โรงเรียนอัสสัมชัญเป็นโรงเรียนเก่าแก่ใจตั้งอยู่ใจกลางพระนคร ฝั่งประถมศึกษาอยู่ที่อยู่ซอยเซนหลุยส์ ซอย 3 ส่วนโรงเรียนมัธยมตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก
ด้วยความที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลทอง จึงเป็นเป้าหมายที่อยากจะได้ทำเลยนี้ที่สร้างเงินทองอย่างมหาศาล ซึ่งปัจจุบันนี้โรงเรียนอัสสัมชัญ ได้มีการขยายไปที่ถนนพระรามที่ 2 และจะว่าไปแล้วโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก ไม่ได้มีความหมายเป็นเพียงแค่โรงเรียนเท่านั้น แต่ยังถือเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สร้างศิษย์เก่าที่สร้างคุณูปการให้กับประเทศมากมาย
แต่เมื่อเร็วๆนี้ "หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ" ได้เผยแพร่ข้อความในเฟสบุ๊คของตัวเอง และทำให้ศิษย์เก่าโรงเรียนแห่งนี้ และหลายคนที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ได้มีความห่วงใยในโรงเรียนแห่งนี้เอาไว้ โดยหมอนิดได้พิมพ์ข้อความเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2555 แต่ก็ไม่มีสื่อใดให้ความสนใจ จึงขอใช้พื้นที่นี้ช่วยเผยแพร่ข่าวสารชิ้นนี้ให้ผู้อ่านได้ทราบ โดยความบางตอนระบุดังนี้
"โรงเรียนถูกยึด ครูถูกบีบให้เซ็นใบลาออก เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก ที่โรงเรียนชื่อดังและเก่าแก่ ของประเทศไทยกำลังจะถูกยึด ไม่รู้ว่าเป็นความคิดของใครหรือเป็นนโยบายของนักการเมืองคนไหน? ครูทุกคนในโรงเรียนถูกบีบบังคับให้เซ็น...ใบลาออกล่วงหน้า... ถ้าครูคนไหนไม่ยอมเซ็นใบลาออก จะถูกให้ออก พร้อมจ่ายค่าชดเชยให้ เรื่องนี้ไม่มีสื่อไหนลงข่าวเลย ถูกปิดเงียบเหมือนอยู่ในแดนสนธยา ครูหลายคนแต่งชุดดำประท้วงเงียบๆ แต่คงไม่เป็นผล เพราะมีครูบางคนถูกเรียกเข้าไปกล่อมถึงในกระทรวง
ครูที่โรงเรียน อ.ส.ช. กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเหมือนโรงเรียนกำลังถูกการเมืองเข้ามายึด เหมือนนักการเมือง เข้ามากลืนกินโรงเรียน ฟังข่าวนี้แล้วเศร้าใจ ประเทศนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้วหรือนี่? ไม่ทราบว่ามีแผนจะนำโรงเรียน "นำร่อง" ทางการเมืองอะไรบางอย่างหรือเปล่า? หรือจะมีแผนการล้างสมองของเยาวชนไทย?
