..นักลงทุนบางคนคงเคยนึกสงสัยว่า การลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงเช่นนี้ เราควรมีการบริหารพอร์ตอย่างไรดี สำหรับป้องกันความเสี่ยงหรือลดความเสี่ยงให้น้อยลง เพื่อไม่ให้เกิดการเสียหายของพอร์ตที่มากเกินกว่าเราจะรับได้
..วันนี้เรามีกลยุทธ์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยง มาแบ่งปันให้เพื่อนๆชาวสินธรกันค่ะ ชื่อว่า "กลยุทธ์การประกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนด้วยสัดส่วนคงที่ (Constant proportion portfolio insurance หรือ CPPI)" ซึ่งกำหนดให้ลงทุนในหุ้นเป็นสัดส่วน ตามสูตร
"มูลค่าลงทุนในหุ้น = ตัวคูณ x (มูลค่าพอร์ตรวม – มูลค่าพอร์ตขั้นต่ำ)"
โดยตัวคูณนั้น แนะนำให้มีค่ามากกว่า 1 เช่น 2.5 ฯลฯ (ถ้าค่าตัวคูณสูงขึ้นเท่าใด จะทำให้ปรับพอร์ตเร็วขึ้นเท่านั้น) ส่วนมูลค่าขั้นต่ำก็คือ ระดับที่เราจะต้องการทำประกันนั่นเอง เช่น ถ้าคุณมีเงินลงทุน 1 ล้านบาท และไม่ต้องการให้มูลค่าพอร์ตลดลงต่ำกว่า 8 แสนบาท(20 %) คำนวณได้ 2.5 x ( 1,000,000-800,000) = 500,000 บาท
หมายความว่า ณ จุดเริ่มต้น คุณจะถือเงินสดไว้ 500,000 บาท ลงทุน 500,000 บาท หลังจากนั้นเมื่อมูลค่าพอร์ตเปลี่ยนไปตามราคาตลาด เราจะค่อยๆปรับพอร์ตตามสูตรดังกล่าวไปเรื่อยๆ เรามาดูกันเลยดีกว่านะคะ
ซึ่งจากตารางสามารถอธิบายได้ดังนี้
- ในวันที่ 1 ก.พ. เงินลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น 4.82% ซึ่งเท่ากับ 524,100 บาท ทำให้มูลค่า พอร์ตเพิ่มเป็น 1,048,200 บาท จากสูตรเราต้องถือหุ้นเท่ากับ 2.5 x (1,048,200– 800,000) = 620,500 บาท ดังนั้น จึงต้องนำเงินสดมาซื้อหุ้นเพิ่มอีก 120,500 บาท ทำให้เงินสดในมือเหลือ 379,500 บาท
- ต่อมาในวันที่ 1 มี.ค. เงินลงทุนในหุ้นลดลง 8.00% ซึ่งเท่ากับ 482,172 บาท ทำให้มูลค่าพอร์ตลดลงเป็น 964,344 บาท เราต้องถือหุ้นเท่ากับ 2.5 x (964,344– 800,000) = 410,860 บาท ดังนั้นจึงต้องขายหุ้นออกมา 209,640 บาท ทำให้เงินสดในมือเพิ่มขึ้นเป็น 589,140 บาท
- ในวันที่ 1 เม.ย. เงินลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น 20.3% ซึ่งเท่ากับ 580,053 บาท ทำให้มูลค่าพอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 1,160,106 บาท เราต้องถือหุ้นเท่ากับ 2.5 x (1,160,106– 800,000) = 900,265 บาท ดังนั้นจึงต้องนำเงินสดมาซื้อหุ้น เพิ่มอีก 489,405 บาท
จากกลยุทธ์จะเห็นได้ว่า
• กลยุทธ์แบบ CPPI เป็นกลยุทธ์ที่เกาะไปตามแนวโน้ม (Trend Following Strategy) เมื่อหุ้นขึ้นก็มีแนวโน้มที่จะแนะนำให้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งสูตรนี้ช่วยให้เรามีวินัยในการลงทุนได้มากขึ้น
• กลยุทธ์นี้อาจแนะนำให้เราถือหุ้นในช่วงที่กว้างมาก คือ ตั้งแต่ 0% ถึง 100% ก็ได้ คือ ถ้าหลุด 800,000 บาท(มูลค่าพอร์ตขั้นต่ำที่กำหนดไว้) จะขายหุ้นทิ้งหมด ไปถือเงินสด 100% ทันที แต่ถ้ามูลค่าหุ้นในพอร์ตขึ้นไปถึง 1.33 ล้านบาทจะแนะนำให้อัดหุ้นเต็มพอร์ต 100% ทันที
ถ้าเนื้อหาโดนใจนักลงทุน กดโหวต กันเพื่อเป็นกำลังใจกันได้นะคะ ^____^
บริหารพอร์ตให้ปลอดภัยด้วยกลยุทธ์ CPPI
..วันนี้เรามีกลยุทธ์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยง มาแบ่งปันให้เพื่อนๆชาวสินธรกันค่ะ ชื่อว่า "กลยุทธ์การประกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนด้วยสัดส่วนคงที่ (Constant proportion portfolio insurance หรือ CPPI)" ซึ่งกำหนดให้ลงทุนในหุ้นเป็นสัดส่วน ตามสูตร
"มูลค่าลงทุนในหุ้น = ตัวคูณ x (มูลค่าพอร์ตรวม – มูลค่าพอร์ตขั้นต่ำ)"
โดยตัวคูณนั้น แนะนำให้มีค่ามากกว่า 1 เช่น 2.5 ฯลฯ (ถ้าค่าตัวคูณสูงขึ้นเท่าใด จะทำให้ปรับพอร์ตเร็วขึ้นเท่านั้น) ส่วนมูลค่าขั้นต่ำก็คือ ระดับที่เราจะต้องการทำประกันนั่นเอง เช่น ถ้าคุณมีเงินลงทุน 1 ล้านบาท และไม่ต้องการให้มูลค่าพอร์ตลดลงต่ำกว่า 8 แสนบาท(20 %) คำนวณได้ 2.5 x ( 1,000,000-800,000) = 500,000 บาท
หมายความว่า ณ จุดเริ่มต้น คุณจะถือเงินสดไว้ 500,000 บาท ลงทุน 500,000 บาท หลังจากนั้นเมื่อมูลค่าพอร์ตเปลี่ยนไปตามราคาตลาด เราจะค่อยๆปรับพอร์ตตามสูตรดังกล่าวไปเรื่อยๆ เรามาดูกันเลยดีกว่านะคะ
ซึ่งจากตารางสามารถอธิบายได้ดังนี้
- ในวันที่ 1 ก.พ. เงินลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น 4.82% ซึ่งเท่ากับ 524,100 บาท ทำให้มูลค่า พอร์ตเพิ่มเป็น 1,048,200 บาท จากสูตรเราต้องถือหุ้นเท่ากับ 2.5 x (1,048,200– 800,000) = 620,500 บาท ดังนั้น จึงต้องนำเงินสดมาซื้อหุ้นเพิ่มอีก 120,500 บาท ทำให้เงินสดในมือเหลือ 379,500 บาท
- ต่อมาในวันที่ 1 มี.ค. เงินลงทุนในหุ้นลดลง 8.00% ซึ่งเท่ากับ 482,172 บาท ทำให้มูลค่าพอร์ตลดลงเป็น 964,344 บาท เราต้องถือหุ้นเท่ากับ 2.5 x (964,344– 800,000) = 410,860 บาท ดังนั้นจึงต้องขายหุ้นออกมา 209,640 บาท ทำให้เงินสดในมือเพิ่มขึ้นเป็น 589,140 บาท
- ในวันที่ 1 เม.ย. เงินลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น 20.3% ซึ่งเท่ากับ 580,053 บาท ทำให้มูลค่าพอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 1,160,106 บาท เราต้องถือหุ้นเท่ากับ 2.5 x (1,160,106– 800,000) = 900,265 บาท ดังนั้นจึงต้องนำเงินสดมาซื้อหุ้น เพิ่มอีก 489,405 บาท
จากกลยุทธ์จะเห็นได้ว่า
• กลยุทธ์แบบ CPPI เป็นกลยุทธ์ที่เกาะไปตามแนวโน้ม (Trend Following Strategy) เมื่อหุ้นขึ้นก็มีแนวโน้มที่จะแนะนำให้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งสูตรนี้ช่วยให้เรามีวินัยในการลงทุนได้มากขึ้น
• กลยุทธ์นี้อาจแนะนำให้เราถือหุ้นในช่วงที่กว้างมาก คือ ตั้งแต่ 0% ถึง 100% ก็ได้ คือ ถ้าหลุด 800,000 บาท(มูลค่าพอร์ตขั้นต่ำที่กำหนดไว้) จะขายหุ้นทิ้งหมด ไปถือเงินสด 100% ทันที แต่ถ้ามูลค่าหุ้นในพอร์ตขึ้นไปถึง 1.33 ล้านบาทจะแนะนำให้อัดหุ้นเต็มพอร์ต 100% ทันที
ถ้าเนื้อหาโดนใจนักลงทุน กดโหวต กันเพื่อเป็นกำลังใจกันได้นะคะ ^____^