9 เกมในฝันของเหล่านักสะสมทั่วโลก

กระทู้สนทนา

ในโลกแห่งเทคโนโลยีแล้ว ถ้าเราซื้อของมาสักหนึ่งชิ้น แน่นอนว่าราคาของมันจะลดลงไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมาเร็วไปเร็วด้วยแล้ว วงจรเหล่านี้จะยิ่งเกิดขึ้นไวกว่าเก่าด้วยซ้ำไป

แต่สำหรับของสะสมแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะเมื่อของชิ้นนั้นเกิดสิ่งเกิดกลายเป็นของที่หายาก หรือมีความพิเศษในตัวของมันเองแล้ว ราคาของมันจะถูกถีบตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่เปลี่ยนไปซึ่งสวนทางกับวงจรที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นชนิดหน้ามือเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว

วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชมตลับเกมที่มีราคาแสนแพงที่เหล่านักสะสมต่างค้นหากัน 9 อันดับที่มีการอัพเดทล่าสุด

Neo-Geo


เครื่องเกมที่น้อยคนนักที่จะได้เป็นเจ้าของในสมัยนั้น เหตุผลหนึ่งก็เพราะราคาของมันที่แพงลิบลิ่วทั้งตัวเครื่องและตลับเกม ฉะนั้นเครื่องเกมนี้จึงค่อนข้างเจาะตลาดเฉพาะพอสมควร ซึ่งเกมส่วนใหญ่แน่นอนว่าใครได้ลองเป็นต้องติดใจและหลงไหล เครื่องนี้ถูกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2533

อันดับสาม: Metal Slug


เมื่อเครื่องแฟมิคอมมี Contra ฉันใด ในอีกซีกหนึ่งก็ย่อมมี Metal Slug ด้วยฉันนั้น ปัจจุบัน Metal Slug เป็นเกมที่มีความนิยมอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบันก็ยังมีการออกภาคใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องบนเครื่องคอนโซล แต่สำหรับภาคดั้งเดิมนั้นจุดกำเนิดบนคอนโซลจะอยู่บนเครื่อง Neo-Geo ที่คอเกมเก่าคงรู้จักกันเป็นอย่างดีสำหรับเจ้าเครื่องมหาแพงตัวนี้ ในยุคนั้นการผลิตจึงทำได้ออกมามีจำนวนไม่มากนัก จึงทำให้ปัจจุบันมีราคาที่แพงมากถึงตลับละประมาณ 70,000 - 100,000 บาท (ในไทยเรามีนักสะสมหลายท่านมีตลับเกมนี้ไว้ในครอบครองด้วยครับ)

อันดับสอง: Ultimate 11 (หรือ Super Sidekicks 4)


Ultimate 11 เป็นภาคสุดท้ายของเกมในซี่รี่ส์ Super Sidekicks ที่เป็นที่นิยมบนเครื่อง Neo-Geo แต่ด้วยเหตุผลบางประการ (อีกแล้ว) ทำให้เกมนี้ถูกผลิตออกมาในจำนวนที่ไม่เยอะเท่าไรนัก (จากรายงานในปัจจุบันมีการพบเพียง 10 ตลับเท่านั้น) เปรียบไปก็เหมือนตลับที่ใกล้สูญพันธุ์เต็มทน ฉะนั้นนักสะสมตลับจากทั่วโลกต่างคาดหวังที่จะได้ครองตลับเกมนี้ไว้ในครอบครอง
เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ได้มีรายงานว่ามีการซื้อขายระหว่างนักสะสมสองคนบนเว็บไซต์ neo-geo.com ซึ่งผู้ซื้อได้จ่ายเงินสำหรับซื้อทั้งเกม Kizuna Encounter และ Ultimate 11 ไปในราคาประมาณเกือบสองล้านบาท ซึ่งผู้ขายได้เกมสองเกมนี้มาเมื่อประมาณสัก 10 ปีที่แล้วในราคาประมาณตลับละ 15,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเจ้าของรายใหม่ก็ได้ประกาศแล้วว่าหากมีคนจะซื้อต่อไปเขาจะไม่ขายออกไปแน่นอน ยกเว้นจะเสนอราคามาสัก 3.5 ล้านบาทถึงจะดูค่อยน่าสนใจสักหน่อย สนนราคาเฉลี่ยของตลับเกมนี้อยู่ที่ประมาณ 280,000 - 350,000 บาท

