ทำไมผู้หญิงรู้ว่าผู้ชายมีเมียแล้วแต่ยังยอมเป็นกิ๊ก ตอน ๒ (เนื่องจากอ่านกระทู้เก่าไม่ได้เลยยกมาโพสใหม่ค่ะ)

กระทู้สนทนา
จากกระทู้เดิม ทำไมผู้หญิงรู้ว่าผู้ชายมีเมียแล้วแต่ยังยอมเป็นกิ๊ก  
http://www.ppantip.com/cafe/family/topic/N13021631/N13021631.html

    หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เรากลับเข้าไปอยู่ในบ้านเหมือนเดิมค่ะ แต่ความเศร้าเสียใจมันยังคงไม่หายง่าย ๆ นัก ทุกครั้งเมื่อเกิดเรื่องประมาณอาทิตย์เดียวก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่คราวนี้นานมากผ่านมาจนถึงวันนี้ สามเดือนแล้วค่ะ เมื่อก่อนเวลาเกิดเรื่องเราจะไม่พูดมาก คุยจบก็จบ แต่คราวนี้เรากวนใจเขาทุกวันเลยค่ะ บอกกับสามีว่า....ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเราเลือกที่จะเก็บงำความทุกข์ไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ แม่จะแสดงให้พ่อเห็นความทุกข์ของแม่ทุกครั้งที่แม่รู้สึกเสียใจ ซึ่งสามีพยายามจะให้คำมั่นสัญญา ซึ่งเราบอกกับสามีว่า เมื่อความเชื่อมั่นและไว้วางใจหมดไปแล้วไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็ไม่มีวันเชื่อ.....ดังนั้นพ่อต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่....ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความเข้่าใจ ความศรัทธาเชื่อมั่น และความไว้วางใจ....คงต้องดูกันต่อไปค่ะว่าจะเป็นอย่างไร
       สำหรับเรื่องของฝ่ายหญิงเป็นข้าราชการค่ะ ซี 5 สามีเธอเป็นอาจาร์ยสอนมหาวิทยาลัย
ได้ทุนต่อดอกเตอร์อยู่ต่างประเทศ ในช่วงปี พ.ศ.2552 - 2557  
ตอนแรกเราไม่ทราบว่าเป็นน้องคนนี้เพราะสามีโกหกว่าเป็นเด็กเสริฟร้านอาหาร เราสืบค้นข้อมูลพบเบอร์โทรเป็นของสามีเธอ
จึงส่งเมลล์แจ้งให้ทราบว่าเจ้าของเบอร์นี้ใช้เบอร์โทรนี้ติดต่อกับสามีเรามาเป็นปี แต่สามีเธอก็ไม่ตอบเมล์กลับมา
      ทุกครั้งที่เราจับได้เราจะค่อย ๆ คุยกันทุกครั้งไม่เคยทะเลาะกันเลยค่ะ  สามีก็รับปากทุกครั้งว่าจะเลิก แต่ก็ยืดเยื้อมาจนครั้งสุดท้าย
เราไม่ให้เขาเลือกแต่เราเลือกที่จะหย่า จึงพาสามีไปอำเภอ ซึ่งสามีไม่ยอมลงรถ เราจึงเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน เขาโทรหาก็ไม่รับ
ขับรถไปหาน้องที่เคยเรียนด้วยกันต่างจังหวัด จนกระทั่งตอนกลางคืนสามีโทรมาอีก จึงรับโทรศัพท์แล้วบอกเขาว่า เราไม่กลับบ้านอีกแล้ว เพราะคุณโกหกซ้ำซาก เราหมดความเชื่อถือในตัวเขาแล้ว
     สามีจึงยอมบอกว่าผญ เป็นเด็กที่ทำงานด้วยกัน สามีเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวเองค่ะ  เธอเป็นถึงข้าราชการซี 5
มีลูก 2 คน ลูกชายคนโตแยกไปให้แม่สามีเลี้ยงที่บ้านเกิดสามี ลูกชายคนเล็กอยู่กับเธอ
กลางวันในที่ทำงานทั้งคู่จะไม่คุยกันให้ใครเห็น แต่จะใช้โทรศัพท์คุยกันในตอนดึก ๆ หรือเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน
ในที่ทำงานไม่มีใครรู้เรื่องของทั้งคู่เลยค่ะ สามีเป็นคนนิ่งมาก
     พอเราถามว่าทำไม เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้ทำอะไรเกินเลย แค่คุยปรึกษากันเฉย ๆ
แต่เราไม่เชื่อ เราบอกสามีว่า....คนทำผิดแล้วรู้ตัวว่าผิด...ยังพอให้อภัยได้....แต่คนที่ยืนยังว่าตัวเองไม่ผิด ไม่มีทางกลับใจได้หรอก
เมื่อรักเธอมากกว่าครอบครัวเราจะหย่าให้ สามีจึงบอกว่าจะให้ทำอย่างไรก็ยอมทุกอย่างขอแต่อย่าให้เราหย่ากับเขา
     ด้วยความโมโหจึงบอกสามีว่า ให้เขียนหนังสือสารภาพความผิดมา ระบุชื่อ นามสกุลผู้หญิงด้วย และให้เขียนลงไปว่าจะเลิกติดต่อกันเด็ดขาด หากยังทำอีกจะยอมให้เราหย่าโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ลงลายมือชื่อ ลงวันที่ให้เราด้วย แล้วบอกให้น้องเค้าโทราหาเราด้วย เพราะทุกครั้งเวลาเราจับได้เธอจะปิดเบอร์หายเงียบโดยสามีเราเป็นคนปกปิดข้อมูลไม่ให้เรารู้....ซึ่งเราบอกสามีว่านี่เขารักพ่อจริงอย่างที่บอกเหรอ
ทำไมเมื่อพ่อเกิดปัญหาเธอไม่เคยช่วยพ่อแก้ปัญหาเลย
     เราถามสามีว่าตกลงพ่อรักใคร.....เมื่อพ่อบอกว่าพ่อรักแม่ทำไมพ่อจึงปกป้องผู้หญิงคนนั้น และยังร่วมมือกับเธอทำร้ายจิตใจแม่อย่างแสนสาหัส พ่อโหดเหี้ยมกับแม่เกินไปแล้ว.....พ่อปกป้องเธอ แต่ในขณะเดียวกันพ่อไม่เคยปกป้องแม่จากการกระทำของหญิงชู้ของพ่อเลย สามีได้แต่ขอโทษ
     รุ่งเช้า วันกลับ.....เราส่งข้อความบอกให้สามีไปหย่ากันที่อำเภอตอนสิบเอ็ดโมง สามีโทรหาขอโอกาสครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ เพราะพ่อยอมทุกอย่างแล้วไง ยอมบอกว่าเธอเป็นใคร พ่อเลือกแม่ เลือกครอบครัว น่าหัวเราะนะคะ เขาเลือกครอบครัวในวันที่เราเลือกที่จะไม่มีเขา
     เราบอกสามีว่า เราให้โอกาสเขามาสี่ปีแล้ว เมื่อทั้งคู่รักกันมากขนาดนี้ เลิกกับเราแล้วบอกให้เธอเลิกกับสามีเสีย แล้วไปใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
อ้อ....ไปช่วยเขาเลี้ยงลูกด้วยนะสองคนเองนี่...... ลูกเราโตหมดแล้วค่ะ แต่ของกิ๊กเขากำลังประมาณ 5 ขวบ และ 7 ขวบ....