ผู้ปกครองนักเรียนมาบอกข่าวนี้ ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง และการเมืองกำลังล้วงลูกไปถึงการแต่งตั้ง ผู้อำนวยการ หรืออธิการบดีโรงเรียนเป็นคนของนักการเมืองเข้ามานั่งตำแหน่งนี้
อยากให้ประชาชนคนไทยช่วยกันคนละไม้คนละมือ ออกมาแสดงพลังปกป้องโรงเรียน อ.ส.ช. อย่าให้ตกไปอยู่ในมือของนักการเมืองบางคน ที่คิดจะฮุบโรงเรียน อ.ส.ช.เพื่อประโยชน์ทางการเมือง"
ต่อมา "หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ" ได้ขยายความในเฟสบุ๊คของตัวเองอีกครั้งในวันเดียวกัน โดยได้อธิบายความบางตอนเพิ่มเติมดังนี้
"โรงเรียน แดนสนธยา บางรัก ครูที่โรงเรียนแห่งนี้มี สองสี สองฝ่าย ในขณะนี้ฝ่ายแดงกำลังไล่บี้ให้ครูทุกคนให้เซ็นชื่อลาออกล่วงหน้า เพราะฝ่ายบริหารที่เป็นใหญ่ มีชื่อย่อว่า "อ" ได้ร่วมมือกับนักการเมืองผู้หนึ่ง และข้าราชการบางคน สมรู้ร่วมคิดไปแก้กฎหมาย การรวมเด็กนักเรียนชั้นประถม แถวซอยเซนต์หลุยส์ ให้เอามารวมเข้ากับเด็กนักเรียนมัธยมที่บางรัก ทั้งๆที่มีกฎห้ามเอาไว้ ครูส่วนมากไม่ยอมมาเซ็นชื่อ ก็จะถูกข่มขู่ คุกคาม เจตนาที่ให้ครูเซ็นชื่อลาออกล่วงหน้าก็เพื่อว่าถ้าวันไหนครูคนไหนเอะอะโวยวาย หรือครูคนไหนที่ไม่ทำตามเจตนารมณ์ ของผู้มีอำนาจ เขาก็จะเอาใบลาออกที่ครู้ได้เซ็นชื่อไว้ มาแสดงว่าครูมีควาจำนงที่จะลาออกเอง ชั่วร้ายมากไหมครับ วิธีการนี้เลวมากไหมครับ แผนการนี้
ถ้าโรงเรียนนี้พวกมันทำสำเร็จ โรงเรียนอื่นๆคงจะเป็นคิวต่อไป ไม่น่าเชื่อว่าวิธีการให้ครูทุกคนเซ็นชื่อ.."ลาออก"...ล่วงหน้านี้ ช่างเหมือนกับวิธีการของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ที่คุมทุกอย่างในประเทศ เกือบหมดแล้วเวลานี้ เพราะ ส.ส. ในพรรคทุกคนต้องเซ็นชื่อ "ลาออก" ล่วงหน้า เหมือนกันไม่แว้นแม่แต่นายรกทุกคนในพรรค ไม่เชื่อไปสืบเสาะดูว่าจริงหรือไม่?
อยากวิงวอน ศิษย์เก่า โรงเรียนนี้ทุกท่าน และผู้ปกครองนักเรียนทุกคน ช่วยกันต่อต้านคนชั่ว คนเลว ที่คิดจะมาฮุบโรงเรียนเก่าแก่ อายุร้อยกว่าปีเอาไว้ให้เด็กๆได้มีการศึกษาดี มีครูที่ดี อย่าให้ไปตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนักการเมืองและข้าราชการเลวๆบางคน โรงเรียนมันยังไม่เว้น คิดจะมายึด คิดจะมาฮุบเอาไป ขอให้ครูทุกคน กล้าๆออกมาสู้ เพื่อความถูกต้อง สู้เพื่อความเป็นธรรม"
ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นข้อความบางตอนจากเฟสบุ๊คของ "หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ" ที่ไม่ได้มีสื่อมวลชนที่ไหนสนใจ
ซึ่งความจริงแล้วความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารโรงเรียนอัสสัมชัญกับศิษย์เก่าได้มีมาโดยตลอด จนถึงขั้นมีการตั้งคำถามว่ามีความพยายามในการลบเลือนความทรงจำในความเป็นอัสสัมชัญให้หายไป เพื่อที่จะได้ทำมาหากินกับผืนที่ดินและธุรกิจในโรงเรียนให้คล่องตัวมากขึ้นใช่หรือไม่?