อันดับหนึ่ง: Kizuna Encounter


Kizuna Encounter เกมต่อสู้ที่มีลักษณะแนวเดียวกันกับ Mortal Kombat และ Street Fighter เกมนี้เป็นอีกหนึ่งขุมทองสำหรับผู้รัก Neo-Geo เพราะปัจจุบันในเวอร์ชั่นยุโรปของเกมนี้มีการผลิตออกมาเพียงแค่ 15 เท่านั้น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เกมนี้มีราคาสูงลิบลิ่วถึงตลับละประมาณ 420,000 - 470,000 บาท

Atari 2600


เครื่องเกมรุ่นเดอะ ถือว่าเป็นเครื่องเกมในยุคแรกๆ ของวงการวิดีโอเกม ถูกวางจำหน่ายครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ. 2520 เป็นที่นิยมของคนในยุคนั้นด้วยยอดขายมากกว่า 30 ล้านเครื่อง เครื่องตัวนี้เป็นอีกเครื่องที่เหล่านักสะสมอยากจะมีไว้ในครอบครองเนื่องจากรูปร่างอันสุดคลาสสิคของมัน

อันดับสาม: Star Wars Ewok Adventure


เกมที่ถูกโฆษณาในชื่อ Revenge of the Jedi: Game I แต่ชื่อด้านบนเป็นชื่อที่ถูกเรียกอย่างแพร่หลายมากกว่า ตลับนี้เป็นตลับที่เข้าขั้นตำนานเพราะมันแทบไม่ถูกขายออกไปไหนเลย สำหรับเกมนี้เป็นเกมแนว shooting ที่ผู้เล่นจะต้องบังคับ Ewok เพื่อไปทำลายฐานทัพของ Imperial เกมนี้ภายหลังถูกผู้ผลิตยกเลิกการจำหน่ายเนื่องจากมันบังคับได้ยาก และไม่ถูกผลิตอีกเลยซึ่งผู้ออกแบบเกมนี้คือ Larry Gelberg ได้ยกตลับนี้ให้กับลูกชายของเพื่อนและต่อมาได้ถูกขายไปในราคาเกือบ 60,000 บาท

อันดับสอง: Air Raid


จริงๆ ชื่อของเกมนี้ไม่ได้ถูกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ชื่อนี้ได้มาจากรูปหน้าปกของเกมนั่นเอง รูปแบบการเล่นของเกมจะคล้ายๆ กับ Missile Command รูปร่างของตลับรูปตัว T ก็ดูแตกต่างและไม่เหมือนใคร เท่าที่ทราบเกมนี้มีอยู่เพียง 12 ตลับเท่านั้น ราคาจึงพุ่งสูงไปถึงตลับละ 35,000 - 100,000 บาท

