เตือนภัย..อย่าไว้ใจทาง อย่า่วางใจคน >> ของหายจากการโหลดกระเป๋าลงเครื่อง โดยสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก!! [ย้ายจาก : กระทู้นอกเรื่อง]

กระทู้สนทนา
เตือนภัยค่ะ สำหรับคนที่เดินทางบ่อยๆ หรือไม่ค่อยได้เดินทางก็ตาม มีคนอยู่เยอะนะคะที่ไม่รู้ว่า "โจร" มีแอบแฝงอยู่ในทุกสถานที่ค่ะ ไม่เว้นแม้กระทั่งที่สนามบิน!!

 บทเรียนราคาแสนแพงนี้ เป็นของครอบครัวเราค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า วันที่29 พฤศจิกายน 2555 ครอบครัวเราประกอบด้วย พ่อ แม่ พี่สาว พี่เขย และหลานสาวตัวเล็ก อายุ1ปีนิดๆ เดินทางมาประเทศไทยด้วยสายการบิน คาเธ่ย์ แปซิฟิก

 เริ่มต้นการออกเดินทางจากประเทศ แคนนาดา โดยโหลดกระเป๋าสัมภาระ(ใบใหญ่)ลงเครื่อง และมีกระเป๋าเดินทาง(ใบเล็ก)ติดตัว สำหรับนำขึ้นเครื่องบิน

 เรื่องเกิดตอนที่ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ระหว่างที่กำลังฉุกละหุกรีบขึ้นเครื่องบิน ก็มีเจ้าหน้าที่ชายของสายการบินคาเธ่ย์1คน เข้ามาเสนอว่า ให้เอากระเป๋าเดินทางใบเล็กไปโหลดขึ้นเครื่อง ด้วยเพราะข้างนอกฝนตก พื้นลื่นและทางเราต้องเดินขึ้นบันไดจากพื้นขึ้นตัวเครื่อง ซึ่งอาจจะไม่สะดวกนักเพราะพ่อแม่ก็อายุเยอะ ส่วนพี่สาวก็ต้องอุ้มลูกสาวตัวน้อยอีก (และแต่ละคนก็ยังมีกระเป๋าถือซึ่งใส่ของค่อนข้างเยอะอยู่ด้วย)

 ที่แรกก็ไม่ต้องการที่จะฝากกระเป๋าลงโหลดใต้เครื่อง แต่ทางเจ้าหน้าที่ของสายการบินได้แนะนำว่าควรที่จะโหลดกระเป๋า จะได้ไม่ลำบากในการถือขึ้นเครื่อง พี่เขยซึ่งถือกระเป๋าของตัวเองและของพี่สาว ตัดสินใจฝากกระเป๋าเดินทางสองใบนั้นให้เจ้าหน้าที่ไปโหลดลงเครื่องโดยไม่ได้เอะใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากการฝากกระเป๋าสองใบนั้นไป ซึ่งหนึ่งในกระเป๋าสองใบนั้นมีของมีค่าอยู่

 จากฮ่องกงเดินทางมาถึงประเทศไทย เราไปรับที่สนามบินก็ได้แต่แปลกใจ ทำไมออกมาช้าจัง ซึ่งพอแม่ออกมาจากประตูก็บอกว่า กระเป๋าออกมาช้า ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่ควรออกมาก่อน จนพอถึงบ้าน พี่เขยจะเอาของออกจากกระเป๋าเดินทางใบเล็ก จึงรู้ว่าของหายค่ะ ทรัพย์สินที่สูญหายมีมูลค่ารวมประมาณ 1.5 ล้านบาท

 ในกระเป๋าใบนั้นประกอบด้วย นาฬิกา3เรือน และเงินสด หายหมดค่ะ คนที่เอาไปก็แสนดี..เหลือแต่กล่องนาฬิกา และหมอนที่ไว้วางนาฬิกาไว้ให้ ซึ่งโดยปกติหมอนจะต้องอยู่กับนาฬิกาในกล่อง แต่พอเปิดกระเป๋ามาก็เจอแต่หมอนวางอยู่ข้างนอกกล่อง 3 ใบค่ะ พี่เขยตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ
เราจึงรีบออกจากบ้าน และรีบกลับไปแจ้งความที่สถานีตำรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิทันที ซึ่งตำรวจก็รับเรื่องไว้ และทางเราได้แจ้งไปยังทางสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก และสายการบินไทย ซึ่งเป็นคนดูแลกระเป๋าสัมภาระให้กับทางคาเธ่ย์ แปซิฟิกค่ะ