"จงตื่นเถิดเปิดตาหาความรู้ เรียนคำครูคำพระเจ้าเฝ้าขยัน จะอุดมสมบัติปัจจุบัน แต่สวรรค์ดีกว่าเราอย่าลืม" เป็นคำสอนของ บราเธอร์ ฟ. ฮีแลร์ ซึ่งได้สลักเอาไว้อยู่บนแผ่นหินงานปูนปั้นพระเยซูซึ่งเป็นผลงานของ ศ.ศิลป์ พีระศรี งานทรงคุณค่านี้เคยอยู่บนตึกเก่าที่บางรัก บัดนี้ตึกประวัติศาสตร์ดังกล่าวก็ได้ถูกทุบทิ้งและสร้างใหม่ตามกาลเวลา
แม้กระทั่งความพยายามของผู้บริหารของโรงเรียนก็เคยมีความคิดและความพยายามจะให้เลิกใช้ตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนอัสสัมชัญแล้วให้มาใช้ตราเครือเซ็นคาเบรียล ก็เคยมีมาแล้ว
คำถามจากศิษย์เก่ายังมีตามมาอีกมากมาย เช่น กรณีการขึ้นค่าเล่าเรียน การออกบอนด์ที่เดิมพยายามให้ผู้ปกครองต้องซื้อ การใช้จ่ายอย่างไม่เหมาะสมของผู้บริหาร ซึ่งดูเหมือนความขัดแย้งเหล่านี้มีให้ได้ยินมาเป็นระยะๆระหว่างผู้บริหารกับศิษย์เก่าของโรงเรียน เพียงแต่เป็นเรื่องที่สังคมไม่ได้ค่อยให้ความสนใจเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งเท่านั้น แม้แต่สื่อมวลชนทั่วๆไปก็ไม่ได้ค่อยให้ความใส่ใจกับประเด็นนี้เท่าไรนัก
ถึงเวลาแล้วที่ผู้บริหารโรงเรียนควรจะต้องตอบคำถามและทำความกระจ่างให้สังคมได้รับทราบ เพราะถ้าสถาบันโรงเรียนเก่าแก่ผู้บริหารโรงเรียนยังไม่สามารถตอบคำถามในด้านจริยธรรมและความโปร่งใสได้แล้ว จะไปเป็นโรงเรียนที่มีครูดีๆ และสอนหนังสือให้เด็กเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของชาติได้อย่างไร?
ขายโรงเรียนอัสสัมชัญ !?
ด้วยความที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลทอง จึงเป็นเป้าหมายที่อยากจะได้ทำเลยนี้ที่สร้างเงินทองอย่างมหาศาล ซึ่งปัจจุบันนี้โรงเรียนอัสสัมชัญ ได้มีการขยายไปที่ถนนพระรามที่ 2 และจะว่าไปแล้วโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก ไม่ได้มีความหมายเป็นเพียงแค่โรงเรียนเท่านั้น แต่ยังถือเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สร้างศิษย์เก่าที่สร้างคุณูปการให้กับประเทศมากมาย
แต่เมื่อเร็วๆนี้ "หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ" ได้เผยแพร่ข้อความในเฟสบุ๊คของตัวเอง และทำให้ศิษย์เก่าโรงเรียนแห่งนี้ และหลายคนที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ได้มีความห่วงใยในโรงเรียนแห่งนี้เอาไว้ โดยหมอนิดได้พิมพ์ข้อความเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2555 แต่ก็ไม่มีสื่อใดให้ความสนใจ จึงขอใช้พื้นที่นี้ช่วยเผยแพร่ข่าวสารชิ้นนี้ให้ผู้อ่านได้ทราบ โดยความบางตอนระบุดังนี้
"โรงเรียนถูกยึด ครูถูกบีบให้เซ็นใบลาออก เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก ที่โรงเรียนชื่อดังและเก่าแก่ ของประเทศไทยกำลังจะถูกยึด ไม่รู้ว่าเป็นความคิดของใครหรือเป็นนโยบายของนักการเมืองคนไหน? ครูทุกคนในโรงเรียนถูกบีบบังคับให้เซ็น...ใบลาออกล่วงหน้า... ถ้าครูคนไหนไม่ยอมเซ็นใบลาออก จะถูกให้ออก พร้อมจ่ายค่าชดเชยให้ เรื่องนี้ไม่มีสื่อไหนลงข่าวเลย ถูกปิดเงียบเหมือนอยู่ในแดนสนธยา ครูหลายคนแต่งชุดดำประท้วงเงียบๆ แต่คงไม่เป็นผล เพราะมีครูบางคนถูกเรียกเข้าไปกล่อมถึงในกระทรวง
ครูที่โรงเรียน อ.ส.ช. กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเหมือนโรงเรียนกำลังถูกการเมืองเข้ามายึด เหมือนนักการเมือง เข้ามากลืนกินโรงเรียน ฟังข่าวนี้แล้วเศร้าใจ ประเทศนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้วหรือนี่? ไม่ทราบว่ามีแผนจะนำโรงเรียน "นำร่อง" ทางการเมืองอะไรบางอย่างหรือเปล่า? หรือจะมีแผนการล้างสมองของเยาวชนไทย?
