สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ตามหลักศาสนาพุทธแล้ว เมื่อเสียชีวิต ย่อมเกิดใหม่ในทันที
ไม่มีเรื่องของวิญญาณเร่ร่อน 6-7 วันหลังตาย โปรดอย่าหลงเชื่อพวกหลอกเงิน
และคุณเองแทบไม่มีทางทราบได้เลยว่า เขาเกิดในภพภูมิใด
อาจเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ เป็นเทวดา ฯลฯ
ร่างทรงจริงก็มี(แต่น้อย) ไม่จริงและหลอกลวงก็มาก
คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าบุคคลเหล่านั้นเชื่อถือได้
(ถ้ายิ่งไปเจอ พวกที่มิจฉาทิฏฐิ แต่พอจะรู้ความเป็นไปในอดีตของคุณสองคน ก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นอีก
เพราะเค้าจะมีข้อมูลต่างๆ ให้คุณหลงเชื่อได้ ..แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้เหตุการณ์ข้างหน้าได้ทั้งหมด)
ยิ่งพวกที่อ้างศาสนาบังหน้า อ้างบุญนำหน้า
ประเภทที่อ้างว่าทำบุญ(ด้วยเงิน)มากๆ ยิ่งได้มาก ...ยิ่งน่ากลัว
เพราะทำให้คุณหลงเชื่อได้ง่ายไปอีก
บางที่อาจมีแค่ระดับญาณต้นๆ ที่พอรู้เรื่องราวได้
..แต่ที่เหลือต่อจากนั้น ก็หลอกเงินคุณไปวันๆ จนสิ้นเนื้อประดาตัว
แต่ตอนนี้ สิ่งที่คุณทำได้ คือทำใจและทำบุญครับ
เพราะยิ่งคุณนึกถึงเขาด้วยกระแสจิตแห่งความปั่นป่วนมากเท่าใด
หากเขาสัมผัสได้ ก็คงรับรู้ได้แต่ความมืดมัวหม่นหมองจากคุณมากเท่านั้น
แล้วหากมีเหตุให้เขาต้องเปลี่ยนภพภูมิไปอีกในขณะนั้น
.. คุณคิดว่าจิตที่หม่นหมองของเขาเช่นนั้น จะไปดีหรือไม่
ทว่าหากคุณปล่อยเขาไปอย่างอิสระ ย่อมเหลือแต่ความเปิดโล่ง เบา ในใจ
แล้วเปลี่ยนเป็นกระแสบุญ ที่เย็นใจ หมั่นทำทาน และทำบุญให้เขาไป
ไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุ แค่ช่วยคนข้ามถนน แล้วแผ่กุศลให้เขาก็ยังได้
หรือหันหน้าเข้าวัดฟังธรรม ปฏิบัติกรรมฐานตามหลักสติปัฏฐานสี่ ยิ่งดียิ่งๆขึ้นไปอีก
แม้เขาเองจะไม่อยู่ในภพภูมิที่สามารถรับส่วนบุญส่วนกุศลนั้นได้
แต่อย่างน้อยย่อมมีกระแสความเย็น ความเมตตา ที่รายล้อมทั้งตัวเขาและตัวคุณครับ
.. เข้าใจดีครับว่า บอกว่าให้ทำใจนั้นง่าย แต่ทำจริงนั้นยาก
อย่างไรตอนนี้ คุณควรหาเวลาอยู่กับครอบครัวคุณ กับพ่อกับแม่ของคุณ กับเพื่อนๆ
อย่าหมกตัวอยู่คนเดียวครับ เพราะจะยิ่งสับสน ฟุ้งๆไปเรื่อยๆ ยิ่งเศร้าเข้าไปอีกครับ
ธรรมรักษาครับ
ไม่มีเรื่องของวิญญาณเร่ร่อน 6-7 วันหลังตาย โปรดอย่าหลงเชื่อพวกหลอกเงิน
และคุณเองแทบไม่มีทางทราบได้เลยว่า เขาเกิดในภพภูมิใด
อาจเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ เป็นเทวดา ฯลฯ
ร่างทรงจริงก็มี(แต่น้อย) ไม่จริงและหลอกลวงก็มาก
คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าบุคคลเหล่านั้นเชื่อถือได้
(ถ้ายิ่งไปเจอ พวกที่มิจฉาทิฏฐิ แต่พอจะรู้ความเป็นไปในอดีตของคุณสองคน ก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นอีก
เพราะเค้าจะมีข้อมูลต่างๆ ให้คุณหลงเชื่อได้ ..แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้เหตุการณ์ข้างหน้าได้ทั้งหมด)
ยิ่งพวกที่อ้างศาสนาบังหน้า อ้างบุญนำหน้า
ประเภทที่อ้างว่าทำบุญ(ด้วยเงิน)มากๆ ยิ่งได้มาก ...ยิ่งน่ากลัว
เพราะทำให้คุณหลงเชื่อได้ง่ายไปอีก
บางที่อาจมีแค่ระดับญาณต้นๆ ที่พอรู้เรื่องราวได้
..แต่ที่เหลือต่อจากนั้น ก็หลอกเงินคุณไปวันๆ จนสิ้นเนื้อประดาตัว
แต่ตอนนี้ สิ่งที่คุณทำได้ คือทำใจและทำบุญครับ
เพราะยิ่งคุณนึกถึงเขาด้วยกระแสจิตแห่งความปั่นป่วนมากเท่าใด
หากเขาสัมผัสได้ ก็คงรับรู้ได้แต่ความมืดมัวหม่นหมองจากคุณมากเท่านั้น
แล้วหากมีเหตุให้เขาต้องเปลี่ยนภพภูมิไปอีกในขณะนั้น
.. คุณคิดว่าจิตที่หม่นหมองของเขาเช่นนั้น จะไปดีหรือไม่
ทว่าหากคุณปล่อยเขาไปอย่างอิสระ ย่อมเหลือแต่ความเปิดโล่ง เบา ในใจ
แล้วเปลี่ยนเป็นกระแสบุญ ที่เย็นใจ หมั่นทำทาน และทำบุญให้เขาไป
ไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุ แค่ช่วยคนข้ามถนน แล้วแผ่กุศลให้เขาก็ยังได้
หรือหันหน้าเข้าวัดฟังธรรม ปฏิบัติกรรมฐานตามหลักสติปัฏฐานสี่ ยิ่งดียิ่งๆขึ้นไปอีก
แม้เขาเองจะไม่อยู่ในภพภูมิที่สามารถรับส่วนบุญส่วนกุศลนั้นได้
แต่อย่างน้อยย่อมมีกระแสความเย็น ความเมตตา ที่รายล้อมทั้งตัวเขาและตัวคุณครับ
.. เข้าใจดีครับว่า บอกว่าให้ทำใจนั้นง่าย แต่ทำจริงนั้นยาก
อย่างไรตอนนี้ คุณควรหาเวลาอยู่กับครอบครัวคุณ กับพ่อกับแม่ของคุณ กับเพื่อนๆ
อย่าหมกตัวอยู่คนเดียวครับ เพราะจะยิ่งสับสน ฟุ้งๆไปเรื่อยๆ ยิ่งเศร้าเข้าไปอีกครับ
ธรรมรักษาครับ
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเสียคนรักไปอยากเจอเขามาก ใครมีวิธี:'(