 ของหาย มูลค่า เกิน1ล้านบาท แต่เชื่อไหมคะ มีแต่ทางเราต้องคอยสอบถามหาความคืบหน้า และไม่เคยนิ่งนอนใจ มีทางไหนที่พอจะหาคนร้ายได้ เราก็จะทำ แต่ผ่านไปจะเดือนนึงแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยค่ะ ตอนนี้ทางเราจึงได้ตัดสินใจให้ทางสื่อช่วยอีกด้านค่ะ มีการลงเรื่องทางหนังสือพิมพ์และในเน็ต เพื่อเป็นการกระจายข่าว เผื่อมีใครรู้เบาะแสเกี่ยวกับพฤติกรรมที่น่ารังเกียจแบบนี้ จะได้ช่วยกันแจ้งไปที่สถานีตำรวจ

ตอนนี้ได้แต่เสียความรู้สึกกับสายการบิน ทางเราเดินทาง ใช้บริการสายการบินของคุณ  แต่พอเกิดเรื่อง ทางสายการบินก็ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบเท่าที่ควร

อยากจะแจ้งให้ทราบนิดนึงนะค่ะว่าพี่เขยไม่ใช่คนไทย และการมาเมืองไทยครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สอง คนเมืองนอกส่วนใหญ่ไว้ใจคนง่ายค่ะ เพราะบ้านเมืองเค้าไม่มีคนร้ายชุกชุมเหมือนบ้านเรา อีกอย่างพี่เขยคงลืมว่าในกระเป๋าใบนั้นมีของมีค่า เพราะถือกระเป๋ากันมาหลายใบมาก รวมถึงกระเป๋าที่ใส่ของใช้ของหลานสาว บวกกันตอนฝากก็รีบและฉุกละหุกจริงๆ และคงไม่ทันคิดว่า ไม่ควรไว้ใจใครค่ะโดยเฉพาะคนแปลกหน้า หรือผู้ที่แสดงตนเหมือนว่าจะหวังดี

 เราไม่อยากให้คนอื่นเจอเรื่องแบบนี้อีก อย่างน้อยก็อยากให้ระวังค่ะ จากการสอบถามเพื่อนๆ ญาติๆ ที่เดินทางกันบ่อยๆ รวมถึง search เรื่องราวทำนองนี้ในเน็ต  ปรากฏว่ามีหลายคนบอกว่าเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้กับตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่เคยมีใครเข้าแจ้งความ หรือนำเสนอเรื่องตามสื่อต่างๆแต่อย่างใด เนื่องจากว่าทรัพย์สินที่สูญหายไปนั้นมีมูลค่าไม่มากนัก

เราก็ได้แต่สงสัย นะคะ กระเป๋าอยู่แต่กับเจ้าหน้าที่เท่านั้น ก่อนจะโหลดลงเครื่อง คนนอกไม่มีโอกาสได้แตะต้องกระเป๋า แล้วแบบนี้ของที่หายไป มีโอกาสสูงไหมคะว่าจะเป็นฝีมือของโจรในคราบของพนักงานของสายการบิน

 หลังจากที่ตามเรื่องเรื่อยๆ พนักงานของสายการบินได้ติดต่อมา และจะทำการชดเชยเงินให้เป็นมูลค่าประมาณสามหมื่นบาทค่ะ ของมูลค่าล้านห้า ชดเชยสามหมื่นบาท แล้วเรื่องคนร้ายที่ไม่มีความคืบหน้าใดๆอีก ทำงานกันยังไงคะเนี่ย ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ใส่ใจจะหาคนทำผิดด้วยซ้ำ

ทางตำรวจได้ดูกล้องวงจรปิดจากสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสิ่งที่ปกติเกิดขึ้น เพราะทางตำรวจก็ได้บอกให้ทางเราทราบว่า มีบางจุดซึ่งเป็นจุดบอด เป็นจุดที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพ หรือมองเห็น  ตอนนี้เราก็รอความคืบหน้าของทางสายการบินคาเธ่ย์ที่ฮ่องกงอยู่ค่ะ ซึ่งไม่รู้ว่าประสานงานตามเรื่องให้ถึงไหนแล้ว ทั้งนี้ทางเราแจ้งไปแต่แรกแล้วว่า ขอให้ตรวจลายนิ้วมือ ทางเรายินดีหากต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเอง แต่ก็เหมือนที่กล่าวไปค่ะ เรื่องก็ยังเงียบ

 เราก็มีติดต่อสื่อหลายๆทางนะคะ อยากให้โลกรับรู้เรื่องนี้ค่ะ อยากให้ทางผู้บริหารของสายการบินออกมารับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่านี้ และที่สำคัญเหมือนที่กล่าวไปแล้ว อยากให้ทุกคนระมัดระวังมากๆค่ะ อย่าไว้ใจใคร โดยเฉพาะผู้ที่ทำตัวเหมือนผู้หวังดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่