ผู้ปกครองนักเรียนมาบอกข่าวนี้ ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง และการเมืองกำลังล้วงลูกไปถึงการแต่งตั้ง ผู้อำนวยการ หรืออธิการบดีโรงเรียนเป็นคนของนักการเมืองเข้ามานั่งตำแหน่งนี้
อยากให้ประชาชนคนไทยช่วยกันคนละไม้คนละมือ ออกมาแสดงพลังปกป้องโรงเรียน อ.ส.ช. อย่าให้ตกไปอยู่ในมือของนักการเมืองบางคน ที่คิดจะฮุบโรงเรียน อ.ส.ช.เพื่อประโยชน์ทางการเมือง"
ต่อมา "หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ" ได้ขยายความในเฟสบุ๊คของตัวเองอีกครั้งในวันเดียวกัน โดยได้อธิบายความบางตอนเพิ่มเติมดังนี้
"โรงเรียน แดนสนธยา บางรัก ครูที่โรงเรียนแห่งนี้มี สองสี สองฝ่าย ในขณะนี้ฝ่ายแดงกำลังไล่บี้ให้ครูทุกคนให้เซ็นชื่อลาออกล่วงหน้า เพราะฝ่ายบริหารที่เป็นใหญ่ มีชื่อย่อว่า "อ" ได้ร่วมมือกับนักการเมืองผู้หนึ่ง และข้าราชการบางคน สมรู้ร่วมคิดไปแก้กฎหมาย การรวมเด็กนักเรียนชั้นประถม แถวซอยเซนต์หลุยส์ ให้เอามารวมเข้ากับเด็กนักเรียนมัธยมที่บางรัก ทั้งๆที่มีกฎห้ามเอาไว้ ครูส่วนมากไม่ยอมมาเซ็นชื่อ ก็จะถูกข่มขู่ คุกคาม เจตนาที่ให้ครูเซ็นชื่อลาออกล่วงหน้าก็เพื่อว่าถ้าวันไหนครูคนไหนเอะอะโวยวาย หรือครูคนไหนที่ไม่ทำตามเจตนารมณ์ ของผู้มีอำนาจ เขาก็จะเอาใบลาออกที่ครู้ได้เซ็นชื่อไว้ มาแสดงว่าครูมีควาจำนงที่จะลาออกเอง ชั่วร้ายมากไหมครับ วิธีการนี้เลวมากไหมครับ แผนการนี้
ถ้าโรงเรียนนี้พวกมันทำสำเร็จ โรงเรียนอื่นๆคงจะเป็นคิวต่อไป ไม่น่าเชื่อว่าวิธีการให้ครูทุกคนเซ็นชื่อ.."ลาออก"...ล่วงหน้านี้ ช่างเหมือนกับวิธีการของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ที่คุมทุกอย่างในประเทศ เกือบหมดแล้วเวลานี้ เพราะ ส.ส. ในพรรคทุกคนต้องเซ็นชื่อ "ลาออก" ล่วงหน้า เหมือนกันไม่แว้นแม่แต่นายรกทุกคนในพรรค ไม่เชื่อไปสืบเสาะดูว่าจริงหรือไม่?
