยเตือนในที่ประชุมวงกว้าง เพราะตนไม่มีอะไร ไม่กลัว เพราะมีบ้านเดียว เป็นแฟมิลี่แมน แต่ไม่เคยเรียกมาเป็นการส่วนตัว เพราะเรื่องการมีภรรยาหลายคนถือเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นการสมยอมกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง เรื่องการมีภรรยาหลายคนหรือมีหลายบ้าน ต้องไปถามพวกป่าไม้รู้ดีที่สุด โดยเฉพาะอดีตผู้บริหารระดับสูง ทั้งของกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯ
นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เรื่องปัญหาเมียหลวงเมียน้อย เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ในระดับหัวหน้าอุทยานฯ ส่วนใหญ่ไม่มีเรื่องนี้ เมื่อถามว่านายโชติระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงในกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ รู้เรื่องนี้ดีที่สุด นายมโนพัศ หัวเราะก่อนกล่าวว่า คิดว่าหัวหน้าอุทยานฯ ส่วนใหญ่ไม่มีเมียน้อย แต่บางส่วนความเป็นหัวหน้าอุทยานฯ ทำให้มีคนมาชอบเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องของเขา แต่ต้องไม่ให้เมียเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการภายในอุทยานฯ ทั้งเมียหลวงและเมียน้อย เพราะเมียจะกลายเป็นหัวหน้าอุทยานฯ เสียเอง และมีผลต่อการบริหารจัดการในหน่วยงาน ถ้ามีปัญหานี้เกิดขึ้นและมีการร้องเรียนเข้ามา ตนยืนยันว่าจะต้องมีการปรับย้ายแน่นอน
ด้านนายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า สมัยตน มีปัญหาเรื่องเมียน้อยเมียหลวงในระดับหัวหน้าอุทยานฯ มาตบตีกันในหน่วย เพราะว่าสามีไม่ยอมกลับบ้านนานผิดปกติ จนภรรยาหลวงสงสัย จึงตามมาดูที่หน่วย พบว่าสามีของตนอยู่กับภรรยาน้อย จึงมีการตบตีกันในหน่วย จนแขกในอุทยานฯ โทร.มาร้องเรียน ตนจึงมีคำสั่งห้ามว่า ห้ามเอาทั้งเมียหลวงและเมียน้อยเข้าไปอยู่ในอุทยานฯ ให้ไปเช่าบ้านอยู่นอกหน่วย ก็ยังอุตส่าห์มีคนมาต่อรองว่า หากขับรถเครื่องเข้าไปหาตอนกลางวันได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ส่วนใหญ่เจ้าชู้จริงหรือไม่ นายดำรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีอยู่ทุกวงการ อยู่ที่นิสัยของคนแต่จะเกิดเรื่องทำนองนี้หรือไม่ อยู่ที่การจัดการ ใครมีศิลปะแยบยลก็ควบคุมได้ ใครไม่มีก็ไม่มีเรื่อง เป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครเปิดเผยกัน
"บางคนเป็นระดับผู้บริหารกรมฯ มีภรรยาถึง 7 คน ตื่นขึ้นมาไม่รู้ตัวว่าอยู่บ้านไหน ส่วนที่มีการพูดกันว่าป่าไม้เจ้าชู้ อาจจะเป็นเพราะถูกบรรจุอยู่ในที่ห่างไกล ในป่าเขา อาจจะดื่มสุราแล้วเกิดอาการเปล่าเปลี่ยว ว้าเหว่ เลยปล่อยเลยตามเลย หลายคู่ก็แต่งงานกันไปขณะอยู่ในป่า หรือหลายคู่ก็ไปมีภรรยาอีกคน ขณะอยู่ในป่าเหมือนกัน พอออกมาจากป่าก็เจอแสงสี เจอสาวที่งามกว่าก็มามีใหม่ แต่การที่มาร้องเรียนในกระทรวงก็ถือเป็นเรื่องรุนแรง อย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้ยืนยันว่า อยู่ที่ตัวบุคคลไม่ได้เป็นกันทุกคน" นายดำรงค์ กล่าว.
http://www.thairath.co.th/content/edu/318082
เป็นเมืองนอกเมียที่จดทะเบียนสมรสฟ้องหย่าเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรกับผัวแทบหมดตัว