แก้ไข
กสทช. ( บอร์ดมือถือ ) เริ่มเน้นคุ้มครองผู้บริโภค สลัดคดีขึ้นศาลนับ100000 ( ขอคนร้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือน )
ประเด็นหลัก
การแก้ปัญหาในเรื่องนี้ จะต้องมองที่แก่นของปัญหาและวิเคราะห์เหตุแห่งปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยจะต้องเกาให้ถูกที่คัน ทั้งนี้เห็นว่าควรเน้นการจัดการปัญหาที่ ต้นน้ำ" แทนที่จะไปเน้นเฉพาะการเยียวยาปัญหาที่ปลายน้ำ" สำหรับการจัดการปัญหาที่ ต้นน้ำ"นั้น สามารถดำเนินการได้โดยเน้นการให้องค์ความรู้แก่ผู้บริโภคทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งพื้นที่ห่างไกล เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ในการปกป้องสิทธิของผู้บริโภค หากถูกผู้ประกอบการเอาเปรียบจากการใช้บริการมือถือ เพื่อให้ทราบว่าผู้บริโภคจะเข้าถึงช่องทางในการปกป้องสิทธิตัวเองอย่างไร และจะมีเครื่องมือใดในการขับเคลื่อนให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งการปกป้องสิทธินั้น
ที่สำคัญข้อมูลที่ให้ผู้บริโภคจะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือน สำหรับในส่วนของผู้ให้บริการก็จะต้องมีการกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งเน้นเพื่อให้เข้าใจบทบาท หน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้ใช้บริการตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนสร้างความเข้าใจถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากมีการฝ่าฝืนกฎหมายและขาดความรับผิดชอบต่อสังคม
สำหรับการเยียวยาปัญหาผู้บริโภคที่ถูกเอาเปรียบในกิจการโทรคมนาคม ที่ปลายน้ำ" ซึ่ง กสทช. ต้องดำเนินการควบคู่ไป นั้น ขณะนี้ กสทช.กำลังเร่งยกเครื่องระบบการรับเรื่องร้องเรียน โดยมีแนวคิดจะจัดทำในรูปแบบ วันสต็อปเซอร์วิส" เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมในการร้องเรียนปัญหาการใช้บริการ นอกจากนี้ กสทช. ยังได้ออกระเบียบว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทฯ เพื่อเปิดเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการระงับข้อพิพาท ซึ่งปัจจุบันมีผลบังคับใช้แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาระบบงานธุรการ และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ดร.สุทธิพล กล่าวด้วยว่า การบริหารจัดการข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการมือถือนั้น มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่กระบวนการศาลยุติธรรมเองก็มีการต่อยอดระบบไกล่เกลี่ยคดีและระงับข้อพิพาทคดีไปสู่การตั้ง ศูนย์สมานฉันท์และสันติวิธี ส่งผลทำให้ศาลยุติธรรมสามารถบริหารจัดการคดีโดยไม่ต้องเข้าสู่สารบบการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมได้ปีละกว่า 100,000 คดี สำนักงาน กสทช.จึงมีแผนงานต่อยอดโครงการนี้เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้สิทธิของตัวเองต่อการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ใช้บริการมือถือ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเองในการไม่ละเมิดสิทธิของผู้บริโภคและเรียนรู้การเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมือถือด้วยเช่นกัน ดังนั้นสำนักงาน กสทช.ร่วมกับสำนักงานศาลยุติธรรมจึงจะจัดงานสัมมนาเรื่อง การไกล่เกลี่ยกับทางเลือกใหม่ของการระงับข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการโทรคมนาคม ในวันพุธที่ 26 ธันวาคม 2555 ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อแนะนำกลไกการไกล่เกลี่ยในด้านโทรคมนาคมให้เป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้บริโภคในการระงับข้อพิพาทที่มีต่อผู้ประกอบการโทรคมนาคม ตลอดจนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
________________________________
กสทช.เร่งวางมาตรการรองรับข้อพิพาทโทรคมฯ เน้นคุ้มครองผู้บริโภค
นายสุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ด้านกฎหมายในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อมีการเปิดให้บริการ 3 จี อย่างเต็มรูปแบบแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือข้อพิพาทมือถือระหว่างผู้บริโภคที่ใช้บริการกับผู้ให้บริการจะเพิ่มขึ้นว ดังนั้นนอกจากจะเร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการ ตลอดจนนำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคแล้ว กสทช. จำเป็นจะต้องสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในกิจการโทรคมนาคมให้รู้จักบทบาท หน้าที่ และสิทธิ์ ที่พึ่งมีพึ่งปฎิบัติตามกรอบ กติกา ของกฎหมายที่บัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด
ในฐานะที่ กสทช. โดย บอร์ด กทค. เป็นหน่วยงานออกใบอนุญาตและมีหน้าที่กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม จึงต้องวางมาตรการรองรับปัญหาข้อพิพาทมือถือไว้ล่วงหน้า และเพื่อเป็นการทำงานในเชิงรุก ซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นว่า กระบวนการทำงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม จะต้องก้าวสู่ยุค คิดในเชิงบวกทำในเชิงบวกทั้งระบบ" เพราะที่ผ่านมางานคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ถูกมองว่ามีลักษณะจ้องจับผิดรายวันในประเด็นปัญหาปลีกย่อยและมุ่งตำหนิการทำงานของบอร์ดและสำนักงาน กสทช. ซึ่งมิได้เป็นการมองที่แก่นของปัญหาหรือมิได้มองไปที่เหตุแห่งปัญหา ส่งผลให้เป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดและขาดประสิทธิภาพในการเยียวยาปัญหาความเดือดร้อนของผู้บริโภคจากการถูกเอารัดเอาเปรียบในการใช้บริการมือถือ จนกลายเป็นปัญหารื้อรังมาจนถึงปัจจุบัน
การแก้ปัญหาในเรื่องนี้ จะต้องมองที่แก่นของปัญหาและวิเคราะห์เหตุแห่งปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยจะต้องเกาให้ถูกที่คัน ทั้งนี้เห็นว่าควรเน้นการจัดการปัญหาที่ ต้นน้ำ" แทนที่จะไปเน้นเฉพาะการเยียวยาปัญหาที่ปลายน้ำ" สำหรับการจัดการปัญหาที่ ต้นน้ำ"นั้น สามารถดำเนินการได้โดยเน้นการให้องค์ความรู้แก่ผู้บริโภคทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งพื้นที่ห่างไกล เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ในการปกป้องสิทธิของผู้บริโภค หากถูกผู้ประกอบการเอาเปรียบจากการใช้บริการมือถือ เพื่อให้ทราบว่าผู้บริโภคจะเข้าถึงช่องทางในการปกป้องสิทธิตัวเองอย่างไร และจะมีเครื่องมือใดในการขับเคลื่อนให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งการปกป้องสิทธินั้น
ที่สำคัญข้อมูลที่ให้ผู้บริโภคจะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือน สำหรับในส่วนของผู้ให้บริการก็จะต้องมีการกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งเน้นเพื่อให้เข้าใจบทบาท หน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้ใช้บริการตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนสร้างความเข้าใจถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากมีการฝ่าฝืนกฎหมายและขาดความรับผิดชอบต่อสังคม
"การจัดการปัญหาที่ต้นน้ำ ในเรื่องขุ้มครองผู้บริโภค คือการป้องปรามปัญหามิให้เกิดขึ้น มิใช่รอจนเกิดปัญหาแล้วค่อยไปหามาตรการเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งนอกเหนือจากการให้องค์ความรู้ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผมยังคิดว่า การสร้างกลไกการขับเคลื่อนให้ผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการใช้บริการมือถือให้มีความเข้มแข็งอย่างแท้จริง ก็คือ จะต้องเปิดกว้างให้ผู้บริโภคที่เป็นตัวแทนจากทุกกลุ่มของสังคมไทย เช่น ผู้บริโภคที่เป็นผู้ด้อยโอกาสทางสังคม กลุ่มคนพิการทางสายตา พิการทางหู พิการในส่วนต่างๆของร่างกาย กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเยาวชน กลุ่มผู้บริโภคในสังคมโซเซียลเน็ตเวิร์ค หรือ แม้แต่กลุ่มผู้บริโภคที่มีความหลากหลายทางเพศ ฯลฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกับ กสทช. ในการวิเคราะห์สภาพปัญหาและหามาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น"นายสุทธิพล กล่าว
ทั้งนี้ งานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและที่สำคัญต้องไม่มีการผูกขาดแนวความคิดหรือถูกจำกัดกรอบการดำเนินการโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ควรจะต้องอาศัยการมีส่วนร่วมอย่างหลากหลายและต้องทำในเชิงสร้างสรรค์ ในลักษณะการคิดในเชิงบวกทำในเชิงบวก ซึ่งหากไม่มีการปรับปรุงวิธีการทำงานแล้วก็ยากที่จะทำให้งานคุ้มครองผู้บริโภคประสบผลสำเร็จ โดยในเบื้องต้นเพื่อให้งานสามารถขับเคลื่อนไปได้ควรจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการการมีส่วนร่วมเพื่อทำงานในเชิงรุก ส่วนในระยะยาวน่าจะพิจารณาให้มีการปรับปรุงโครงสร้างสำนักงาน กสทช.โดยเพิ่มเติมในส่วนงานด้านการมีส่วนร่วม สำหรับรูปแบบที่ชัดเจนจำเป็นจะต้องมีการหารือในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความรอบคอบ
สำหรับการเยียวยาปัญหาผู้บริโภคที่ถูกเอาเปรียบในกิจการโทรคมนาคม ที่ปลายน้ำ" ซึ่ง กสทช. ต้องดำเนินการควบคู่ไป นั้น ขณะนี้ กสทช.กำลังเร่งยกเครื่องระบบการรับเรื่องร้องเรียน โดยมีแนวคิดจะจัดทำในรูปแบบ วันสต็อปเซอร์วิส" เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมในการร้องเรียนปัญหาการใช้บริการ นอกจากนี้ กสทช. ยังได้ออกระเบียบว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทฯ เพื่อเปิดเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการระงับข้อพิพาท ซึ่งปัจจุบันมีผลบังคับใช้แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาระบบงานธุรการ และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อินโฟเควสท์
http://www.ryt9.com/s/iq05/1556045________________________________
สุทธิพล เปิดเกมรุกคุ้มครองผู้บริโภครับปีใหม่ในยุค 3G
- จับมือศาลยุติธรรมผลิตบุคลากรด้านไกล่เกลี่ยเพื่อรับข้อพิพาทมือถือพุ่ง
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผย ภายหลังจากเป็นประธานเปิดโครงการอบรมหลักสูตร ความรู้และเทคนิคการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านโทรคมนาคม จัดขึ้น ณ โรงแรม ชาโต เดอ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 17-20 ธ.ค. 2555 ว่า โครงการนี้เป็นผลพวงจากความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงาน กสทช. เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบระงับข้อพิพาทด้านโทรคมนาคมโดยวิธีไกล่เกลี่ย ซึ่งล่าสุด กสทช. ได้ออกระเบียบ กสทช.ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมและผู้ร้องเรียน พ.ศ. 2555 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยปัจจุบันสำนักงาน กสทช.อยู่ระหว่างการจัดระบบงานธุรการและเตรียมบุคลากรเพื่อรองรับการดำเนินการตามระเบียบนี้ โดย กสทช. ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากศาลยุติธรรม โดยเฉพาะท่านวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานร่วมในพิธีเปิดโครงการอบรมฯนี้ด้วย ทั้งยังสนับสนุนคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากศาลยุติธรรม ในการนี้ กสทช.ยังได้รับความอนุเคราะห์องค์ความรู้จาก กูรู ทางด้านการไกล่เกลี่ยและการเจรจาด้วยสันติวิธี อาทิ ศ. นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ ผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันพระปกเกล้า , นายโชติช่วง ทัพวงศ์ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์ภาค 7 รศ.ดร.โคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ฯลฯ ในการเติมองค์ความรู้และถือเป็นโอกาสที่ดียิ่งที่บุคลากรของกสทช.จะเรียนรู้จากประสบการณ์ของศาลยุติธรรม และ กูรู เหล่านี้ นำความรู้มาต่อยอดกับแง่มุมของ กสทช. เพื่อนำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้กับข้อพิพาทด้านโทรคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ว
จากความร่วมมือและการสนับสนุนของสำนักงานศาลยุติธรรม ทำให้สำนักงาน กสทช.จัดติวเข้มบุคลากรกสทช.ทั่วประเทศ ด้วยการฝึกอบรมและสร้างความคุ้นเคยกับวิธีการไกล่เกลี่ย เพื่อเตรียมรับข้อพิพาทและมุ่งคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเต็มที่ หลังเปิดบริการมือถือระบบ 3 จี โดยเน้นการเพิ่มทางเลือกในการระงับข้อพิพาทให้ผู้บริโภคด้วยการสร้างกลไกในการบังคับใช้ระเบียบ กสทช.ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยเรื่องร้องเรียนระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดประสิทธิภาพ ทั้งนี้เพื่อให้คู่กรณีทราบว่า ถ้าร้องเรียนเข้ามายัง กสทช. เกี่ยวกับข้อพิพาทมือถือแล้วจะมีระบบในการทำงานอย่างไรให้คู่กรณีเกิดความมั่นใจในระบบ และที่สำคัญต้องมีระบบบริหารที่ครบวงจร โดยมีบุคลากรให้คำแนะนำแก่ผู้ร้องเรียน มีการจัดห้องไกล่เกลี่ยอย่างเป็นระบบและเน้นบรรยากาศที่ผ่อนคลายเป็นมิตรระหว่างกันเพื่อนำไปสู่การหาทางออกร่วมกัน ดังนั้นจึงควรแยกประเภทข้อพิพาทเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการข้อพิพาทที่ร้องเรียนเข้ามายัง กสทช.