อันดับหนึ่ง: Atlantis II


Atlantis เป็นเกมนึงที่โด่งดังพอสมควรในเครื่อง Atari รูปแบบเกมก็จะคล้ายคลึงกับ Missile Command อีกเช่นกัน สำหรับในเวอร์ชั่นปกติแล้วตลับเกมนี้มีราคาที่ถูกมาก สำหรับตลับเกมนี้มีที่มาจากในยุคนั้นผู้พัฒนาเกมในจัดการแข่งขันที่ชื่อว่า Destination Atlantis ขึ้นเพื่อที่จะให้ผู้เล่นเกมนี้ได้ส่งรูปถ่ายจากจอโทรทัศน์ที่ตนเองคาดว่าได้คะแนนสูงสุดแล้วมาแข่งขันกัน ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด จะได้ตลับเกมพิเศษที่มีชื่อว่า Atlantis II ซึ่งเป็นตลับที่พิเศษที่ศัตรูจะเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าและได้คะแนนน้อยกว่า ความแตกต่างระหว่างตลับธรรมดาและตลับพิเศษนี้ในเรื่องแพ็คเกจจะแตกต่างกันแค่กล่องแบบพิเศษนี้จะมีสติ๊กเกอร์ติดด้านหน้าว่า Atlantis II เท่านั้นเอง ทำให้เกมนี้มีราคาพุ่งไปถึงตลับละ 175,000 บาท

Nintendo Entertainment System (หรือ Famicom)


เครื่องเกมที่มีน้อยคนนักที่ไม่รู้จัก เครื่องนี้เป็นจุดให้กำเนิดของเกมที่โด่งดังในยุคปัจจุบันมากมาย และมีผู้ครอบครองอย่างกว้างขวาง ถือว่าเป็นยุคทองที่สุดยุคหนึ่งของวงการเกมเลยทีเดียว เป็นอีกเครื่องที่หาตลับได้ไม่ยากและยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน

อันดับสาม: Nintendo Campus Challenge


ในช่วงประมาณ พ.ศ. 2533 Nintendo ได้จัดการแข่งขันขึ้นในมหาลัยต่างๆ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำการเล่นเดโมของเกมสามเกมได้แก่ Super Mario Bros. 3, PinBot และ Dr. Mario โดยจะให้เวลาเพียง 6 นาทีเพื่อหาผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด หลังการแข่งขันจบลง ตลับเกือบทั้งหมดได้ถูกทำลาย แต่มีพนักงานของ Nintendo คนหนึ่งได้ทำการเก็บเอาไว้และขายให้กับ Rob Walters ที่ตลาดเลหลังเมื่อช่วงปี 2006 ซึ่ง Rob ได้ซื้อตลับต่างๆ ทั้งหมดในราคารวม 35,000 บาท อีกไม่กี่ปีต่อมา เขาก็นำมันออกมาขายใหม่หมดทุกอย่าง ซึ่งได้ราคารวมกันมากถึง 1.75 ล้านบาท หนึ่งตลับในนั้นที่มีราคาแพงลิบลิ่วคือตลับ Campus Challenge นี่เอง ซึ่งมีราคาสูงถึงเกือบห้าแสนบาท ต่อมาผู้ซื้อไปก็นำออกมาขายอีกทอดได้ในราคา 700,000 บาท เหตุผลที่ราคาสูงขนาดนี้ เพราะมันมีเพียงตลับเดียวในโลกที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน

อันดับสอง: 1990 Nintendo World Championships


ที่มาของตลับตัวนี้จะคล้ายกันกับตลับด้านบน แต่เป็นการแข่งในเมือง 30 เมืองด้วยเกมสามเกมคือ Super Mario Bros., Rad Racer, Tetris ด้วยเวลาหกนาทีเช่นกัน ผู้ที่ชนะในแต่ละเมืองในสามรุ่น (แบ่งแยกตามอายุ) จะได้ตลับสีเทาไปเป็นของรางวัล ซึ่งหมายความว่าจะมีเพียง 90 ตลับเท่านั้น ตลับนี้ถูกขายด้วยราคาประมาณ 140,000 บาท ส่วนเวอร์ชั่นตลับสีทองจะเป็นตลับสำหรับผู้ชนะในการแข่งขันในนิตยสาร Nintendo Power เท่านั้นและถูกผลิตออกมาเพียงแค่ 26 ตลับ ซึ่งปัจจุบันหายากและมีราคาสูงถึงตลับละ 700,000 บาท