อยากวิงวอน ศิษย์เก่า โรงเรียนนี้ทุกท่าน และผู้ปกครองนักเรียนทุกคน ช่วยกันต่อต้านคนชั่ว คนเลว ที่คิดจะมาฮุบโรงเรียนเก่าแก่ อายุร้อยกว่าปีเอาไว้ให้เด็กๆได้มีการศึกษาดี มีครูที่ดี อย่าให้ไปตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนักการเมืองและข้าราชการเลวๆบางคน โรงเรียนมันยังไม่เว้น คิดจะมายึด คิดจะมาฮุบเอาไป ขอให้ครูทุกคน กล้าๆออกมาสู้ เพื่อความถูกต้อง สู้เพื่อความเป็นธรรม"
ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นข้อความบางตอนจากเฟสบุ๊คของ "หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ" ที่ไม่ได้มีสื่อมวลชนที่ไหนสนใจ
ซึ่งความจริงแล้วความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารโรงเรียนอัสสัมชัญกับศิษย์เก่าได้มีมาโดยตลอด จนถึงขั้นมีการตั้งคำถามว่ามีความพยายามในการลบเลือนความทรงจำในความเป็นอัสสัมชัญให้หายไป เพื่อที่จะได้ทำมาหากินกับผืนที่ดินและธุรกิจในโรงเรียนให้คล่องตัวมากขึ้นใช่หรือไม่?
"จงตื่นเถิดเปิดตาหาความรู้ เรียนคำครูคำพระเจ้าเฝ้าขยัน จะอุดมสมบัติปัจจุบัน แต่สวรรค์ดีกว่าเราอย่าลืม" เป็นคำสอนของ บราเธอร์ ฟ. ฮีแลร์ ซึ่งได้สลักเอาไว้อยู่บนแผ่นหินงานปูนปั้นพระเยซูซึ่งเป็นผลงานของ ศ.ศิลป์ พีระศรี งานทรงคุณค่านี้เคยอยู่บนตึกเก่าที่บางรัก บัดนี้ตึกประวัติศาสตร์ดังกล่าวก็ได้ถูกทุบทิ้งและสร้างใหม่ตามกาลเวลา
แม้กระทั่งความพยายามของผู้บริหารของโรงเรียนก็เคยมีความคิดและความพยายามจะให้เลิกใช้ตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนอัสสัมชัญแล้วให้มาใช้ตราเครือเซ็นคาเบรียล ก็เคยมีมาแล้ว
คำถามจากศิษย์เก่ายังมีตามมาอีกมากมาย เช่น กรณีการขึ้นค่าเล่าเรียน การออกบอนด์ที่เดิมพยายามให้ผู้ปกครองต้องซื้อ การใช้จ่ายอย่างไม่เหมาะสมของผู้บริหาร ซึ่งดูเหมือนความขัดแย้งเหล่านี้มีให้ได้ยินมาเป็นระยะๆระหว่างผู้บริหารกับศิษย์เก่าของโรงเรียน เพียงแต่เป็นเรื่องที่สังคมไม่ได้ค่อยให้ความสนใจเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งเท่านั้น แม้แต่สื่อมวลชนทั่วๆไปก็ไม่ได้ค่อยให้ความใส่ใจกับประเด็นนี้เท่าไรนัก
ถึงเวลาแล้วที่ผู้บริหารโรงเรียนควรจะต้องตอบคำถามและทำความกระจ่างให้สังคมได้รับทราบ เพราะถ้าสถาบันโรงเรียนเก่าแก่ผู้บริหารโรงเรียนยังไม่สามารถตอบคำถามในด้านจริยธรรมและความโปร่งใสได้แล้ว จะไปเป็นโรงเรียนที่มีครูดีๆ และสอนหนังสือให้เด็กเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของชาติได้อย่างไร?