ในการนี้ นายอดุลย์ ขันทอง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ในฐานะกำกับดูแลสำนักระงับข้อพิพาทของสำนักงานศาลยุติธรรม ได้แสดงความชื่นชมถึงแนวทางการทำงานของกสทช.ที่นำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้ในการระงับข้อพิพาทด้านโทรคมนาคม ว่า กสทช.เดินมาถูกทางแล้ว ในขณะที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ได้ให้ข้อสังเกต ว่า เมื่อมีการเปิดให้บริการ 3 จี อย่างเต็มรูปแบบแล้ว คาดว่าจะมีข้อพิพาทมือถือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กสทช.จำเป็นจะต้องตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยเพื่อให้มีการบังคับใช้ระเบียบไกล่เกลี่ยของกสทช.โดยเร็ว เพื่อรองรับปริมาณเรื่องร้องเรียนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ดร.สุทธิพล กล่าวด้วยว่า การบริหารจัดการข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการมือถือนั้น มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่กระบวนการศาลยุติธรรมเองก็มีการต่อยอดระบบไยคดีและระงับข้อพิพาทคดีไปสู่การตั้ง ศูนย์สมานฉันท์และสันติวิธี ส่งผลทำให้ศาลยุติธรรมสามารถบริหารจัดการคดีโดยไม่ต้องเข้าสู่สารบบการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมได้ปีละกว่า 100,000 คดี สำนักงาน กสทช.จึงมีแผนงานต่อยอดโครงการนี้เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้สิทธิของตัวเองต่อการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ใช้บริการมือถือ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเองในการไม่ละเมิดสิทธิของผู้บริโภคและเรียนรู้การเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมือถือด้วยเช่นกัน ดังนั้นสำนักงาน กสทช.ร่วมกับสำนักงานศาลยุติธรรมจึงจะจัดงานสัมมนาเรื่อง การไกล่เกลี่ยกับทางเลือกใหม่ของการระงับข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการโทรคมนาคม ในวันพุธที่ 26 ธันวาคม 2555 ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อแนะนำกลไกการไกล่เกลี่ยในด้านโทรคมนาคมให้เป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้บริโภคในการระงับข้อพิพาทที่มีต่อผู้ประกอบการโทรคมนาคม ตลอดจนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
มีความเข้าใจอย่างผิดๆว่า การนำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้เป็นการเลี่ยงไม่บังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายด้านโทรคมนาคมเพื่อเป็นการช่วยผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นเรื่องที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก เพราะแท้จริงแล้วกลไกไกล่เกลี่ยได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นกลไกระงับข้อพิพาททางเลือกที่มีประสิทธิภาพที่สุด และจะช่วยให้การบังคับกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยรองรับเรื่องร้องเรียนในยุค 3 จี อย่างได้ผล โดยจะดำเนินการในเรื่องนี้ควบคู่ไปกับการปรับปรุงกลไกรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคมากที่สุด ดร.สุทธิพล กล่าวทิ้งท้าย
ThaiPR.net
http://www.ryt9.com/s/prg/1556079_______________________________
กสทช.เดินหน้าเปิดเกมรุกคุ้มครองผู้บริโภครับ3จี
สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการ กสทช. เปิดเกมรุกคุ้มครองผู้บริโภครับปีใหม่ในยุค 3จี จับมือศาลยุติธรรมผลิตบุคลากรด้านไกล่เกลี่ยเพื่อรับข้อพิพาทมือถือพุ่ง...
นาย สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังจากเป็นประธานเปิดโครงการอบรมหลักสูตร ความรู้ และเทคนิคการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านโทรคมนาคม ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17-20 ธ.ค. 2555 ที่ผ่านมา ว่า โครงการนี้เป็นผลพวงจากความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงาน กสทช. เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบระงับข้อพิพาทด้านโทรคมนาคม โดยวิธีไกล่เกลี่ย ซึ่งล่าสุด กสทช. ได้ออกระเบียบ กสทช.ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ โทรคมนาคมและผู้ร้องเรียน พ.ศ. 2555 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยปัจจุบันสำนักงาน กสทช. อยู่ระหว่างการจัดระบบงานธุรการและเตรียมบุคลากร เพื่อรองรับการดำเนินการตามระเบียบนี้
ทั้งนี้ จากความร่วมมือและการสนับสนุนของสำนักงานศาลยุติธรรม ทำให้สำนักงาน กสทช. จัดติวเข้มบุคลากร กสทช.ทั่วประเทศ ด้วยการฝึกอบรมและสร้างความคุ้นเคยกับวิธีการไกล่เกลี่ย เพื่อเตรียมรับข้อพิพาทและมุ่งคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเต็มที่ หลังเปิดบริการมือถือระบบ 3 จี โดยเน้นการเพิ่มทางเลือกในการระงับข้อพิพาทให้ผู้บริโภคด้วยการสร้างกลไกใน การบังคับใช้ระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยเรื่องร้องเรียนระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการให้ เกิดความเป็นธรรมและเกิดประสิทธิภาพ
กรรมการ กสทช. กล่าวต่อว่า การบริหารจัดการข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการมือถือนั้น มีความจำเป็นมาก เพราะแม้แต่กระบวนการศาลยุติธรรมเองก็มีการต่อยอดระบบไกล่เกลี่ยคดีและระงับ ข้อพิพาทคดีไปสู่การตั้งศูนย์สมานฉันท์และสันติวิธี ส่งผลทำให้ศาลยุติธรรมสามารถบริหารจัดการคดี โดยไม่ต้องเข้าสู่สารบบการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมได้ปีละกว่า 1 แสนคดี ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการก็ต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเองในการไม่ละเมิดสิทธิของผู้ บริโภคและเรียนรู้การเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมือถือด้วยเช่นกัน
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ข้อสังเกตเมื่อเปิดให้บริการ 3จี อย่างเต็มรูปแบบแล้ว คาดว่าจะมีข้อพิพาทมือถือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กสทช.จำเป็นต้องตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยเพื่อบังคับใช้ระเบียบไกล่เกลี่ยของ กสทช.โดยเร็ว เพื่อรองรับปริมาณเรื่องร้องเรียนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช.จะจัดงานสัมมนาเรื่อง การไกล่เกลี่ยกับทางเลือกใหม่ของการระงับข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ ประกอบการโทรคมนาคม เพื่อแนะนำกลไกการไกล่เกลี่ยในด้านโทรคมนาคมให้เป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นแก่ ผู้บริโภคในการระงับข้อพิพาทที่มีต่อผู้ประกอบการโทรคมนาคม ตลอดจนสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น ในวันที่ 26 ธ.ค. 2555 ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ.