เราบอกสามีว่ายังไงก็เลิกแน่นอน ไม่ต้องเขียนหนังสือมาให้ แล้วก็ไม่ต้องให้น้องเค้าโทรหาแม่ด้วย แม่ไม่กลับบ้านอีกแล้ว
ข้าวของทุกอย่างแม่ไม่เอา ขอออกมาให้พ้นขุมนรกเท่านั้นเป็นพอ ขอเจ็บครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย...แล้วก็ตัดสายไป
พักเดียวผู้หญิงคนนั้นโทรหาเราเลยค่ะ
     เธอบอก....พี่เค้าบอกให้หนูโทรหาพี่....หนูงง.....หนูไม่รู้เรื่อง.... เมื่อเราลำดับความให้ฟังเธอยอมรับทุกอย่างในตอนแรก
ตั้งแต่เรื่องเบอร์โทรศัพท์ที่สามีของเธอใช้ลงประกาศขอซื้อรถยนต์ให้เธอใช้ตอนสามีจะไปต่างประเทศ
เรื่องข้อความที่เธอส่งให้สามีเรา  เรื่องที่คุยกันด้วยถ้อยคำว่ารัก คิดถึงและเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นเราพูดด้วยดี ดี
เธอเริ่มกระบิกกระบวนไม่ยอมรับ อ้างว่าคงไม่เธอคนเดียวหรอกที่สามีเราคุยด้วย พี่ลองถามสามีพี่ดูซิ
ข้อความที่ตอนแรกเธอยอมรับว่าแค่ส่งแซวกันเล่น ๆ ขำ เธอก็บอกว่าไม่ได้ส่ง.....ทั้ง ๆ ที่ทุกเรื่องสามีเราสารภาพหมดแล้ว
เธอบอกว่าเธอไม่มีอะไรกับสามีเราจริง ๆ แค่คุยกันเฉย ๆ หนูไม่เคยคิดอะไรกับพี่เค้าเลย พี่เค้าคิดไปเอง....(อ้าว....ตัดช่องน้อยแต่พอตัวเอาตัวรอดคนเดียวเลย) หนูปรึกษาเรื่องงาน เรื่องเพื่อนร่วมงาน ปรึกษาแบบพี่น้อง แบบพ่อก็ว่าได้....
     อ้าวแล้วที่พี่ได้ยินคุยกันว่า น้องรักพี่ คิดถึงพี่ พี่รักน้องไหม คิดถึงน้องไหม...หมายความว่าอย่างไร
(มีอยู่เช้าหนึ่งสามีนอนเวร เราไปเดินออกกำลังกายแวะไปหา....เขายืมโทรศัพท์เพื่อนร่วมงานโทรหากัน....
หันหลังให้เรา....เราย่องเข้าไปแอบฟังค่ะ.....ได้ยินพอดีเข่าอ่อนนั่งแปะลงกับพื้น.....สามีหันมาเห็นหน้าซีดเป็นไก้ต้ม....เราถามได้คำเดียว....พ่อทำอย่างนี้กับแม่ได้อย่างไร.....พอดีเช้านั้นเราต้องไปอบรมต่างจังหวัดสองคืน.....ไปทั้งตาบวม ๆ อย่างนั้นเลยค่ะ)    
     คุณบอกว่าแค่พูดคุยกันเฉย ๆ คนปรึกษาเรื่องงานต้องบอกรัก คิดถึงด้วยหรือไง
และเมื่อเราถามว่า.....พอเราจับได้คุณไม่เคยคุยกับพี่เลย ปล่อยให้พี่ทุกข์ทรมานอยู่นานหลายปี
จนเมื่อพี่ตัดสินใจเลิกกันคุณเพิ่งโผล่มา ....พี่เดินมาสุดทางแล้ว....ยังไงพี่คงเลิกกันแน่นอน....คุณสบายใจได้....
เธอสวนมาทันที.....ตกลงพี่จะให้หนูผิดให้ได้ว่างั้น.... เราจึงบอกเธอว่าผิดไม่ผิดก็ตรองดูเอง....เกิดเรื่องมากี่ครั้งคุณไม่ยอมรับรู้อะไรเลย....
เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่าสร้างปัญหาให้ครอบครัวเรา....พี่เค้าไม่เคยบอกหนูเลย
ทั้ง ๆ ที่สามีบอกว่าบอกเธอทุกครั้งที่เรามีปัญหากัน....(งานนี้ต้องมีคนนึงโกหก)
แรก ๆ เธอก็เงียบไปพอเวลาผ่านไปสองสามอาทิตย์เธอก็จะโทรกลับมาอีก
แล้วบอกว่าเราแค่คุยกันเฉย ๆ เราๆไม่ได้ทำอะไรผิด....
สามียืนยันแน่นหนักว่าไม่เคยมีการไปไหนสองต่อสอง
ไม่มีการจับมือถือแขน
ไม่มีการเกินเลยจริง ๆ ....