อันดับหนึ่ง: Stadium Events


ถ้าใครติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดคงรู้จักเกมนี้กันอย่างแน่นอน เนื่องจากเกมนี้ได้สร้างความฮือฮาในเหล่านักสะสมเป็นอย่างมาก เกมนี้ถูกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2530 โดยมาพร้อมกับแผ่นที่เรียกว่า Family Fun Fitness ที่เป็นแผ่นพลาสติกสำหรับเหยียบเพื่อให้ตัวละครของเราในเกมนั้นขยับ ต่อมานินเทนโดได้ซื้อลิขสิทธิ์เกมนี้และแผ่นเหยียบในปี พ.ศ. 2531 และออกใหม่ในชื่อว่า World Class Track Meet ที่มาพร้อมกับแผ่นเหยียบที่ชื่อว่า Power Pad (และนี่คือต้นตำหรับของแผ่นเต้นนั่นเอง) และเพื่อป้องกันความสับสนของลูกค้าทางนินเทนโดได้นำเกมนี้ออกจากชั้นวางและทำลายทิ้งไป แต่กว่าจะทำลายไปก็มีลูกค้าซื้อไปแล้วประมาณสองร้อยชุด เกมนี้นักสะสมเชื่อว่ามีเพียงแค่ไม่ถึง 20 ชุดที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์

เกมนี้ได้สร้างปรากฎการณ์ที่โด่งดังบนเว็บไซต์บนอีเบย์เมื่อมีผู้หญิงคนนึงจาก North Carolina ได้ทำความสะอาดโรงรถของเธอและไปพบกับกับกรุเกมเก่าที่เก็บไว้นานแสนนาน หนึ่งในเกมเหล่านั้นมีเกม Stadium Event นี้อยู่ด้วยและเธอได้นำมันออกประมูลบนอีเบย์โดยที่ไม่ได้คาดหวังว่าราคามันจะสูงมากมายนัก แต่ต่อมาได้มีการประมูลอย่างดุเดือดเลือดพล่านจนไปจบที่ราคาประมาณ 450,000 บาท เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ที่ชนะการประมูลก็แปลกใจมากที่เกมนี้ยังมีกล่องติดมาให้ด้วย ซึ่งปกติแล้วคนซื้อเกมส่วนมากมักจะทิ้งกล่องเกมทันทีเมื่อได้เกมมา ซึ่งสำหรับเกมสะสมที่มีกล่องครบถือว่าหายาก ดังนั้นกล่องเกมเปล่าๆ ของเกมนี้จึงมีราคาสูงถึง 350,000 บาทเลยทีเดียว

แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นไม่กี่วันชายผู้หนึ่งใน Kansas ได้ไปขุดเอาเกมนี้มาจากกรุของเขาเช่นกันและนำมาวางขายบนอีเบย์ ซึ่งเกมชุดนี้ชุดเดียวที่ทราบในปัจจุบันว่ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ 100% ยังไม่มีการแกะพลาสติกออกมาเนื่องจากเริ่มแรกเดิมทีเขาต้องการจะนำมันไปคืนเพราะได้แต่เกมมาแต่ไม่มีแผ่นเหยียบติดมาด้วย เมื่อการประมูลเสร็จสิ้นลงเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ราคาเกมชุดนี้ไปหยุดที่ราคาประมาณเกือบๆ 1.5 ล้านบาท ขณะที่ World Class Track ที่เป็นเกมที่นินเทนโดนำมาขายใหม่บนอีเบย์และเหมือนกันทุกอย่างมีราคาแค่ประมาณ 75 บาทเท่านั้น มันช่างต่างอะไรกันเยี่ยงนี้

งานนี้ใครมีเกมเก่าเก็บที่เหลืออยู่อาจจะต้องเอามาปัดฝุ่นเสียหน่อย เผื่อทีท่านอาจจะมีหีบสมบัติอยู่ในบ้านท่านชนิดไม่รู้ตัวแบบเจ้าของตลับ Stadium Events ก็เป็นได้ :p

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่