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/315189
กสทช. ( บอร์ดมือถือ ) เร่มเน้นคุ้มครองผู้บริโภค สลัดคดีขึ้นศาลนับ100000 ( ขอคนร้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือน )
กสทช. ( บอร์ดมือถือ ) เริ่มเน้นคุ้มครองผู้บริโภค สลัดคดีขึ้นศาลนับ100000 ( ขอคนร้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือน )
ประเด็นหลัก
การแก้ปัญหาในเรื่องนี้ จะต้องมองที่แก่นของปัญหาและวิเคราะห์เหตุแห่งปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยจะต้องเกาให้ถูกที่คัน ทั้งนี้เห็นว่าควรเน้นการจัดการปัญหาที่ ต้นน้ำ" แทนที่จะไปเน้นเฉพาะการเยียวยาปัญหาที่ปลายน้ำ" สำหรับการจัดการปัญหาที่ ต้นน้ำ"นั้น สามารถดำเนินการได้โดยเน้นการให้องค์ความรู้แก่ผู้บริโภคทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งพื้นที่ห่างไกล เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ในการปกป้องสิทธิของผู้บริโภค หากถูกผู้ประกอบการเอาเปรียบจากการใช้บริการมือถือ เพื่อให้ทราบว่าผู้บริโภคจะเข้าถึงช่องทางในการปกป้องสิทธิตัวเองอย่างไร และจะมีเครื่องมือใดในการขับเคลื่อนให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งการปกป้องสิทธินั้น
ที่สำคัญข้อมูลที่ให้ผู้บริโภคจะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือน สำหรับในส่วนของผู้ให้บริการก็จะต้องมีการกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งเน้นเพื่อให้เข้าใจบทบาท หน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้ใช้บริการตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนสร้างความเข้าใจถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากมีการฝ่าฝืนกฎหมายและขาดความรับผิดชอบต่อสังคม
สำหรับการเยียวยาปัญหาผู้บริโภคที่ถูกเอาเปรียบในกิจการโทรคมนาคม ที่ปลายน้ำ" ซึ่ง กสทช. ต้องดำเนินการควบคู่ไป นั้น ขณะนี้ กสทช.กำลังเร่งยกเครื่องระบบการรับเรื่องร้องเรียน โดยมีแนวคิดจะจัดทำในรูปแบบ วันสต็อปเซอร์วิส" เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมในการร้องเรียนปัญหาการใช้บริการ นอกจากนี้ กสทช. ยังได้ออกระเบียบว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทฯ เพื่อเปิดเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการระงับข้อพิพาท ซึ่งปัจจุบันมีผลบังคับใช้แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาระบบงานธุรการ และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ดร.สุทธิพล กล่าวด้วยว่า การบริหารจัดการข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการมือถือนั้น มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่กระบวนการศาลยุติธรรมเองก็มีการต่อยอดระบบไกล่เกลี่ยคดีและระงับข้อพิพาทคดีไปสู่การตั้ง ศูนย์สมานฉันท์และสันติวิธี ส่งผลทำให้ศาลยุติธรรมสามารถบริหารจัดการคดีโดยไม่ต้องเข้าสู่สารบบการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมได้ปีละกว่า 100,000 คดี สำนักงาน กสทช.จึงมีแผนงานต่อยอดโครงการนี้เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้สิทธิของตัวเองต่อการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ใช้บริการมือถือ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเองในการไม่ละเมิดสิทธิของผู้บริโภคและเรียนรู้การเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมือถือด้วยเช่นกัน ดังนั้นสำนักงาน กสทช.ร่วมกับสำนักงานศาลยุติธรรมจึงจะจัดงานสัมมนาเรื่อง การไกล่เกลี่ยกับทางเลือกใหม่ของการระงับข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการโทรคมนาคม ในวันพุธที่ 26 ธันวาคม 2555 ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อแนะนำกลไกการไกล่เกลี่ยในด้านโทรคมนาคมให้เป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้บริโภคในการระงับข้อพิพาทที่มีต่อผู้ประกอบการโทรคมนาคม ตลอดจนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
________________________________
กสทช.เร่งวางมาตรการรองรับข้อพิพาทโทรคมฯ เน้นคุ้มครองผู้บริโภค
นายสุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ด้านกฎหมายในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อมีการเปิดให้บริการ 3 จี อย่างเต็มรูปแบบแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือข้อพิพาทมือถือระหว่างผู้บริโภคที่ใช้บริการกับผู้ให้บริการจะเพิ่มขึ้นว ดังนั้นนอกจากจะเร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการ ตลอดจนนำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคแล้ว กสทช. จำเป็นจะต้องสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในกิจการโทรคมนาคมให้รู้จักบทบาท หน้าที่ และสิทธิ์ ที่พึ่งมีพึ่งปฎิบัติตามกรอบ กติกา ของกฎหมายที่บัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด
ในฐานะที่ กสทช. โดย บอร์ด กทค. เป็นหน่วยงานออกใบอนุญาตและมีหน้าที่กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม จึงต้องวางมาตรการรองรับปัญหาข้อพิพาทมือถือไว้ล่วงหน้า และเพื่อเป็นการทำงานในเชิงรุก ซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นว่า กระบวนการทำงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม จะต้องก้าวสู่ยุค คิดในเชิงบวกทำในเชิงบวกทั้งระบบ" เพราะที่ผ่านมางานคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ถูกมองว่ามีลักษณะจ้องจับผิดรายวันในประเด็นปัญหาปลีกย่อยและมุ่งตำหนิการทำงานของบอร์ดและสำนักงาน กสทช. ซึ่งมิได้เป็นการมองที่แก่นของปัญหาหรือมิได้มองไปที่เหตุแห่งปัญหา ส่งผลให้เป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดและขาดประสิทธิภาพในการเยียวยาปัญหาความเดือดร้อนของผู้บริโภคจากการถูกเอารัดเอาเปรียบในการใช้บริการมือถือ จนกลายเป็นปัญหารื้อรังมาจนถึงปัจจุบัน
การแก้ปัญหาในเรื่องนี้ จะต้องมองที่แก่นของปัญหาและวิเคราะห์เหตุแห่งปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยจะต้องเกาให้ถูกที่คัน ทั้งนี้เห็นว่าควรเน้นการจัดการปัญหาที่ ต้นน้ำ" แทนที่จะไปเน้นเฉพาะการเยียวยาปัญหาที่ปลายน้ำ" สำหรับการจัดการปัญหาที่ ต้นน้ำ"นั้น สามารถดำเนินการได้โดยเน้นการให้องค์ความรู้แก่ผู้บริโภคทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งพื้นที่ห่างไกล เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ในการปกป้องสิทธิของผู้บริโภค หากถูกผู้ประกอบการเอาเปรียบจากการใช้บริการมือถือ เพื่อให้ทราบว่าผู้บริโภคจะเข้าถึงช่องทางในการปกป้องสิทธิตัวเองอย่างไร และจะมีเครื่องมือใดในการขับเคลื่อนให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งการปกป้องสิทธินั้น
ที่สำคัญข้อมูลที่ให้ผู้บริโภคจะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือน สำหรับในส่วนของผู้ให้บริการก็จะต้องมีการกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งเน้นเพื่อให้เข้าใจบทบาท หน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้ใช้บริการตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนสร้างความเข้าใจถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากมีการฝ่าฝืนกฎหมายและขาดความรับผิดชอบต่อสังคม
"การจัดการปัญหาที่ต้นน้ำ ในเรื่องขุ้มครองผู้บริโภค คือการป้องปรามปัญหามิให้เกิดขึ้น มิใช่รอจนเกิดปัญหาแล้วค่อยไปหามาตรการเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งนอกเหนือจากการให้องค์ความรู้ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผมยังคิดว่า การสร้างกลไกการขับเคลื่อนให้ผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการใช้บริการมือถือให้มีความเข้มแข็งอย่างแท้จริง ก็คือ จะต้องเปิดกว้างให้ผู้บริโภคที่เป็นตัวแทนจากทุกกลุ่มของสังคมไทย เช่น ผู้บริโภคที่เป็นผู้ด้อยโอกาสทางสังคม กลุ่มคนพิการทางสายตา พิการทางหู พิการในส่วนต่างๆของร่างกาย กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเยาวชน กลุ่มผู้บริโภคในสังคมโซเซียลเน็ตเวิร์ค หรือ แม้แต่กลุ่มผู้บริโภคที่มีความหลากหลายทางเพศ ฯลฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกับ กสทช. ในการวิเคราะห์สภาพปัญหาและหามาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น"นายสุทธิพล กล่าว
ทั้งนี้ งานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและที่สำคัญต้องไม่มีการผูกขาดแนวความคิดหรือถูกจำกัดกรอบการดำเนินการโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ควรจะต้องอาศัยการมีส่วนร่วมอย่างหลากหลายและต้องทำในเชิงสร้างสรรค์ ในลักษณะการคิดในเชิงบวกทำในเชิงบวก ซึ่งหากไม่มีการปรับปรุงวิธีการทำงานแล้วก็ยากที่จะทำให้งานคุ้มครองผู้บริโภคประสบผลสำเร็จ โดยในเบื้องต้นเพื่อให้งานสามารถขับเคลื่อนไปได้ควรจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการการมีส่วนร่วมเพื่อทำงานในเชิงรุก ส่วนในระยะยาวน่าจะพิจารณาให้มีการปรับปรุงโครงสร้างสำนักงาน กสทช.โดยเพิ่มเติมในส่วนงานด้านการมีส่วนร่วม สำหรับรูปแบบที่ชัดเจนจำเป็นจะต้องมีการหารือในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความรอบคอบ
สำหรับการเยียวยาปัญหาผู้บริโภคที่ถูกเอาเปรียบในกิจการโทรคมนาคม ที่ปลายน้ำ" ซึ่ง กสทช. ต้องดำเนินการควบคู่ไป นั้น ขณะนี้ กสทช.กำลังเร่งยกเครื่องระบบการรับเรื่องร้องเรียน โดยมีแนวคิดจะจัดทำในรูปแบบ วันสต็อปเซอร์วิส" เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมในการร้องเรียนปัญหาการใช้บริการ นอกจากนี้ กสทช. ยังได้ออกระเบียบว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทฯ เพื่อเปิดเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการระงับข้อพิพาท ซึ่งปัจจุบันมีผลบังคับใช้แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาระบบงานธุรการ และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อินโฟเควสท์
http://www.ryt9.com/s/iq05/1556045
________________________________
สุทธิพล เปิดเกมรุกคุ้มครองผู้บริโภครับปีใหม่ในยุค 3G
- จับมือศาลยุติธรรมผลิตบุคลากรด้านไกล่เกลี่ยเพื่อรับข้อพิพาทมือถือพุ่ง
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผย ภายหลังจากเป็นประธานเปิดโครงการอบรมหลักสูตร ความรู้และเทคนิคการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านโทรคมนาคม จัดขึ้น ณ โรงแรม ชาโต เดอ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 17-20 ธ.ค. 2555 ว่า โครงการนี้เป็นผลพวงจากความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงาน กสทช. เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบระงับข้อพิพาทด้านโทรคมนาคมโดยวิธีไกล่เกลี่ย ซึ่งล่าสุด กสทช. ได้ออกระเบียบ กสทช.ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมและผู้ร้องเรียน พ.ศ. 2555 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยปัจจุบันสำนักงาน กสทช.อยู่ระหว่างการจัดระบบงานธุรการและเตรียมบุคลากรเพื่อรองรับการดำเนินการตามระเบียบนี้ โดย กสทช. ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากศาลยุติธรรม โดยเฉพาะท่านวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานร่วมในพิธีเปิดโครงการอบรมฯนี้ด้วย ทั้งยังสนับสนุนคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากศาลยุติธรรม ในการนี้ กสทช.ยังได้รับความอนุเคราะห์องค์ความรู้จาก กูรู ทางด้านการไกล่เกลี่ยและการเจรจาด้วยสันติวิธี อาทิ ศ. นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ ผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันพระปกเกล้า , นายโชติช่วง ทัพวงศ์ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์ภาค 7 รศ.ดร.โคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ฯลฯ ในการเติมองค์ความรู้และถือเป็นโอกาสที่ดียิ่งที่บุคลากรของกสทช.จะเรียนรู้จากประสบการณ์ของศาลยุติธรรม และ กูรู เหล่านี้ นำความรู้มาต่อยอดกับแง่มุมของ กสทช. เพื่อนำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้กับข้อพิพาทด้านโทรคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ว
จากความร่วมมือและการสนับสนุนของสำนักงานศาลยุติธรรม ทำให้สำนักงาน กสทช.จัดติวเข้มบุคลากรกสทช.ทั่วประเทศ ด้วยการฝึกอบรมและสร้างความคุ้นเคยกับวิธีการไกล่เกลี่ย เพื่อเตรียมรับข้อพิพาทและมุ่งคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเต็มที่ หลังเปิดบริการมือถือระบบ 3 จี โดยเน้นการเพิ่มทางเลือกในการระงับข้อพิพาทให้ผู้บริโภคด้วยการสร้างกลไกในการบังคับใช้ระเบียบ กสทช.ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยเรื่องร้องเรียนระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดประสิทธิภาพ ทั้งนี้เพื่อให้คู่กรณีทราบว่า ถ้าร้องเรียนเข้ามายัง กสทช. เกี่ยวกับข้อพิพาทมือถือแล้วจะมีระบบในการทำงานอย่างไรให้คู่กรณีเกิดความมั่นใจในระบบ และที่สำคัญต้องมีระบบบริหารที่ครบวงจร โดยมีบุคลากรให้คำแนะนำแก่ผู้ร้องเรียน มีการจัดห้องไกล่เกลี่ยอย่างเป็นระบบและเน้นบรรยากาศที่ผ่อนคลายเป็นมิตรระหว่างกันเพื่อนำไปสู่การหาทางออกร่วมกัน ดังนั้นจึงควรแยกประเภทข้อพิพาทเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการข้อพิพาทที่ร้องเรียนเข้ามายัง กสทช.