แต่พอเราถามเข้าจริง ๆ เขาก็ยอมรับว่า ผญ มักบอกรักเขา
ว่า หนูรักพี่นะ หนูรักพี่ และจะเซ้าซี้ถามว่า พี่รักหนูไหม พี่คิดถึงหนูไหม พี่เป็นห่วงหนูไหม
สามีก็จะต้่องตอบว่ารักซิ คิดถึงซิ และเป็นห่วงซิ เหมือนที่เราเคยได้ยิน
ซึ่งสามีก้บอกว่า บางครั้งก็คิดเหมือนกันว่าน้องเค้ามีสามีแล้ว ลูกก็มีมาบอกว่ารักเรา....หมายความว่าอย่างไร
(หมายความว่าสามีเราเคลิ้มไปกับคำบอกรักของเธอน่ะซิคะ)

เราจึงบอกสามีว่า....งั้นเขาก็หลอกพ่อไว้ใช้น่ะซิ
เขามีขอบเขตของเขา....แค่ใช้คำพูดหน่วงเหนี่ยวให้พ่อพูดคุยด้วยเท่านั้น
เขาแค่หยอดคำหวานให้สามีเรายังยอมอยู่ในสถานะกิ๊กของเขา
ให้สามีเราเติมเต็มความพร่องที่ตัวเองไม่ได้รับจากสามี
และสามีเราก็หยอดคำหวานเพื่อให้เขาตอบสนองความต้องการของตัวเอง
เราบอกสามีว่า....พ่อและผู้หญิงคนนั้นเหมือนกันมากคือทั้งคู่เป็นคนเห็นแก่ตัว รักตัวเอง ไม่มีศีลธรรม เราถามว่า คุณธรรม จริยธรรมของสามีหายไปไหนหมด
สิ่งที่สามีทำคือการลักลอบเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน
และทั้งคู่ต่างคนต่างหลอกกันและกันเพื่อเติมเต็มความรู้สึกของตัวเองโดยไม่คิดถึงคนอื่น
ไม่ว่าจะเป็นลูก เมีย หรือสามี ของเธอ
ทั้งพ่อและเขาเพียงตอบสนองความต้องการของตัวเอง
ไม่ยอมรับรู้ความทุกข์ของคนอื่น
เป็นผู้หญิงและผู้ชายที่เห็นที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ
เราเหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อนแล้วค่ะ.....ปกติคำน้อยไม่เคยตำหนิสามีให้ขุ่นใจ
ในครั้งนี้เราขุดเรื่องเก่า เล่าความหลัง ความเจ็บช้ำน้ำใจ ความทุกข์ทรมาน
มาเช็คบิล....สะสาง.....ในคราวเดียวเลย
.
.
ต่อเรื่องโทรศัพท์นะคะ....
พอเราถามน้องเค้ากลับไปว่าในทิศทางกลับกัน
หากเป็นตัวคุณประสบปัญหานี้คุณจะยอมได้ไหม....
คุณจะยอมให้หญิงอื่นพูดคุยแบบที่คุณคุยกับสามีพี่ไหม
เธอบอกว่าหนูคงไม่ยอมเหมือนกัน....
เราจึงบอกเธอว่า.....นั่นแหล่ะพี่ก็เหมือนกันพี่จะหย่าให้คุณกับเขาก็แล้วกัน...
เพราะเราไม่สามารถรับเรื่องแบบนี้ได้และจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด กับเรื่องแบบนี้อีก
เธอปรี๊ดสวนมาว่า
"พี่จะหย่ากันก็หย่าไปซิทำไมจะต้องทำให้หนูรู้สึกผิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุด้วย"
"ปัญหาของพี่ทำไมพี่ไม่คุยกันเอง ทำไมต้องให้หนูร่วมรับผิดชอบ"
"แค่เรื่องเล่น ๆ ทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่".....
ฉันเหนื่อยใจกับความเขลา ความโง่ และความดื้อรั้นดันทุรังของเธอ
จึงบอกเธอว่าเอางี้...พี่ขี้เกียจพูดกับคุณแล้ว เอาเป็นว่าพี่อโหสิกรรมและให้อภัยคุณก็แล้วกัน พี่ถือว่าพี่อาจมีบางสิ่งติดค้างคุณอยู่
พี่ถือว่าความทุกข์ของพี่ช่วงสี่ปีที่ผ่านมาพี่ได้ใช้มันชดใช้ให้คุณหมดสิ้นแล้ว
ให้เราเลิกแล้วต่อกัน อย่าได้มีเวรกรรมต่อกันอีกไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน
เธอสวนมาอีกว่าพี่จะมาให้อภัยหนูทำไม หนูไม่ได้ทำอะไรผิด (กูเหนื่อยกับยิ้มจริง ๆ นะเนี่ย)
งั้นถ้าหนูยังยืนยันว่าตัวเองไม่ผิดพี่ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกับคุณอีก
พี่จะไม่สร้างบาปเวรต่อไปพี่ขอยุติและชดใช้ให้ในครั้งนี้อย่าได้มีเวรต่อกันอีกเลย เธอย้อนเราว่า
"หนูรู้สึกว่าพี่มองโลกในแง่ดีมากเลยนะ".....
เราเลยบอกเธอว่า....
พี่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวหนูนะ ที่อยู่ ที่ทำงาน บ้าน ลูก สามี พ่อแม่สามีหนูอยู่ที่ไหนพี่ก็ทราบ
หากพี่ไม่มองโลกด้านดี ไม่ใช้สติในการแก้ปัญหา
หนูไม่ได้มาเถียงพี่ฉอด ๆ อย่างนี้หรอก หนูเละเป็นโจ๊กไปแล้ว
เธอย้อนถามฉันว่าแล้วพี่จะให้หนูทำยังไง ให้เลิกมองหน้ากันเลยมั๊ย
หรือจะต้องให้หนูย้ายถึงจะพอใจ
ฉันบอกว่า.....นั่นเป็นเรื่องของคุณ.....คุณเป็นชู้กับสามีชาวบ้าน
การแก้ปัญหาเมื่อเมียเขาจับได้....เป็นเรื่องที่คุณต้องจัดการเอง
     การที่เราจะไปฉีกหน้าใครซักคน ในที่ทำงาน ที่บ้าน ที่โรงเรียนลูกคุณ ไม่ใช่เรื่องยาก
พี่จะทำให้คุณไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เรื่องชู้สาวสำหรับการเป็นข้าราชการคุณก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องผิดวินัยร้า่ยแรง
ที่เรื่องต่าง ๆ ไม่เกิดขึ้นเพราะพี่ไม่ทำ ไม่ใช่ทำไม่ได้ ขอให้คุณรู้ไว้ แล้วเราก็วางหู....
      เรามาถึงที่ทำงาน 11 โมง สามีมารออยู่แล้วตั้งแต่ 9 โมง พอเราลงรถเขารีบเอาหนังสือที่เขียนไว้มายื่นให้
"พ่อเขียนทุกอย่างเหมือนที่แม่บอกแล้ว บอกให้น้องโทรหาแม่แล้ว พ่อบอกน้องเขาว่าเรื่องของเราต้องจบแค่นี้ เพราะมันกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับครอบครัวพี่แล้ว.....พี่ขอเลือกครอบครัว......
พ่อขอโทษแม่ พ่อสำนึกผิด พ่อขอโอกาส ขอให้แม่ให้โอกาสกับพ่ออีกครั้ง"
     เรารับหนังสือมาดู....เป็นหนังสือที่เขียนด้วยลายมือของสามี
มีข้อมูลครบถ้วนตามที่เราบอกให้เขียน....
จึงเล่าเรื่องที่น้องเขาโทรศัพท์หาเราให้เขาฟัง.....
รู้ไหมว่าเขาบอกว่าเราจะหย่ากันเป็นเรื่องของเราสองคน อย่าเอาเขามาเกี่ยวข้อง
เขานิ่ง....แล้วบอกขอโทษ....พ่อจะไม่ทำอีกแล้ว.....
สามีตาบวบตุ๊บเลยค่ะ.....
เราจึงบอกเขาว่า.....แม่ได้เอ่ยปากให้อภัยน้องเขาไปแล้ว....
เมื่อแม่ให้อภัยคนที่ทำร้ายแม่ได้....
ทำไมแม่จะให้อภัยพ่ออีกไม่ได้
แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
หากมีเรื่องเกิดขึ้นอีกแม่จะเอาหนังสือที่พ่อเขียนไว้ให้แม่
เป็นหลักฐานในการฟ้องวินัยเธอคนนั้น และฟ้องหย่าพ่อ.....
ต่อตอน ๓ นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่