ในการนี้ นายอดุลย์ ขันทอง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ในฐานะกำกับดูแลสำนักระงับข้อพิพาทของสำนักงานศาลยุติธรรม ได้แสดงความชื่นชมถึงแนวทางการทำงานของกสทช.ที่นำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้ในการระงับข้อพิพาทด้านโทรคมนาคม ว่า กสทช.เดินมาถูกทางแล้ว ในขณะที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ได้ให้ข้อสังเกต ว่า เมื่อมีการเปิดให้บริการ 3 จี อย่างเต็มรูปแบบแล้ว คาดว่าจะมีข้อพิพาทมือถือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กสทช.จำเป็นจะต้องตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยเพื่อให้มีการบังคับใช้ระเบียบไกล่เกลี่ยของกสทช.โดยเร็ว เพื่อรองรับปริมาณเรื่องร้องเรียนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ดร.สุทธิพล กล่าวด้วยว่า การบริหารจัดการข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการมือถือนั้น มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่กระบวนการศาลยุติธรรมเองก็มีการต่อยอดระบบไยคดีและระงับข้อพิพาทคดีไปสู่การตั้ง ศูนย์สมานฉันท์และสันติวิธี ส่งผลทำให้ศาลยุติธรรมสามารถบริหารจัดการคดีโดยไม่ต้องเข้าสู่สารบบการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมได้ปีละกว่า 100,000 คดี สำนักงาน กสทช.จึงมีแผนงานต่อยอดโครงการนี้เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้สิทธิของตัวเองต่อการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ใช้บริการมือถือ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเองในการไม่ละเมิดสิทธิของผู้บริโภคและเรียนรู้การเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมือถือด้วยเช่นกัน ดังนั้นสำนักงาน กสทช.ร่วมกับสำนักงานศาลยุติธรรมจึงจะจัดงานสัมมนาเรื่อง การไกล่เกลี่ยกับทางเลือกใหม่ของการระงับข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการโทรคมนาคม ในวันพุธที่ 26 ธันวาคม 2555 ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อแนะนำกลไกการไกล่เกลี่ยในด้านโทรคมนาคมให้เป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้บริโภคในการระงับข้อพิพาทที่มีต่อผู้ประกอบการโทรคมนาคม ตลอดจนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
มีความเข้าใจอย่างผิดๆว่า การนำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้เป็นการเลี่ยงไม่บังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายด้านโทรคมนาคมเพื่อเป็นการช่วยผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นเรื่องที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก เพราะแท้จริงแล้วกลไกไกล่เกลี่ยได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นกลไกระงับข้อพิพาททางเลือกที่มีประสิทธิภาพที่สุด และจะช่วยให้การบังคับกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยรองรับเรื่องร้องเรียนในยุค 3 จี อย่างได้ผล โดยจะดำเนินการในเรื่องนี้ควบคู่ไปกับการปรับปรุงกลไกรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคมากที่สุด ดร.สุทธิพล กล่าวทิ้งท้าย
ThaiPR.net
http://www.ryt9.com/s/prg/1556079
_______________________________
กสทช.เดินหน้าเปิดเกมรุกคุ้มครองผู้บริโภครับ3จี
สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการ กสทช. เปิดเกมรุกคุ้มครองผู้บริโภครับปีใหม่ในยุค 3จี จับมือศาลยุติธรรมผลิตบุคลากรด้านไกล่เกลี่ยเพื่อรับข้อพิพาทมือถือพุ่ง...
นาย สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังจากเป็นประธานเปิดโครงการอบรมหลักสูตร ความรู้ และเทคนิคการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านโทรคมนาคม ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17-20 ธ.ค. 2555 ที่ผ่านมา ว่า โครงการนี้เป็นผลพวงจากความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงาน กสทช. เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบระงับข้อพิพาทด้านโทรคมนาคม โดยวิธีไกล่เกลี่ย ซึ่งล่าสุด กสทช. ได้ออกระเบียบ กสทช.ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ โทรคมนาคมและผู้ร้องเรียน พ.ศ. 2555 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยปัจจุบันสำนักงาน กสทช. อยู่ระหว่างการจัดระบบงานธุรการและเตรียมบุคลากร เพื่อรองรับการดำเนินการตามระเบียบนี้
ทั้งนี้ จากความร่วมมือและการสนับสนุนของสำนักงานศาลยุติธรรม ทำให้สำนักงาน กสทช. จัดติวเข้มบุคลากร กสทช.ทั่วประเทศ ด้วยการฝึกอบรมและสร้างความคุ้นเคยกับวิธีการไกล่เกลี่ย เพื่อเตรียมรับข้อพิพาทและมุ่งคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเต็มที่ หลังเปิดบริการมือถือระบบ 3 จี โดยเน้นการเพิ่มทางเลือกในการระงับข้อพิพาทให้ผู้บริโภคด้วยการสร้างกลไกใน การบังคับใช้ระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยเรื่องร้องเรียนระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการให้ เกิดความเป็นธรรมและเกิดประสิทธิภาพ
กรรมการ กสทช. กล่าวต่อว่า การบริหารจัดการข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการมือถือนั้น มีความจำเป็นมาก เพราะแม้แต่กระบวนการศาลยุติธรรมเองก็มีการต่อยอดระบบไกล่เกลี่ยคดีและระงับ ข้อพิพาทคดีไปสู่การตั้งศูนย์สมานฉันท์และสันติวิธี ส่งผลทำให้ศาลยุติธรรมสามารถบริหารจัดการคดี โดยไม่ต้องเข้าสู่สารบบการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมได้ปีละกว่า 1 แสนคดี ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการก็ต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเองในการไม่ละเมิดสิทธิของผู้ บริโภคและเรียนรู้การเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมือถือด้วยเช่นกัน
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ข้อสังเกตเมื่อเปิดให้บริการ 3จี อย่างเต็มรูปแบบแล้ว คาดว่าจะมีข้อพิพาทมือถือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กสทช.จำเป็นต้องตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยเพื่อบังคับใช้ระเบียบไกล่เกลี่ยของ กสทช.โดยเร็ว เพื่อรองรับปริมาณเรื่องร้องเรียนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช.จะจัดงานสัมมนาเรื่อง การไกล่เกลี่ยกับทางเลือกใหม่ของการระงับข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ ประกอบการโทรคมนาคม เพื่อแนะนำกลไกการไกล่เกลี่ยในด้านโทรคมนาคมให้เป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นแก่ ผู้บริโภคในการระงับข้อพิพาทที่มีต่อผู้ประกอบการโทรคมนาคม ตลอดจนสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น ในวันที่ 26 ธ.ค. 2555 ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ.
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/315189